ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 70 ให้ผมจัดการกับเขา

บทที่ 70 ให้ผมจัดการกับเขา
โดย
Ink Stone_Fantasy

 คนมากมายมารวมกันที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสตีเฟนซึ่งเหมือนกับการไปเที่ยวตลาดนัดไม่มีผิด ประตูใหญ่ทางเข้าของโรงงานได้ปิดไว้ไม่มีคนเข้าไป มีแต่สุนัขตัวใหญ่ที่ยืนเห่าเสียงดังอยู่หลังประตูอย่างบ้าคลั่ง
 กลุ่มคนประท้วงมีความชื่นมื่นและความปรองดอง เรียกได้ว่าคนเยอะจนเบียดเสียดยัดเยียดกันแน่น คนด้านนอกก็ได้มีการยกธง ยกป้ายกระดาษและป้ายไม้ที่ประดิษฐ์ด้วยตัวเอง ซึ่งด้านบนได้เขียนคำพูดคัดค้านไว้ด้วยทั้งหมด ดังเช่น
 ”โรงงานสารเคมีซาตาน ไสหัวไปจากสวนหลังบ้านของพระเจ้าซะ!”
 “แม้แต่ผียังต้องสาปแช่งพวกคุณ!”
 “ถ้าไม่ออกไปจากเมืองแฟร์เวลด้วยตัวเองก็จะใช้รถขนศพลากออกไป!”
 “มนุษย์ที่อัปยศอดสู ปีศาจใจดำ นักลงทุนสกปรก!”
 พวกธงหรือป้ายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ของใหม่ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกมันก็เป็นสมาชิกในทีมการประท้วงเก่า
 เมื่อฉินสือโอวเดินเข้ามาก็มีคนทักทายเขาอย่างไม่ไม่ขาดสาย
 “ฉิน เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
 “ผมสบายดีมาก ขอบคุณ”
 ”ได้ยินมาว่าไอ้ลูกหมาพวกนี้ถือปืนไปคุกคามคุณเหรอ? คุณควรจะแหกสมองพวกมันซะ! ถ้าคุณไม่มีปืนก็บอกผมได้ ผมจะแถมลูกกระสุนไปให้ด้วย!”
 “คุณคาร์ล คุณใช้คำว่า ‘พวกมัน’ แล้วดีมากเลย ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นพวกกลุ่มสัตว์เดรัจฉาน แต่ว่าตัวผมเองก็มีปืนเหมือนกัน ครั้งหน้าถ้าพวกมันกล้าเข้ามาในฟาร์มปลาผมอีก ผมจะแหกสมองพวกมันให้กระจุยเลย!”
 ” เรื่องที่พวกเขาทำถูกต้องที่สุดคือการไม่ได้ทำร้ายนาย ฉิน รับประกันเลยว่าถ้าไอ้พวกเลวนั่นทำอะไรนาย พวกเราจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวง่ายๆแน่!”
 “คุณลุงฮิคสัน ผมเชื่อในคำพูดคุณ! ขอบคุณทุกคนมากๆที่รักและปกป้องผม ผมไม่เป็นไร พวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
 ซีมอนสเตอร์ได้พูดเสียงออกลำโพงขึ้นว่า “คนอเมริกาไสหัวออกไปจากแคนาดาซะ! กลับไปเปิดโรงงานกำจัดขยะแบบนี้ที่ประเทศเฮงซวยอย่างอเมริกาโน่น! สมควรตาย เปิดประตูสิ ฉันจะฆ่าพวกแก! ยังไงก็จะไม่ยอมให้พวแกอยู่ทำของเฮงซวยมีสารพิษพวกนี้ที่บ้านเกิดของพวกเราหรอก!”
 ในโรงงานมีปล่องควันใหญ่สองอัน ซึ่งมีควันมืดครึ้มเป็นลำพุ่งขึ้นและลอยตัวในอากาศอย่างต่อเนื่อง แค่มองไปที่ควันหนาแน่นพวกนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย
 ฉินสือโอวเดินกอดอกไปที่ด้านหน้าของผู้ชุมนุม เมื่อฮิวจ์เห็นเขาจึงเดินเข้ามา ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไอ้สัตว์พวกนี้ แม่ง ตอนนี้พวกมันผลิต CPL เพิ่มอีกแล้ว ก่อนหน้านี้มีปล่องควันแค่อันเดียว”
 หู่จือและเป้าจือก็ตามมาด้วย เจ้าสองตัวนี้ตัวเล็กแค่นิดเดียวแต่กลับมีความกล้าหาญมาก ด้านหลังประตูโรงงานมีพวกสุนัขที่ดุร้ายอย่างเยอรมัน เชพเพิร์ดและฟิล่า บราซิเลียโรกำลังเห่าหอนอยู่ แต่พวกมันก็ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว กะพริบตาดวงเล็กมองดูอยู่ครู่หนึ่ง พวกมันต้องการที่จะมีส่วนร่วมจึงพุ่งเข้าไปที่หน้าประตูด้านนอกและเห่าเข้าใส่กลุ่มสุนัขดุร้ายเหล่านั้น
 “โฮ่ง! “ “โฮก!”
 “โฮ่งโฮ่ง!!” “โฮกโฮก!!”
 “โฮ่งโฮ่งโฮ่ง!!!” “โฮกโฮกโฮก!!!”
 ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกสุนัขดุร้ายอยู่นั้น พลังของเหล่าเจ้าตัวเล็กก็ไม่ตกเลยแม้แต่นิดเดียว ขนสีทองของพวกมันฟูฟ่องขึ้น หูใบใหญ่รวบไปทางด้านหลัง ตาดวงโตจ้องมองอย่างโกรธแค้นและออกแรงเห่าจนปรากฏให้เห็นเขี้ยวฟันขาวใส
 ช่างน่าเสียดายที่เหล่าเจ้าตัวเล็กยังอ่อนวัย เสียงที่เห่าออกไปจึงยังคงเป็นเสียงของลูกสุนัขอยู่เล็กน้อย ไม่ค่อยมีความน่าเกรงขาม
 แต่ว่าด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มคนประท้วงรู้สึกถึงความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น สุนัขตัวเล็กสองตัวยังกล้าที่จะท้าทายกับผู้มีอำนาจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเหล่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่?
 เด็กวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็มากันหลายคน แต่ว่าพวกเขารู้สึกไม่เหมือนกับรุ่นพ่อแม่ กลุ่มเด็กๆเปลี่ยนสถานที่ตรงนี้เป็นจุดนัดพบกันและเล่นกันอย่างเอะอะเสียงดังซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะเล่นการอย่างสนุกสนานเพียงนี้
 เมื่อเห็นสุนัขแลบราดอร์สองตัว พวกเด็กๆจึงชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เจสลูกชายของชาร์ควิ่งออกมาอย่างดีใจอยากที่จะไปลากเจ้าสองตัวนั้นมาเล่นด้วย
 “ไปเล่นเอง ไม่เห็นเหรอว่าหู่จือกับเป้าจือกำลังทำงานใหญ่อยู่? พูดไม่ฟัง!”
 เดาว่าเจสคงจะถูกชาร์คดุจนลงไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนเคยชิน หลังจากที่นอนเอาขาถีบฟ้าอยู่สักครู่ เมื่อไม่มีใครสนใจ เขาจึงลุกขึ้นมาและเดินยิ้มหัวเราะไปเล่นกับลูกของซีมอนสเตอร์
 ฉินสือโอวมาได้ไม่นานก็มีรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุคันหนึ่งขับเข้ามา บนหัวของรถคันนี้ได้พิมพ์คำว่า “โรงงานสารเคมีสตีฟ” เห็นได้ชัดว่าเป็นรถของโรงงานแห่งนี้ เมื่อเห็นประตูทางเข้าของโรงงานถูกล้อมไว้ จึงรีบกลับรถและอยากที่จะขับออกไป
 “ขวางมันไว้” ฮิวจ์ตะโกนขึ้น
 ฉินสือโอวจึงรีบเดินไปที่หน้ารถคาลดิลแลควันของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สตาร์ทรถใส่เกียร์และเหยียบคันเร่ง เสียงคำรามของสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เป็นเลิศของรถคาลดิลแลคได้พุ่งตรงออกไป อยากที่จะไล่ตามให้รถบรรทุกคันนั้นหยุดลง
 คนขับรถบรรทุกอีซูซุได้เผชิญหน้ากับรถคาลดิลแลควันคันนี้ก็รู้สึกหวาดกลัว เขารู้ราคาของรถคันนี้จึงไม่กล้าที่จะชน ถ้าหากว่ารถคาลดิลแลควันเป็นอะไรขึ้นมา แค่ชดใช้ค่าเสียหายก็ต้องชดใช้จนเขาสิ้นเนื้อประดาตัว
 ฮิวจ์จึงพาคนมาล้อมไว้ คนขับรถอีซูซุและพนักงานยกของเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมลงจากรถ ประชาชนในเมืองก็ไม่ได้จะทำร้ายใคร เพียงแค่อยากจะหาของที่พวกเขาต้องการในตู้ท้ายรถเท่านั้น
 ภายในตู้ท้ายรถนั้นว่างเปล่า แต่ก็ยังคงเหลือแผ่นพลาสติกและถุงพลาสติกกระจัดกระจายอยู่บ้างเล็กน้อย
 ฮิวจ์หยิบถุงพลาสติกและแผ่นพลาสติกสามสี่ชิ้นขึ้นมาดูและพูดอย่างทุกข์ใจออกมา “ของพวกนี้ต่างก็มีสารพิษ ให้ตายสิ ไอ้พวกข้าราชการของนครเซนต์จอห์นในสมองมีแต่ขี้หมาเหรอ? ของพวกนี้ผลิตมาได้ยังไง!”
 ฉินสือโอวเข้าไปดูใกล้ๆ ฮิวจ์กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจจึงอธิบายขึ้นว่า “การจะแยกว่าของพวกนี้มีสารพิษไหมนั้นง่ายมาก คุณดู ใช้แรงสะบัดถุงพลาสติก ถ้ามีเสียงใสๆออกมานั่นคือไม่มีสารพิษ แต่ถ้ามีเสียงต่ำและฝืดก็แสดงว่ามีสารพิษ”
 และก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ แค่เขาสะบัดถุงพลาสติกก็มีเสียงที่ต่ำมากดังออกมา และก็ยังมีคนหาถุงพลาสติกจากในรถมาสะบัดอีก และเสียงใสๆ ‘ก๊องแก๊ง’ ก็ดังออกมา
 “อีกทั้งยังสามารถจุดไฟเพื่อตรวจสอบพลาสติกเหล่านี้ดูได้ พลาสติกโพลิธีนที่ไม่มีสารพิษจะเผาไหม้ได้ง่าย ขณะที่เผาไหม้จะล่วงลงมาเหมือนกับน้ำตาเทียน ถ้าพลาสติกCPLที่มีกลิ่นขี้ผึ้งพาราฟีน เขม่าดำและมีสารพิษจะเผาไหม้ได้ยากมาก เมื่อไม่มีไฟเผาก็ดับลง เมื่อจุดไฟก็จะมีกลิ่นกระตุ้นของกรดไฮโดรคลอริคออกมา”
 ขณะที่พูดฮิวจ์ได้หยิบไฟแช็กขึ้นมาทดลองเล็กน้อย แผ่นพลาสติกที่อยู่ในมือเขาแทบจะจุดไม่ติดจริงๆ ยากลำบากมากกว่าที่จะจุดได้ จากนั้นก็ปรากฏกลุ่มควันสีดำที่ส่งกลิ่นกรดไฮโดรคลอริคออกมา
 “ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมรัฐบาลไม่ลงโทษโรงงานพวกนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ ตอนที่เขาอยู่ในประเทศของตัวเองได้ยินว่ารัฐบาลของประเทศแคนาดานั้นค่อนข้างสุจริต ทำงานมีประสิทธิภาพสูง ดูแล้วตอนนี้ก็เหมือนจะมีเรื่องอื้อฉาวของการสมรู้ร่วมคิดระหว่างหน่วยงานรัฐบาลและภาคธุรกิจเช่นกัน
 ฮิวจ์พูดออกมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย ตามข้อกำหนดของกฎหมายแล้ว โรงงานประเภทนี้เพียงแค่ตั้งให้ห่างออกไปจากเมืองมากกว่าห้าสิบกิโลเมตรก็ได้แล้ว ก็คือสามารถสร้างในชนบทได้ เพียงแต่พวกเราไม่อยากให้เขามาสร้างที่เกาะแฟร์เวล”
 ”เมื่อก่อนนี้เกาะแฟร์เวลก็เคยมีโรงงาน แต่ก็ไม่มีอะไร เพราะว่าอย่างมากพวกเขาก็แค่ปล่อยก๊าซเสียออกมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่าโรงงานสารเคมีแบบนี้มันน่ากลัวเกินไป น้ำเสียที่พวกเขาปล่อยออกมาล้วนแต่มีสารพิษในปริมาณที่สูง ถ้าปล่อยลงน้ำทะเลโดยตรง ฟาร์มปลาก็ถูกทำลายหมด!” ฮิวจ์ผู้น้องพูดด้วยความโกรธ
 เมื่อฉินสือโอวได้ฟังมาถึงตรงนี้ ในใจก็โมโหมากเช่นกัน เขาเอ่ยถามขึ้นว่าท่อน้ำเสียของโรงงานแห่งนี้อยู่ที่ไหน ฮิวจ์ผู้น้องชี้ไปทางด้านหลังของโรงงานและพูดออกมาว่า “อยู่ตรงนั้นหมดเลย แม่ง อยู่ในน้ำ ใช้แรงดันปั๊มระบายน้ำเสียลงสู่ทะเลโดยตรง ดังนั้นถ้าคิดอยากจะเก็บน้ำเสียของพวกเขาไปเป็นหลักฐานนั้นยากมาก”
 เมื่อรู้ว่าท่อน้ำเสียได้อยู่ในน้ำทั้งหมด ใจของฉินสือโอวก็เต้น ดูเหมือนจะมีวิธีบ้างแล้ว
 “การประท้วงแบบนี้มีประโยชน์ไหม?” ฉินสือโอวเอ่ยถามขึ้น
 “มีประโยชน์กับผีน่ะสิ” ฮิวจ์ผู้น้องพูดด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก “ก็ได้แค่พูดออกไปเท่านั้น ยังไงฟาร์มปลาก็ไม่มีปลาแล้ว ปกติทุกคนก็ไม่มีงานทำ”
 ฉินสือโอวยิ้มขึ้นมา เขาตบไปที่ไหล่ของฮิวจ์ผู้น้องและพูดขึ้น “ผมจะบอกทุกคนไว้เลยนะ ว่าผมจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างแน่นอน เชื่อผมเถอะ มากสุดหนึ่งอาทิตย์ผมจะทำให้โรงงานนี้หยุดการผลิต และมากสุดหนึ่งเดือนผมจะทำให้พวกเขาไสหัวออกไปจากเกาะแฟร์เวล!”
 ฮิวจ์ผู้น้องแบะปากและพูดขึ้น “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย จะเป็นไปได้ยังไง พวกเราลองทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่มีประโยชน์”
 ฉินสือโอวไม่ได้อธิบายใดๆเพียงแต่พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คอยดู ถ้าไม่เชื่อ พวกเรามาพนันกันก็ได้ ของเดิมพันคุณเป็นคนกำหนด”
 เห็นได้ชัดว่าฮิวจ์ผู้น้องที่แต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นคนที่ชอบเล่นอะไรไร้สาระ เมื่อได้ยินว่าพนันได้ เขาจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที จากนั้นจึงพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็มาพนันกันสักรอบ ถ้าคุณทำไม่ได้อย่างที่คุณรับปากไว้ คุณต้องเอาเรือยอชต์ทรอลเลอร์ลำที่คุณพึ่งซื้อมาใหม่มาให้ผมยืมขับเล่นสักหนึ่งอาทิตย์”
 “ได้” ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างง่ายๆ “แต่ถ้าผมชนะล่ะ”
 ฮิวจ์ผู้น้องเกาหัวและพูดออกมา “เหมือนว่าผมจะไม่มีของที่คุณอยากจะได้…..แหะ ผมมีวิธีแล้ว ผมเห็นครั้งนั้นที่ไปร้านเหล้าคุณพาสาวสวยคนหนึ่งไปด้วย คุณชอบสาวสวยๆมากสินะ? ไม่ต้องปฏิเสธหรอก ผู้ชายด้วยกันหมด ผมเข้าใจ! เอาแบบนี้ไหม ถ้าคุณชนะ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักสาวสวยๆสักคน รับรองว่าผู้หญิงที่คุณพาไปครั้งที่แล้วสวยสู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!”
 ฉินสือโอวคิดอยากที่จะให้เขาเปลี่ยนของเดิมพัน แต่จริงๆแล้วฮิวจ์ผู้น้องไม่มีของอะไรที่สามารถโอ้อวดได้เลย สุดท้ายจึงมองหน้าเขาและพูดออกมาอย่างสงสัย ”คุณไม่ได้อยากที่จะใช้ของเดิมพันเป็นสิ่งผลักดันผมเหรอ? ถ้าผมไม่ได้ของเดิมพันก็พนันกับคุณไม่ได้แล้ว”
 “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้สาวสวยของคุณเป็นของเดิมพันเถอะ” ฉินสือโอวพูดหัวเราะ
 เมื่อถึงเวลากลางวัน คุณลุงฮิคสันก็มาหาฉินสือโอว เขายกแฮมเบอร์เกอร์ปลาค็อดและไก่ทอดสูตรลับที่อยู่ในมือขึ้นมาและพูดว่า “ฮาย มากินอะไรหน่อยสิ”
 ฉินสือโอวถามด้วยความมึนงง “พวกคุณพกอาหารมาประท้วงด้วยเหรอ?”
 ฮิวจ์จึงพูดเน้นย้ำความแน่นอนออกมา “แน่นอนอยู่แล้ว การประท้วงต้องใช้เวลาหนึ่งวัน ถ้าไม่กินอะไรแล้วจะมีแรงได้ยังไง?”
 ในรถคาลดิลแลควันมีตู้เย็นอยู่เครื่องหนึ่งซึ่งข้างในมีไอซ์ไวน์อยู่พอดี ฉินสือโอวจึงนำออกมา ทางด้านคุณลุงฮิคสันก็ได้นำแฮมเบอร์เกอร์มาด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์ปลาค็อด แฮมเบอร์เกอร์หมูสัน แฮมเบอร์เกอร์เนื้อแกะฉีก แฮมเบอร์เกอร์ปลาแซลมอนและแฮมเบอร์เกอร์ซอสปลาแฮร์ริ่ง
 นอกจากนี้คุณลุงฮิคสันยังเอาของอร่อยอย่างไก่ทอดสีเหลืองทอง แผ่นเนื้อปลาช่อนสีน้ำตาลมาอีกด้วย สำหรับฮิวจ์ก็ได้สนับสนุนอาหารโดยการเอา โดนัท เฟรนช์ฟรายทอดและไส้กรอกทอดมาให้ด้วย คนกลุ่มหนึ่งขยับเข้าใกล้ๆกันซึ่งเหมือนกับไปเที่ยวนอกบ้านและเอาอาหารมารับประทานด้วยกัน
 บริเวณอื่นก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน คนสามสี่ครอบครัวรวมเข้าด้วยกันแล้วกินดื่มไปพูดคุยหัวเราะไปซึ่งบรรยากาศเหมือนกับการไปเที่ยวเป็นหมู่คณะมากกว่า
 ฉินสือโอวชอบกินไก่ทอดของคุณลุงฮิคสันมาก เนื้อไก่พวกนี้ก่อนนำไปทอดได้ผ่านการหมักมาอย่างดีแล้ว รสชาติจึงลึกเข้าไปในแต่ละเส้นใยของเนื้อไก่ นอกจากความหอมของเนื้อแล้วยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของแยมผลไม้อีกด้วย ยิ่งขบเคี้ยวรสชาติก็ยิ่งอร่อย ทำให้ต่อมสัมผัสรสชาติในปากอร่อยจนแทบระเบิดอารมณ์ออกมา
 ตัวเองกินเนื้อไก่และเอากระดูกอ่อนที่ผ่านการหมักแล้วยื่นให้กับหู่จือและเป้าจือ หนึ่งคนกับสุนัขสองตัวขยับเข้าใกล้กัน ฉันหนึ่งชิ้นแกหนึ่งชิ้น ยัดกินกันอย่างตะกละมูมมาม
…………………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset