SPH:บทที่ 131 อย่ามองคนที่ภายนอก
เมื่อได้ยินคําถามของหลิวเฉียน พี่ฟางและคนอื่นๆก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“แค่ก!” พี่ฟางกระแอมออกมาและอธิบายว่า “คือพวกเรากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ เดี๋ยวพวกเราจะคอยเฝ้าระวังให้อยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”
“อะไรล่ะ” หลิวเฉียนถาม” จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เอ่อ…”
พี่ฟางมองไปที่หลิวเฉียนแล้วกระซิบว่า “พวกเขาสองคน ดูไม่เหมือนคนที่จะมาซื้อบ้านเลยนะ พาเขาไปห้องรับแขกแบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะวางแผนต่อต้านเธอน่ะสิ”
หลิวเฉียนอึ้ง “มันจะเป็นไปได้ยังไงพวกเขามาที่นี่เพื่อซื้อบ้านนะ!”
พนักงานขายมองไปที่พวกเขาทั้งสองและเริ่มหัวเราะออกมา.
“ฮ่าๆเฉียนเฉียน เลิกล้อเล่นได้แล้ว เธอคิดว่าพวกเขาจะมีเงินซื้อบ้านจริงๆหรือไง”
“ใช่ๆ พวกเขาดูเหมือนคนรวยตรงไหน คิดจะซื้อบ้านงั้นหรอ เหอะ!”
“ดูนั่น พวกเขามาแล้ว!”
ในขณะเดียวกันเย่หยู่และเย่เหว่ยเกากําลังเดินออกมาจากห้องรับแขก
เมื่อพนักงานขายเห็นว่าพวกเขากําลังเดินออกมาก็พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า “ไง ทําไมออกมาไวนักล่ะ ไม่มีหลังที่ถูกใจหรือไง”
“อะไรกัน คุณไม่ชอบเลยจะไม่ซื้อนั้นหรอ”
“นี่ อย่าบอกนะว่าไม่มีเงินในบัตรนะ!”
“เหอะ!” เล่นละครหลอกกันชัดๆ เขาแพ้ให้กับผู้หญิงคนนั้นแล้วเขาจะทนมันได้ยังไงล่ะ ”
เมื่อหลิวเฉียนได้ยินดังนั้น เธอจึงรีบอธิบายต่อพนักงานขายว่า “ผิดแล้ว! เย่หยู่และคนอื่นๆนั้นซื้อบ้านจริงๆ เขาซื้อเรือนสี่ประสาน 1,800 ล้าน และคฤหาสน์หลังละ 70 ล้าน ต่างหาก!”
พนักงานขายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพวกเขาก็ระเบิดหัวเราะออกว่า
“ฮ่าฮ่า โอ๊ย!” เฉียนเฉียน, พูดอะไรน่ะอย่ามาทําเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย เธอไปซื้อกับพวกเขาหรือไงล่ะ อะไรนะ 1,800ล้าน ตลกแล้ว ใครจะไปเชื่อ !”
“เฉียนเฉียน อย่าบอกนะว่าเธอตกใจจนเสียสติไปแล้ว!”
“เฉียนเฉียน มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ คนเราจะซื้อบ้านสองหลังพร้อมกันได้ยังไง “
หวังต่งเดินออกมาจากห้องรับแขกและเห็นว่าพนักงานขายทุกคนหัวเราะเยาะเย่หยู่เขาส่งเสียงเย็นชาออกมาว่า “เฮ้! นี่พวกเธอหัวเราะอะไรกัน !”
เมื่อพวกเธอเห็นว่าหวังต่งกําลังของขึ้นสุดๆ พวกเธอจึงยืนตัวตรงและไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีก
หวังต่งมองไปที่พวกเธอแล้วพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า “นี่เป็นวิธีที่พวกเธอปฏิบัติต่อแขกงั้นหรอ ชื่อเสียงของอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้วางใจได้กําลังจะป่นปี้เพราะสิ่งที่พวกเธอทํา!”
หวังต่งเห็นพวกเธอก้มหน้า จึงตําหนิติเตียนว่า “พวกเธอรู้ไหมว่า เขาทั้งสองคนเป็นแขกคนสําคัญของที่นี่ !พวกเธอควรจะทําตัวให้มีมนุษยสัมพันที่ดีเหมือนหลิวเฉียนไม่ใช่มาล้อเลียนหรือดูถูกคนอื่นแบบนี้!”
หลังจากที่ได้ยินคําตําหนิจากหวังต่งพวกเธอเริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที
พี่ฟางเงยหน้าขึ้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ท่านประธานคะ พวกเขาไม่สามารถซื้อบ้านได้ก็ถูกแล้วนี่คะ”
“เหอะ” หวังต่งแสยะยิ้ม “เธอบอกว่าเขาซื้อไม่ได้?”
พี่ฟางพยักหน้า “ ใช่ค่ะ ดูเสื้อผ้าของพวกเขาสิคะดูเหมือนคนมีเงินหรือเปล่า”
“เงียบนะ!” หวังต่งโพรงออกมาและชี้นิ้วไปที่พี่ฟางแล้ว ตะคอกใส่ว่า”ตาถั่วหรือไง ไม่มีเงินงั้นหรอ ถ้าเขาไม่มีเงินเขาจะซื้อบ้านเป็นพันล้านได้ยังไง”
ในสายตาของพี่ฟางนั้นว่างเปล่า เธอไม่สามารถปักใจเชื่อได้จึงถามว่า “ท่านประธานคะ คุณจะบอกว่าพวกเขาซื้อบ้านในราคาพันล้านจริงๆหรอคะ “
พนักงานคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่า”เป็นไปไม่ได้ นั่นมัน 1,800 ล้าน กับ 70 ล้านเชียวนะ!”
“ถูกต้อง!” ผมซื้อทั้ง 2 หลังเลยล่ะ!”
“เป็นไปไม่ได้!” ฉันรู้สึกพูดไม่ออกพวกไทคูนสมัยนี้เขาใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายกันขนาดนี้เลยหรอ”
หวังต่งมองไปที่พวกเธอด้วยสายตาเย็นชา “จําเอาไว้นะคราวหน้าคราวหลังเวลารับแขกจะต้องสํารวมและปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยท่าทีที่สุภาพ ไม่ใช่มาแอบฟังอยู่หลังประตูแบบนี้!”
หลังจากที่หวังต่งได้ตําหนิพนักงานของเขาเสร็จ เขาหันกลับไปขอโทษเย่หยู่, “น้องชาย ฉันต้องขอโทษนายจริงๆนะ ที่ทําให้นายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หลังจากนี้ฉันจะสั่งสอนพวกเธออย่างแน่นอน! ”
เย่หยู่ชําเลืองมองไปที่พนักงานคนหนึ่งและหัวเราะออกมา “คุณดูถูกผมเกินไปนะ!” ถ้าพวกคุณมีความกระตือรือร้นได้สักครึ่งนึงของหลิวเฉียนก็คงไม่ได้รับความอับอายอย่างนี้หรอก”
พนักงานต่างพากันก้มหัว พึมพํากับตัวเองในลําคอ
หวังต่งทอดสายตามองเย่หยู่กับเย่เหว่ยเกาเดินออกไป
หวังต่งส่งยิ้มให้กับเย่หยู่และพูดว่า”น้องชาย ฉันหาบริษัทก่อสร้างให้นายได้แล้วนะ นายอยากดูแบบเพิ่มเติมของทางบริษัทไหม”
เย่หยู่โบกมือ “ขอบใจมากนะพี่ชาย แต่ผมมีแบบที่ต้องการแล้วล่ะแค่ให้พวกเขาไปที่นั่นและรอผมไปถึงก็พอ”
หวังต่งพยักหน้ารับ “เอาล่ะ ฉันจะติดต่อพวกเขาให้แล้วกัน”
“สวัสดีครับท่าน รถมาถึงแล้วครับ “บริกรในชุดเครื่องแบบวิ่งมาและทําความเคารพเย่หยู่
เย่หยู่พยักหน้าและหันหลังกลับไปพูดกับหวังตงว่า” ผมหวังว่าการรีโนเวทจะเป็นเสร็จทันกําหนดการณ์นะ”
หวังต่งพยักหน้าและกล่าวว่า”วางใจได้เลย สามวัน นายเตรียมตัวเข้าไปอยู่ที่นั่นได้เลย!”
วึป*
เย่หยู่สตาร์ทรถสปอร์ตคันหรูและขับออกไปจากที่นี่โดยมีเยเหว่ยกัวนั่งไปกับเขาด้วย
ทางด้านของอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้วางใจได้
พวกพนักงานขายที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังต่งกําลังทอดสายตามองไปทางเย่หยู่กับเย่เหว่ยกัวขับรถจากไป พนักงานคน หนึ่งเริ่มเปิดปากพูดขึ้นมาว่า
“เหลือเชื่อสุดๆ รถสปอร์ตคันนั้นเป็นของเขางั้นหรอ?”
“โห รถคันนั้นแพงมากเลยนะนั่น! ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขารวยมากๆเลยน่ะสิ!”
พี่ฟางมองไปที่รถคันนั้นรู้สึกเสียดายอยู่ลึกๆภายใน “โถ่เอ้ย! ถ้าฉันรู้ว่าเขาขับรถคันนั้น ฉันคงไม่ทํากับเขาแบบนี้หรอก! ”
“ท่านประธานคะ รถคันนั้นราคาเท่าไหร่กันคะ? ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเขาถึงอยากซื้อบ้านราคาแพงนั่น”
หวังต่งกระตุกยิ้มในขณะที่หันไปบอกกับพี่ฟางว่า “รถสป อร์ตคันนั้นน่ะหรอ ก็คงไม่ต่ํากว่าร้อยล้านล่ะมั้ง ถ้าขายก็คงซื้อบ้านได้สักสองสามหลัง”
พี่ฟางตัวแข็งที่อไปชั่วขณะ รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทําลงไป ทอดสายตามองเย่หยู่จากไป
หวังต่งกลับไปยังฮอลล์อสังหาริมทรัพย์
“ฉันมีเรื่องสําคัญจะมาบอกพวกเธอทุกคน”
หวังต่งมองไปยังพนักงานขายและชี้นิ้วไปที่หลิวเฉียน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลิวเฉียนจะได้เลื่อนตําแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย
ทุกคนต่างพากันฮือฮาแต่หลังจากนั้นไม่นานก็ยิ้มแห้งๆออกมา คิดในใจว่าถ้าพวกเธอทําตามหลิวเฉียนและปฏิบัติดีต่อลูกค้าของพวกเธอ พวกเธออาจจะได้รับตําแหน่งนี้
“ฉันไม่ยอมรับหรอกนะคะ!”
พี่ฟางแย้งขึ้นมาว่า “ตามข้อตกลง คนที่ชนะจะได้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายไม่ใช่หรอคะ และผู้ชนะก็คือฉันเอง ดังนั้นต่ําแหน่งนี้ต้องเป็นของฉันสิคะ !”
“ของเธอ?” หวังต่งหัวเราะเยาะในการกระทําของเธอ “หลิวเฉียนทําธุรกิจและได้รับค่าตอบแทนถึง 1.8 ล้าน เธอทําได้อย่างเขาไหมล่ะ?”
สีหน้าของพี่ฟางซีดเผือด เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หยดน้ําตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
วึป*
รถสปอร์ตสุดเท่วิ่งไปตามท้องถนนเย่หยู่นั่งอยู่ในฝั่งคนขับ เผยรอยยิ้มออกมา
“ปึ๊บ!” ” ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับห้องและรถยนต์รางวัลนี้ถือเป็นหนึ่งในการจับรางวัล!”
เย่หยู่ไม่สามารถช่วยหัวเราะเยาะระบบในหัวใจของเขา คุณต้องการซื้อบ้านอีกหรือป่าว?
หลังจากส่งปู่ของเขาเย่เหว่ยกัวที่บ้าน เย่หยู่ขับรถตรงไปที่โรงเรียนของเขา
เมื่อถึงโรงเรียนเขาจอดรถแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนรู้สึกตัวอีกครั้ง รอบข้างของเขากลายล้อมไปด้วยนักเรียนกลุ่มใหญ่
“ว้าว!” นั่นเย่หยู่นี่หน่า หล่อจังเลย! “
“กรี้ดดดดฉันชอบเพลงที่เขาร้องมากเลยอ่ะ! “
“เพลง “หิมะร่วงหล่น” (Snowfall)เพราะเว่อ!”
“เย่หยู่, ขอลายเซนหน่อยสิ!”
“เย่หยู่, ฉันชอบนาย!”
เย่หยู่รีบผลักนักเรียนที่อยู่ใกล้ๆออกไปและถามขึ้นมาว่า “เกิดอะไรขึ้น” ฉันมีชื่อเสียงขนาดนั้นหรอ”
เมื่อเห็นเย่หยู่กําลังสับสนและงุนงงนักเรียนคนอื่นๆรอบข้างจึงอธิบายให้เขาเข้าใจ
ปรากฏว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเพลงที่เย่หยู่ที่ร้อง
ในขณะเดียวกันมีนักเรียนคนหนึ่งบันทึกเพลงเอาไว้และ เขาชอบมันมากเขาจึงส่งมั่นให้กับคนอื่นๆผ่านทางอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับมันแต่เพลงของเย่หยู่ หิมะร่วงหล่น” ได้รับความนิยมทําให้อันดับการค้นหาพุ่ง สูงขึ้นไปถึงอันดับต้นๆของเว็บไซต์!
แม้ว่าผู้คนบนอินเทอร์เน็ตจะไม่รู้ว่าเย่หยู่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมเซียงหยู่รู้!
ดังนั้นเมื่อเย่หยู่ปรากฏตัว เพื่อนร่วมชั้นต่างก็พร้อมใจห้อมล้อมเขาในทันที
” หยุด!” นี่มันเวลาเรียนแล้วนะ พวกเธอจะมาล้อมรอบฉันทําไมเล่า”
เมื่อเห็นว่ามีนักเรียนมารายล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ เย่หยู่ผู้ที่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะฝ่าเหล่านักเรียนกลุ่มนี้ออกไป เขารีบวิ่งขึ้นตึกเรียนและกลับเข้าไปในห้องเรียนในทันที
*ซื่อเหอย่วนหรือที่ชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อเรือนสี่ประสาน เป็นรูปแบบของบ้านที่มีอาคารล้อมลานกลางบ้านทั้งสี่ทิศการวางอาคารล้อมลานในลักษณะนี้ช่วยให้อากาศในบ้านไม่ร้อนจนเกินไปในฤดูร้อนเนื่องจากมีพื้นที่กลางบ้านที่เปิดโล่ง ทําให้ลมพัดผ่านอาคารได้เต็มที่ทุกหลังรวมทั้งยังช่วยลดความหนาวรุนแรงจากพายุหิมะในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย