ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 69 การประท้วง

บทที่ 69 การประท้วง
โดย
Ink Stone_Fantasy

 เวลาครึ่งเดือนนั้นถ้าจะบอกว่าเร็วก็เร็ว แต่ถ้าหากจะบอกว่านานมันก็นาน
 ผ่านไปแป๊บเดียววันหยุดพักร้อนของวินนี่ก็ใกล้จะหมดลงแล้วอย่างไม่รู้ตัว ฉินสือโอวลองนับวันดู ที่แท้ตัวเองก็กลับจากบ้านมาที่ฟาร์มปลาได้ครึ่งเดือนแล้ว ช่างเร็วอะไรปานนี้
 ในตอนเช้าวินนี่ก็ได้เก็บข้าวของ เธอพับกระโปรงตัวหนึ่งและวางลงไปในกระเป๋าเดินทาง
 ฉินสือโอวยืนพิงอยู่ที่ประตูและมองดูเธออย่างเงียบๆ เขารู้สึกมหัศจรรย์มาก เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ พอวินนี่จับพับก็สามารถเอาพวกมันยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กได้แล้ว อีกทั้งยังเหลือที่ว่างให้ใส่สิ่งของอย่างอื่นอีกเล็กน้อย อย่างเช่นของที่ฉินสือโอวได้เตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นพวกน้ำเชื่อมเมเปิลหรือปลาย่างแห้ง
 เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว วินนี่จึงตบลงไปที่กระเป๋าเดินทางใบเล็กสีชมพู เธอยิ้มและพูดขึ้นว่า “โอเค เสร็จหมดแล้ว”
 ฉินสือโอวจึงพูดออกมา “ฮาย เพิ่มวันพักร้อนไปอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”
 วินนี่ยักไหล่และพูดขึ้น “คุณก็รู้นี่ฉิน มันเป็นงาน ไม่สามารถหยุดนานได้ และอีกอย่างถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่มวันลาพักร้อนแต่มันก็ต้องมีวันที่วันหยุดจะหมดลง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ไม่ใช่เหรอ?”
 วินนี่เปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงสีส้มตัวนั้นเหมือนกับวันที่เธอมา ขาเธอเรียวเล็กขาวใส ดูงดงามและมีสง่าผ่าเผย
 “ถ้าอย่างนั้นวันหยุดพักร้อนครั้งหน้า คุณยังจะมาเป็นแขกที่นี่อีกไหม?” ฉินสือโอวเอ่ยถาม
 วินนี่ขมวดคิ้วใส่เขาและพูดขึ้นว่า “ต้องดูว่าคุณจะต้อนรับฉันไหม ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันก็อยากจะมารบกวนอีกบ่อยๆ นะ”
 เมื่อมองไปที่สีหน้าอันยิ้มแย้มสงบเสงี่ยมของวินนี่ ในใจของฉินสือโอวก็สั่นเครือ เขาโผเข้าไปกอดวินนี่ไว้ สองมือโอบกอดไปที่เอวบางเล็กของเธอและสูดดมกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่อยู่บนตัวเธอลึกๆหนึ่งที จากนั้นจึงเอ่ยออกมา “จริงๆแล้วคุณไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ”
 วินนี่โอบกอดเขาไปเองโดยธรรมชาติ ใบหน้าอันสวยงามแนบชิดไปกับหน้าอกของเขา เงียบไปสักครู่เธอจึงพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ “ไม่ฉิน นี่เป็นงานและเป็นหน้าที่ของฉัน มันก็เหมือนกับที่คุณอยากที่จะทำให้ฟาร์มปลาที่ไม่มีอะไรเลยได้ฟื้นคืนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง ฉันเองก็อยากที่จะเป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับนะ”
 เมื่อกอดกันได้สักครู่ ฉินสือโอวจึงรู้สึกดีขึ้นมามาก เขาก็พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับวินนี่
 ความรักเหรอ? เขาไม่รู้ว่าความรักมันเป็นความรู้สึกอย่างไร แต่เขาสามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่วินนี่ดึงดูดเขาไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามและไม่ใช่รูปร่างที่ดูเซ็กซี่ หรือไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ ตอนแรกที่เธอจับมือปลอบโยนเขาอย่างนุ่มนวลในวันที่เขามีอาการของโรคกลัวความสูงกำเริบ เขาก็รู้สึกดีกับวินนี่แล้ว
 แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสวย ความเซ็กซี่ ความเก่งและความมีสง่าของวินนี่ได้ดึงดูดเขาไปขั้นหนึ่งแล้ว
 หลังจากที่คลายอ้อมกอดแล้ว ฉินสือโอวจึงยกกระเป๋าหนังเดินทางของวินนี่ขึ้นเรือ ในวันนี้เขาจะใช้เรือลาดตระเวนที่ก่อนหน้านี้ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่เคยได้ใช้ บังเอิญที่ความหมายของชื่อเรือลำนี้คือ “การบอกลา” พอดี ช่างเข้ากับบรรยากาศจริงๆ
 ก่อนที่จะออกไป สิ่งที่วินนี่อาลัยอาวรณ์มากที่สุดกลับไม่ใช่ฉินสือโอว แต่เป็นเจ้าหู่จือและเป้าจือสองตัวนี้
 ในขณะที่เธอเดินขึ้นไปที่ท่าเรือ เจ้าแลบราดอร์สองตัวยังคิดว่าวินนี่กำลังจะมาเล่นกับพวกมัน มันจึงรีบส่ายหางเล็กๆของมันและโผเข้าหาตัววินนี่
 ฉินสือโอวอดไม่ได้จึงพูดออกมา “ไม่อย่างนั้นเธอเอาพวกมันกลับไปด้วยไหม?”
 เมื่อวินนี่ได้ยินดังนี้จึงหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาและเอ่ยขึ้นว่า “แบบนั้นก็แย่สิ ฉันก็จะได้กลายเป็นแอร์โฮสเตทคนแรกในประวัติศาสตร์ที่จูงสุนัขบนเครื่องบิน และแน่นอน ข้อเสนอแรกก็ยังคงเป็นการที่พวกมันจะไม่กลัวความสูงเหมือนนาย”
 วินนี่อยู่เล่นเป็นเพื่อนกับหู่จือและเป้าจือสักครู่ จากนั้นก็ขึ้นไปบนเรือแฟร์เวลอย่างอาลัยอาวรณ์
 เรือแฟร์เวลมีขนาดความยาวของลำ 58 ฟุตซึ่งก็คือขนาดประมาณเกือบยี่สิบเมตร ตัวลำจะคล้ายกับกระสวยเล็กน้อย ด้านหน้าจะเป็นดาดฟ้าที่เปิดโล่ง ส่วนครึ่งด้านหลังจะเป็นห้องโดยสารแบบปิด ด้านในมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องอาบน้ำ และแน่นอนพื้นที่ของแต่ละห้องนั้นเล็กมาก เทียบกับเรือยอชต์ที่โอ่อ่าหรูหราไม่ได้เลย
 จริงๆแล้วเรือเร็วลาดตระเวนเป็นเรือยอชต์ที่หรูหราสำหรับคนรากหญ้า มันมีความเร็วที่ว่องไวและปราดเปรียวมากขึ้น
 นีลเซ็นค่อยๆขับเรือลาดตระเวนออกจากท่าเรือช้าๆ
 เมื่อเห็นวินนี่ยืนอยู่ที่บนดาดฟ้าของเรือและโบกมืออย่างต่อเนื่อง หู่จือและเป้าจือที่ยืนอยู่บนท่าเรือก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เจ้าสองตัวนั้นจึงส่งเสียงเห่าหอน‘โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง’ ดังออกมาอย่างไม่ยอมหยุด
 ไม่เพียงแค่เห่าหอนออกมา แต่เป้าจือยังกระโดดลงไปในน้ำ เรือลาดตระเวนได้ทำให้น้ำทะเลหมุนขึ้นลงไปมาเพียงแค่เจ้าสุนัขน้อยกระโดดลงไปก็ถูกคลื่นซัดจมลงไปในน้ำแล้ว
 วินนี่ตกใจจึงร้องกรี๊ดขึ้นมา เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนลงน้ำไปตามหาเป้าจือก่อน จากนั้นตัวเขาก็กระโดดลงไปในน้ำเช่นกัน เมื่อตามหาเป้าจือพบแล้วเขาจึงงมมันขึ้นมา
 เป้าจือสำลักน้ำทะเลไปหลายอึก หลังจากที่พ้นน้ำขึ้นมาและได้สติ มันก็ยังคงส่งเสียงเห่าให้กับวินนี่ไม่หยุด
 ฉินสือโอวไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องเอาเจ้าสุนัขทั้งสองตัวขึ้นเรือลาดตระเวนไปด้วย พวกมันต้องคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของวินนี่ถึงจะสงบลง
 เมื่อส่งวินนี่ถึงสนามบินเซ็นจอห์นส์แล้ว ฉินสือโอวก็ยักไหล่อย่างจนปัญญาและเอ่ยขึ้นว่า “ส่งกันพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน”
 วินนี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรน่า พักร้อนคราวหน้าฉันจะไปที่แฟร์เวลอีก……”
 สีหน้าของฉินสือโอวจึงเต็มไปด้วยความดีใจ วินนี่ได้พูดต่อว่า “มาเยี่ยมเยือนลูกๆพวกนี้ของฉันไง” เธอนั่งยองๆลงไปลูบคลำคางของหู่จือและเป้าจือ เจ้าสองตัวนั้นรีบเอาจมูกคลอเคลียไปที่หน้าและลงไปนอนม้วนตัวจนปรากฏให้เห็นหน้าท้องที่ขาวนุ่ม
 ขณะที่กำลังจะแยกกัน ฉินสือโอวได้ดึงมือวินนี่ไว้และพูดขึ้น “ฮาย สาวน้อย ผมยังมีของขวัญที่ยังไม่ได้ให้คุณ หลับตาก่อน โอเคไหม?”
 วินนี่หลับตาจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากอันแดงสดของเธอค่อยๆเปิดออกเล็กน้อย เหมือนกับดอกท้อที่เบ่งบาน
 ฉินสือโอวมีของขวัญที่อยากจะให้เธอจริงๆ แต่ว่าเมื่อดูจากท่าทางของวินนี่แล้วจึงเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเข้าใจผิด หากเขาเป็นคนโง่ก็สามารถดูออกว่านี่คือจังหวะของการที่อยากจะจูบลา
 ของขวัญของฉันไม่ใช่การจูบลา ฉินสือโอวอยากที่จะอธิบายสักหน่อย แต่ถ้าหากเขาอธิบายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นั่นก็คือคนที่โง่จริงๆ
 ฉินสือโอวไม่พูดพร่ำทำเพลงจึงเข้าไปจูบวินนี่ไว้……
 อืม กลิ่นดีมาก ยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของดอกแพโกดาอีกด้วย
 ช่างเหมือนกับตลอดไปจริงๆ ฉินสือโอวจูบเธอไว้นานถึงหนึ่งนาที สุดท้ายวินนี่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงผลักเขาออกและแสร้งพูดด้วยความโกรธ “พระเจ้า คุณอยากจะให้ฉันไม่มีอากาศหายใจตายเลยรึไง?”
 ฉินสือโอวอยากจะลองดูอีกสักครั้งจึงพูดขึ้นมาว่า “อีกทีสิ ที่รัก ผมจะแบ่งลมหายใจให้คุณเอง ความจุอากาศของปอดผมสูงมากนะ”
 ในขณะที่พูดฉินสือโอวจึงเอามือที่อยู่ด้านหลังมาไว้ข้างหน้า จากนั้นก็มีโหลเลี้ยงปลาพลาสติกขนาดเท่ากำปั้นปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา ข้างในโหลเลี้ยงปลาไม่มีน้ำ มีเพียงทรายทะเลที่เปียกชื้น และบนทรายก็มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆสีฟ้านอนคว่ำอยู่สองตัว สิ่งมีชีวิตเล็กๆสองตัวนี้ด้านนอกเป็นสีฟ้าเข้มทั้งตัว มีความยาวไม่ถึงสองเซนติเมตร รูปร่างอ้วนพี มีรูปทรงเหมือนกับหลอด สองข้างมีอุ้งเท้าสามอันเรียงกันจากใหญ่ไปเล็ก อุ้งเท้าของพวกมันสวยมาก เหมือนกับดอกเบญจมาศที่กำลังเบ่งบาน
 “ว้าว สวยมากเลย นี่คืออะไรเหรอ?” วินนี่พูดด้วยความแปลกใจ
 ฉินสือโอวยิ้มตาหรี่และพูดขึ้น “ปลิงทะเลที่อยู่ในนิยาย น่ารักใช่ไหม? ผมคิดว่คุณจะต้องชอบ ผมให้นะ คุณจะแอบเอาขึ้นเครื่องก็ได้ ระวังอย่าให้ถูกจับได้ก็พอแล้ว”
 ชื่อทางวิชาการของเจ้าตัวเล็กๆนี้คือ Glaucus atlanticus ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งคือมังกรน้ำเงิน ชื่อเล่นของมันคือปลิงทะเล เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมันเหมือนกับเทพเจ้าแห่งทะเลองค์หนึ่งในตำนานเทพเจ้ากรีก
 ซึ่งมีชื่อว่า Gaucus นี่คือเทพเจ้าแห่งทะเลที่ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นได้พูดถึงหลังจากที่ดูกระดุมสีฟ้าเมื่อวาน
 ในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นเพราะว่าเทพเจ้าแห่งทะเล Gaucus ได้กินหญ้าวิเศษเข้าไปจึงทำให้กลายเป็นอมตะ แต่มือทั้งสองข้างกลับยาวเหมือนครีบปลา ขาทั้งสองข้างก็กลายเป็นหางซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเจ้าตัวนี้มาก
 มังกรน้ำเงินจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนและเขตอบอุ่น มักจะอยู่ร่วมกันกับกระดุมสีฟ้า(สัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง)และแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส จะพบเห็นพวกมันได้ทางฝั่งอเมริกาในอ่าวเม็กซิโก
 ในแคนาดาพบเห็นเจ้าตัวนี้ได้น้อยมาก มังกรน้ำเงินคู่นี้ฉินสือโอวได้มาจากบนตัวกระดุมสีฟ้าตอนที่ออกทะเลไปงมมันขึ้นมาก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะพัดมาตามกระแสน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโก
 มังกรน้ำเงินเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ สามารถขึ้นฝั่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เนื่องจากไม่สามารถนำของเหลวขึ้นเครื่องบินได้ ดังนั้นฉินสือโอวจึงใส่ทรายทะเลที่เปียกชื้นไว้ในโหลปลาเล็กๆนี้
 นอกจากนี้ ฉินสือโอยังใช้พลังควบคุมสัตว์ปรับปรุงสุขภาพร่างกายของมังกรน้ำเงินให้แข็งแรงขึ้นมาก ถึงแม้จะไม่มีน้ำ ขอเพียงแค่มีทรายทะเลที่เปียกชื้นพวกมันก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง
 เมื่อมองตามวินนี่เข้าไปในอาคารผู้โดยสารแล้ว ฉินสือโอวฝืนใจที่จะก้าวเท้ากลับไปที่ฟาร์มปลา ครั้งนี้หู่จือและเป้าจือไม่ร้องออกมาแล้ว ทั้งสองตัวนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับด้วยความหมดอาลัยตายอยาก เหมือนกับรู้แล้วเช่นกันว่าคงอีกนานที่จะไม่ได้เจอแม่วินนี่
 ฉินสือโอวรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยจึงขับรถวนนครเซนต์จอห์นอยู่สองรอบ ทันใดนั้นชาร์คก็ได้โทรศัพท์เข้ามา
 “บอส วันนี้ที่เมืองมีการประท้วง คุณอยากกลับมาร่วมด้วยไหม?”
 “การประท้วงอะไร?”
 “ก็ไปประท้วงที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสองแห่งนั้นไง ก่อนหน้านี้ได้ทำมาแล้ว แต่ไม่ได้ผลอะไร ให้ตายเถอะ ไอ้ลูกหมาพวกนั้นหน้าด้านจริงๆ”
 “ไม่ได้ผลแล้วยังจะไปทำอีกเหรอ”
 “พวกเราต้องแสดงทัศนคติของพวกเราออกมาให้เขาเห็น ไม่งั้นพวกเขาจะคิดว่าพวกเราไม่ไม่กล้าทำอะไร! และอีกอย่าง คนที่ล่าเจ้าเต่าบึงเหลืองสองตัวนั้นก็เป็นคนงานของโรงงานสารเคมีนี้ ตำรวจเอาเรื่องที่พวกมันไปล่าเต่าบึงเหลืองและถือปืนไปคุกคามคุณที่ฟาร์มปลาไปบอกคนอื่นแล้ว คนในเมืองต่างก็โกรธแค้นกันหมด พวกเขาก็ต้องการคำอธิบายเพื่อคุณเหมือนกัน”
 เมื่อได้ยินดังนี้ฉินสือโอวจึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ เขาจึงรีบกลับไปให้ทันเวลา ครั้งนี้สามารถพูดได้ว่าเขาคือคนจุดชนวนให้เกิดเรื่องการประท้วงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงอะไรออกมาสักอย่าง
 เมื่อเรือแฟร์เวลมาถึงฟาร์มปลา ชาร์คกำลังรอฉินสือโอวอยู่ ทันทีที่เห็นเขาชาร์คก็ได้พูดขึ้นว่า “ซีมอนสเตอร์ไปที่นั่นแล้ว พวกเราก็ไปเถอะ”
 ในเขตพื้นที่อเมริกาเหนือสามารถพบเห็นการประท้วงได้เป็นประจำ เพียงแค่รัฐบาลหรือธุรกิจขนาดใหญ่ทำเรื่องอะไรให้ประชาชนไม่พอใจเล็กน้อย ประชาชนก็จะไปประท้วงในกลุ่มสหภาพแรงงาน
 ฟาร์มปลาของฉินสือโอวอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแฟร์เวล แต่โรงงานสารเคมีทั้งสองแห่งนี้อยู่ทางตะวันตก ตรงกลางคือเมืองแฟร์เวลและฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือคือเทือกเขาคาบ็อกซ์
 รถคาลดิลแลควันขับไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ โรงงานสารเคมีทั้งสองแห่งอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่ากิโลเมตร มีพื้นที่แต่ละโรงงานประมาณสามหมื่นกว่าตารางเมตร การประท้วงครั้งนี้จัดขึ้นที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสตีเฟน เมื่อฉินสือโอวมาถึง ด้านนอกโรงงานสารเคมีก็ได้มีคนมารวมกันแล้วประมาณสี่ห้าร้อยคน
…………………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset