ปล้นสวรรค์ – ตอนที่23​ ไข่มุกเพลิง

SPH:บทที่​ 23​ ไข่มุกเพลิง
ดูเหมือนจะเป็นแสง หรืออาจเป็นเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาจากหอยมุก หลังความสว่างเจิดจ้าหายไป สายตาของเย่หยูก็เพ่งมองไปยังสิ่งที่อยู่ด้านใน
“ซื้ด…
เย่หยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจเต้นระรัว มันคือไข่มุกทองคำลูกกลมเกลี้ยงงามไร้ที่ติซึ่งมีขนาดเท่าฝ่ามือ เย่หยูไม่เคยเห็นไข่มุกขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน ไม่เคยได้ยินเรื่องของมันด้วยซ้ำ แถมไข่มุกนั้นยังมีสีทองจริง ๆ ภายในแสงสว่างของไฟจ้าในห้อง ไข่มุกเปล่งประกายชวนพร่าพราย
สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งไปกว่าคือขณะที่เย่หยูสังเกตจากมุมมองด้านต่าง ๆ ดูเหมือนจะมีเปลวเพลิงเป็นสายปรากฏบนผิวของไข่มุก ต่อให้ผู้ที่ไม่เคยเห็นของดีก็ต้องรู้ว่าไข่มุกเม็ดนี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน!
เย่หยูยื่นแขนออกไปหยิบไข่มุกมาไว้ในมือ พลางถอนใจออกมาด้วยความประหลาดใจ ไข่มุกเม็ดนี้ต่างจากไข่มุกทั่วไป มันอบอุ่นเมื่อได้สัมผัส และดูเหมือนแผ่นหยกอุ่นชั้นหนึ่ง ขณะถือไข่มุกไว้ในมือ เย่หยูวางมันไว้ตรงหน้า เขายิ่งอยากรู้เรื่องของไข่มุกเพลิงเม็ดนี้มากขึ้น
“ระบบ ไข่มุกเม็ดนี้คืออะไร” เย่หยูถามด้วยความอยากรู้
“ไข่มุกเพลิง”
“มันไม่ธรรมดาตรงไหน” เย่หยูถามขึ้นทันที ชื่อนี้ฟังดูพิเศษอย่างแท้จริง!
“มันใหญ่แบบไม่ธรรมดา”
เย่หยูมึนงง “ระบบ อย่ากวนกันสิ เจ้ารู้สิ่งที่ฉันพูดถึง”
มันเป็นชื่อ ไข่มุก มันมาพร้อมกับระบบอุณหภูมิ ไม่ว่าท้องฟ้าจะหนาวเย็นเพียงใด มันก็ปล่อยความร้อนได้!”
เย่หยูรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย สำหรับไข่มุกที่แสนพิเศษเม็ดนี้ มันกลับทำได้แค่เป็นสมบัติที่ทำให้มืออบอุ่น ช่างไม่สมกับความพิเศษเอาเสียเลย! เขาจึงตัดสินใจว่าไข่มุกเม็ดนี้จะเป็นของชิ้นแรกที่ถูกประมูล! สำหรับสมบัติที่ทำให้มืออุ่นสุดงดงามนี้ เย่หยูกล่าว ชายหนุ่มคนนี้แค่นอนบนเตียงอิฐเย็น ๆ กับพลังไฟแรง ๆ ก็พอ!
เขาวางไข่มุกเพลิงกลับไปในหอยมุก และด้วยการกดเบา ๆ หอยมุกก็ปิดลงอย่างอัตโนมัติ เย่หยูเหลือบมองไปทาง
หอยมุกและพยักหน้าอย่างพอใจ เพราะหวังว่าจะได้ราคาที่ดี เขานั่งที่เก้าอี้ ดึงเอานามบัตรชื้น ๆ ออกจากกระเป๋า
เฉียนจินว่างรับสาย
หมายเลขโทรศัพท์ : 130…
ประธานและหัวหน้าผู้จัดประมูลของสถานประมูลท็อป
เย่หยูเลิกคิ้ว เฉียนจินผู้นี้ทำเกี่ยวกับการขายทอดตลาดงั้นเหรอ
“บี๊ป บี๊ป!
“หวัดดี ผมมีเงินนะ ไม่ต้องห่วง ผมจะคืนเงินให้คุณเร็ว ๆ นี้” น้ำเสียงไร้ความอดทนนิด ๆ ของเฉียนจินดังจากปลายสาย
เย่หยูแคะหู ดูเหมือนว่าเขาเข้าใจผิด “ผู้เฒ่าเฉียน ผมเอง เย่หยู!”
เฉียนจินถอนใจอย่างโล่งอก “อ้อ เย่หยูนั่นเอง ผมคิดว่าเป็นคนทวงหนี้”
“เชื่อใจผม อีกไม่นานคุณจะไม่ต้องห่วงแล้ว!”
เฉียนจินหัวเราะอย่างหดหู่ “เร็ว ๆ นี้เหรอ เร็วแค่ไหนกัน ในอีกสองสามวัน ถ้ายังไม่จ่ายเงิน ธนาคารจะยึดสถานประมูลของผมไปแน่!”
เย่หยูกวาดหางตาไปทางหอยมุก (น่าจะแปลอังกฤษมาผิด) ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ยามนั้นเขาหัวเราะออกมา “เฒ่าเฉียน ฉันพบของประมูลชิ้นแรกแล้ว”
“ของประมูลคืออะไร” ในคราแรก เฉียนจินดีใจเต็มเปี่ยม แต่แล้วหัวใจของเขาก็แฟบลง นักเรียนชั้นมัธยมปลาย จะหาของดีอะไรได้
“ไข่มุก ไข่มุกลูกใหญ่ ผมจะให้คุณได้เห็นพรุ่งนี้ตอนบ่าย” เย่หยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไข่มุกงั้นเหรอ งั้นก็ดี”
เฉียนจินหมดสิ้นหวังอยู่แล้ว ไข่มุกประเภทไหนกันที่จะกอบกู้สถานประมูลที่กำลังจะล้มละลายได้ แต่เย่หยูคือผู้ช่วยชีวิตของเขา และเขาไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายได้
หลังวางสาย เย่หยูถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก สวมแค่กางเกงขาสั้นและยืนอยู่ในพื้นที่ห้องว่างๆ หลังเริ่มท่าออกกำลังกายแบบสบาย ๆ ไประยะหนึ่ง ท่าออกกำลังกาย36ท่า ซึ่งทำให้เย่หยูเริ่มปวดหัวขึ้นมาทันที
กร็อบ!
เพราะรู้สึกถึงเสียงระคายหูที่สุดทนดังมาจากข้อต่อ เย่หยูสบถเงียบ ๆ ในใจ สุดท้าย มันคือเจ้าตัวร้ายที่สร้างกระบวนท่านี้ขึ้นมา มันแค่จะเป็นการทำให้คนบ้าเท่านั้น
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เย่หยูก็ออกกำลังกายเริ่มอุณหภูมิร่างกายจนจบ เขาเหงื่อออกท่วมตัวเมื่อนอนลงบนพื้น ทั้งร่างปวดเมื่อยรุนแรง และเขาไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด
ในขณะเดียวกัน ในวิลล่าสุดหรู ฮันเสวี่ยและพ่อแม่ของเธอนั่งเผชิญหน้ากันในห้องรับแขกกว้างขวาง ฮันเสวี่ยยืดเอวขึ้นและมองไปที่บิดาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับฮันเสวี่ยคือชายวันกลางคนที่มีท่าทางสง่างามและสวมแว่นตา เขาคือบิดาของฮันเสวี่ย ฮันชือเยี่ย แต่ในยามนั้น สีหน้าถมึงทึงของฮันชือเยี่ยทำให้เขาดูหม่นหมองเล็กน้อย
“นี่คือสิ่งที่เธออยากคุยกับพ่อตอนโทรเรียกให้พ่อเรียกกลับมาใช่ไหม” ฮันชือเยี่ยมองฮันเสวี่ยและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ฮันเสวี่ยมองนิ่งไปยังบิดา “ใช่ค่ะ หนูอยากรู้ว่าทำไมพ่อถึงขอให้หนูอย่ามีความรักอยู่ตลอด”แล้วเธอก็พูดออกมาทันทีเมื่อฮันชือเยี่ยอยากพูดอะไรออกมา “อย่าใช้การเรียนรู้มาหลอกหนู หนูเก่งเรื่องนั้น!”
ฮันชือเยี่ยบีบสันจมูกของเขา หลับตาลงและใช้ความคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดช้า ๆ “ลูกยังเด็ก ดังนั้นความรู้สึกยังไม่เป็นผู้ใหญ่ มาคุยเรื่องความรักกันตอนโตแล้วเถอะนะ!”
“หนูโตแล้วค่ะ และรู้ดีกว่าหนูรู้สึกยังไงกับเขา!”
แม่ของฮันเสวี่ย หมิ่นโหรว นั่งข้าง ๆ และมองไปที่พ่อและลูกสาวซึ่งมีปากเสียงกัน “ชือเยี่ย ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเกรดของเธอนั้น มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะไม่มีปัญหาแน่ เอาเป็นว่าคุณ…”
ฮันชือเยี่ยโบกมือขึ้น ทำให้แม่ของฮันเสวี่ยต้องหยุดพูดกลางคัน “อย่าพูดอีก ไม่ว่าจะยังไง อาเสวี่ยจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรัก! ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับพวกเด็กผู้ชายมากจนเกินไปด้วย!”
เพราะเห็นผู้เป็นพ่อยืนกราน แม่ของฮันเสวี่ยรู้ว่าไม่มีทางที่จะเกลี้ยกล่อมเขา เธอจึงหันไปมองลูกสาว “เสี่ยวเสวี่ย พ่อของลูกพูดถูก ลูกยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ สำหรับลูก มันยังเร็วเกินไป ทำไมเราไม่รอจนลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยล่ะ”
ฮันเสวี่ยส่ายหน้า พยายามอย่างหนักที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ “แต่ปีหน้า เราจะไปอยู่เมืองนอก แม่จะยอมให้หนูอยู่ในประเทศนี้คนเดียวเหรอคะ”
“เรื่องนี้…” เสียงของหมิ่นโหยวขาดหาย เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปเมืองนอกและไม่มีทางที่จะยกเลิกเลย พวกเขาจะไม่ยอมให้ฮันเสวี่ยอยู่ในประเทศคนเดียวแน่
“พ่อคะ ไม่มีทางอื่นจริง ๆ เหรอคะ หนูไม่อยากที่จะเสียใจไปชั่วชีวิต!”
ความเสียใจปรากฏขึ้นในแววตาของฮันชือเยี่ยวูบหนึ่ง เขายังอยากให้ลูกสาวมีความรักครั้งแรกที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเขาคิดถึงตัวตนที่แท้จริงของฮันเสวี่ย เขาก็รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ
“ไม่มีทาง!”
สุดท้ายน้ำตาของฮันเสวี่ยก็ร่วงลงมาตามใบหน้า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงเอาแต่ปฏิเสธเธอ “หนูรู้ หนูเหนื่อยแล้ว หนูอยากพักผ่อน! ฮันเสวี่ยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เพื่อกลับไปที่ห้อง
หลังจากลูกสาวออกไป หมิ่นโหรวนั่งลงข้างสามีและกุมมือของเขาไว้ “ชือเยี่ย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมรับเรื่องความรักของเสี่ยวเสวี่ย ลูกโตมาแบบอิสระ และความคิดของเธอเป็นผู้ใหญ่ เธอรู้ว่าต้องการอะไร”
ฮันชือเยี่ยถอดแว่นตาออก และยกมือกุมศีรษะพลางนวดขมับไปมา เขาเอนหลังพิงโซฟาและถอนหายใจยาว
“ผมรู้แต่ผมจำเป็นต้องทำ!”
หมิ่นโหรวเงียบไปพักใหญ่ เธอซบศีรษะลงบนบ่าของฮันชือเยี่ย และกล่าวอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องห่วง เสี่ยวเสวี่ยจะต้องเข้าใจคุณเช่นกัน”
ฮันชือเยี่ยพยักหน้า เขารู้สึกหนักใจ เสี่ยวเสวี่ยเสียใจ หวังว่าเส้นทางของโชคชะตาจะเป็นความจริง!
“ส่งคนไปสืบเรื่องคนชื่อเย่หยู”
ยามรุ่งเช้า แสงอาทิตย์ลำแรกสาดส่องเข้ามาให้องของเย่หยู ปลุกเย่หยูที่กำลังหลับให้ตื่น
“อืม! ตอนเช้าแบบนี้พอฉันตื่นมาเปิดหน้าต่าง ฉันจะอารมณ์ดีมาก ๆ”
เย่หยูยืดเอวขึ้นและเปิดหน้าต่าง สูดอากาศบริสุทธิ์ และรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
“มนุษย์: เย่หยู (ระดับ 1 ลัทธิเต๋า)”
“ร่างกาย: ร่างจิตวิญญาณดาบ”
“แต้มการขโมย : 1”
“คะแนนเต๋าที่ดีที่สุด: 130/1000”
“พรสวรรค์: ทักษะไพ่บิน สุดยอดการคำนวน เชี่ยวชาญด้านภาษา”
“เส้นทางทักษะ: ท่าออกกำลังกาย​ 36 ท่า”
“ไอเทม: น้ำยาสัตย์จริง แว่นตาโคนัน แผ่นหยกสลักประตูมังกร ไข่มุกเพลิง””
“จับรางวัล: 0”

เย่หยูดูจำนวนการขโมยในความคิด และเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น “เริ่มการขโมยได้!”

ปล้นสวรรค์

ปล้นสวรรค์

เรื่อง ปล้นสวรรค์ นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา นามว่าเย่หยู จู่ๆวันหนึ่งก็มีลำแสงพุ่งลงมาที่มือของเขา ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ระบบปล้นสวรรค์มาคลอบครอง ในแต่ละวันเขาสามารถเปิดช่องมิติ เพื่อที่จะใช้มือของเขา ล้วงเข้าไปขโมยของต่างๆจากทุกที่มาเป็นของตน “ยอดภูเขาดาบ ซึ่งมีดาบวิเศษปักอยู่ จู่ๆก็เกิดวังวน พร้อมทั้งมีมือยื่นออกมา คว้าดาบวิเศษ ที่นิกายดาบสวรรค์เฝ้ารอคอย” “ดร.อากาสะแว่นตารุ่นล่าสุดของผมอยู่ไหนครับ” “ โอ้มันอยู่ตรงนี้ โคนัน เอ๊ะ! มันหายไปไหนแล้ว!” “ ฮ่าฮ่า ในที่สุดตำราฝังเข็มเล่มนี้ก็เป็นของข้า! อ๊ะ! ใครบังอาจขโมยไป”

Options

not work with dark mode
Reset