ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1296 การมาถึงของเม่นน้อย

ฉินสือโอวสวมแว่นกันแดดขับรถตัดหญ้า ทุกที่ที่รถตัดหญ้าไปถึงก็จะมีเศษหญ้าสีเขียวขจีลอยขึ้นมาจากด้านหลัง ราวกับกำลังโต้คลื่นอย่างไรอย่างนั้น
หู่จือกับเป้าจือมองดูแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ จึงวิ่งตามอยู่ข้างหลัง โดนเศษหญ้าปลิวติดไปทั่วตัว ดีใจจนหาที่เปรียบไม่ได้
จากนั้นก็มีรถกระบะคันหนึ่งขับเข้ามา บนรถเต็มไปด้วยทรายเป็นถุงๆ ในทรายพวกนี้เติมส่วนผสมทางเคมีเข้าไป ฉินสือโอวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเติมอะไรเข้าไปบ้าง แต่ว่าการจัดสวนของหมู่บ้านในแคนาดาต่างก็ใช้ทรายชนิดนี้ เพราะสามารถป้องกันการเติบโตของวัชพืช และไม่เป็นอันตรายต่อคนด้วย
เครื่องวิทยุสื่อสารที่ฉินสือโอวห้อยไว้ตรงอกดังขึ้นมาว่า “บอส มีเรือลำหนึ่งใกล้เข้ามา ดูเหมือนว่าจะเป็นเรือบรรทุกของคุณบิลครับ”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” ฉินสือโอวตอบกลับไป
เขายืนอยู่บนสนามหญ้าของฟาร์มปลาแล้วมองออกไป เห็นเงาของเรือบรรทุกลำเล็กลำหนึ่งรางๆ ไม่ต้องรีบ ด้วยความเร็วของเรือบรรทุกแล้ว รอจนมันเทียบท่าก็คงจะเกือบเที่ยงได้
ไวส์บอกทางให้รถกระบะขับไปตามทางเดินหิน ผ่านไปประมาณยี่สิบเมตรก็ต้องลงถุงทรายแล้ว มีทรายต้องลงทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าถุง หลังจากขนถุงทรายลงมาหมดแล้วเขาเองก็ร้อนจนเหงื่อท่วมตัวเลย
ฟาร์มปลามีถนนเส้นหนึ่งที่สามารถผ่านตรงไปยังประตูใหญ่ของบ้านพักได้ ถนนปูด้วยหินทางเดิน เออร์บักบอกว่านี่คือผลงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้ายที่คุณปู่รองของฉินสือโอวทำให้ฟาร์มปลา เวลายังไม่ถือว่านานมาก ยังสามารถใช้ต่อไปได้อีกหลายปี
พาวลิสถือปืนฉีดน้ำค่อยๆ เดินไปตามทางเดินหิน ปืนฉีดน้ำฉีดน้ำแรงดันสูงออกมา ทำความสะอาดแผ่นหินที่สกปรกจนสะอาดหมดจด
ช่วงกลางคืนในฤดูหนาวของเซนต์จอห์นอากาศหนาวเย็นมาก ตอนนั้นแผ่นหินจะกรอบมาก ไม่กี่ปีมานี้มีแผ่นหินที่กรอบจนแตกไปแล้วบ้างเหมือนกัน
ในโรงเก็บของมีแผ่นหินวางเก็บไว้อยู่ นี่เป็นของที่เตรียมไว้ตอนที่มีการทำถนนคราวก่อน ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงคิดอยากจะเก็บกวาดโรงเก็บของ และเกือบจะทิ้งแผ่นหินพวกนี้ไปด้วย ดีที่ชาร์คมาเก็บไว้ให้เขา ไม่อย่างนั้นตอนนี้การที่เขาต้องเสียเงินเพิ่มนั้นยังถือเป็นเรื่องเล็ก แต่การจะหาแผ่นหินรุ่นเดียวกันได้นี้คงยากแล้ว
หลังจากรถกระบะขนถุงทรายลงหมดแล้ว ฉินสือโอวคิดเงินให้เขา จากนั้นก็ให้ไวส์ไปขับรถตัดหญ้า ตัวเขาจะจัดการกับทางเดินหินพวกนี้ จากนั้นจะเติมทรายวิทยาศาสตร์เข้าไปในช่องว่างพวกนี้ด้วย
เขาใช้ค้อนแกะแผ่นหินที่แตกแล้วออกมา ตอนนี้นี่เองที่จุดไม่ไกลนักมีเสียงร้องดีใจดังขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ แล้วก็เห็นปอหลัวที่กำลังทำหน้ากวางหน้าบูดเดินตามหลังกอร์ดอนอยู่
ส่วนด้านหลังของปอหลัวก็คือรถลากเลื่อนหิมะ สนามหญ้ายังถือว่าเรียบอยู่ รถลากเลื่อนหิมะจึงยังพอเคลื่อนที่ไปได้ แต่เหนื่อยกว่าลากอยู่บนหิมะมากอย่างไม่ต้องสงสัย สีหน้าปอหลัวจึงเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เจ้าเด็กกอร์ดอนนี่ช่างสรรหาวิธีอู้เสียจริง ไม่ต้องพูดก็รู้ รถลากเลื่อนหิมะในตอนนี้ได้กลายไปเป็นรถขยะแล้ว
เขายืนขึ้นมาโบกมือแล้วตะโกนว่า “กอร์ตอน นี่นายกำลังทำอะไรน่ะ? รีบเก็บรถลากไปเลย การเอามาลากอยู่บนสนามหญ้ามันจะเสียเอาได้นะ!”
กอร์ดอนก็โบกมือด้วยเช่นกัน แล้วพูดด้วยเสียงดีใจว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ฉิน ไม่ต้องกลัวมันจะเสีย เดี๋ยวรอจนถึงฤดูหนาวแล้วค่อยให้คุณลุงทำอันใหม่ให้ก็ได้ครับ ของเก่าไม่ไปของใหม่ไม่มานะครับ!”
ฉินสือโอวส่ายหัว จำใจต้องให้พวกเด็กๆ เล่นกันต่อ งานบ้านแบบนี้จำเป็นต้องพึ่งความสนุกในการดึงดูดพวกเขา ไม่อย่างนั้นทำได้ไม่นานพวกเขาคงต้องเบื่อแน่
เขาเปลี่ยนแผ่นหินเก่าเป็นแผ่นใหม่ทั้งหมด แผ่นหินพวกนี้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวครึ่งเมตร กว้างครึ่งเมตร จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีช่องว่างระหว่างแผ่นเลย ทรายวิทยาศาสตร์ที่เขาซื้อมาก็เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้
ถนนเล็กในฟาร์มปลามีความกว้างขนาดหนึ่งเมตร เมื่อก่อนตอนที่มีแค่คุณปู่รองของฉินสือโอวกับเออร์บัก ถนนนี้ยังถือว่าพอใช้ แต่ตอนนี้คนในฟาร์มปลาเยอะขึ้น จึงรู้สึกว่าค่อนข้างแคบไป
หลังจากฉินสือโอวปูแผ่นทางเดินหินเสร็จ แล้วยืนมองย้อนกลับไปตรงสุดทางเดิน ก็ตัดสินใจว่าตอนที่ตกแต่งสวนใหม่จะซื้อแผ่นหินมาเพิ่มอีก เพื่อขยายถนนเส้นนี้ให้กว้างขึ้น
เปลี่ยนแผ่นหินเสร็จแล้ว ต่อไปก็คือการเติมทรายเข้าไป นี่เป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดมาก ฉินสือโอวทำไปได้เพียงครู่เดียวเสื้อผ้าก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว เชอร์ลี่ย์จึงรีบนำน้ำบลูเบอร์รีเย็นมาให้เขาดื่ม
ฉินสือโอวยกน้ำผลไม้แก้วใหญ่ขึ้นมาดื่มพรวดเดียวจนหมด ไม่นานก็รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้ประเปร่าขึ้นมาทันที เริ่มตั้งแต่กระเพาะอาหารจากภายในสู่ภายนอก เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ไปทั่วตัวเขาเลย
ตอนนี้พาวลิสใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันทำความสะอาดทางเดินหินเสร็จแล้ว ก็เก็บปืนฉีดน้ำแล้วรีบมาช่วยเติมทราย เขาไม่พูดไม่จา ทำงานคล่องแคล่ว แม้ว่าบนผิวที่ดำเข้มนั้นจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขากลับไม่บ่นอะไรออกมาสักคำ
เด็กๆ ที่เขาได้รู้จักมา คนที่ฉินสือโอวรู้สึกดีด้วยที่สุดก็คือพาวลิส เขาเชื่อว่าเด็กชายผิวดำคนนี้มีอนาคตที่สว่างไสวรออยู่ ทั้งมุมานะ มีวินัย พัฒนาตัวเอง ทนความลำบากได้ ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เขามีคุณสมบัติทั้งหมดของคนที่จะเป็นผู้นำ
ฉินสือโอวบอกให้พาวลิสไปพักก่อนครู่หนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับฉีกริมฝีปากคู่หนานั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่เหนื่อยครับ ต้องจัดการทางเดินหินนี้ให้เสร็จก่อน เท่านี้งานของตอนบ่ายจะได้ง่ายขึ้นครับ”
เชอร์ลี่ย์รินน้ำมะนาวเย็นมาให้พาวลิสแก้วใหญ่ ตัวเธอเองก็ดื่มด้วยเหมือนกัน ฉินสือโอวรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงดื่มของเย็นๆ เยอะไปไม่ค่อยดี แต่ผู้หญิงผิวขาวนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ผู้หญิงในเซนต์จอห์นมากมายที่แม้จะเป็นฤดูหนาวแต่ก็ยังดื่มน้ำเย็น กินไอศกรีมกันอยู่
ทำงานกันถึงสิบโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์อยู่กลางฟ้าพอดี ฉินสือโอวจึงหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วเรียกให้พวกเด็กๆ ออกมารับเงินกันโดยคิดเป็นรายชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง 10 เหรียญตามที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่มีให้เกิน และไม่มีให้ขาด
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจก็คือ กอร์ดอนกับเชอร์ลี่ย์ยังคงไม่เข้าใจแผนการเจ้าเล่ห์ที่ฉินสือโอวเล่นไปตอนเช้า
แต่นี่ก็ถือว่าปกติ เชอร์ลี่ย์เป็นคนฉลาด แต่มีอยู่สองสิ่งที่เธอทำไม่ได้เลย หนึ่งก็คือไวโอลิน ส่วนอีกอย่างก็คือคณิตศาสตร์ คะแนนสอบคณิตศาสตร์ของการสอบปลายภาคของปีนี้ยังไม่ประกาศออกมา ฉินสือโอวไม่รู้ แต่ว่าเชอร์ลี่ย์ไม่เคยได้เกรดสูงกว่าบีเลยสักครั้ง
ส่วนพาวลิสเหรอ? เกรดวิชาคณิตศาสตร์ของเขาไม่เคยต่ำกว่าเอเลย! ความจริงแล้ววิชาอื่นๆ เขาก็ไม่เคยได้เกรดต่ำกว่าเอ ตอนสอบกลางภาค สอบไปทั้งหมดหกวิชาเขาก็ได้เอบวกมาถึงห้าวิชาเลย!
การทำงานเหนื่อยมาก การโดนแดดเผาก็ลำบากมาก แต่ว่าพวกเด็กๆ ล้วนมีนิสัยสนใจเรื่องกินไม่สนใจเรื่องเหนื่อย เมื่อได้เห็นเงินแคนาดาสีแดงสดแล้วก็ดีใจกันสุดขีด ต่างพากันคิดวางแผนว่าจะซื้ออะไรกันดี
ตอนนี้เรือบรรทุกของบิลเข้าใกล้ท่าเรือแล้ว ฉินสือโอวออกไปรับเขา บิลที่พอลงเรือแล้วก็มองไปที่เครื่องมือต่างๆ ที่ถูกวางไว้หน้าบ้านพัก แล้วก็มองไปที่ฉินสือโอว คิดวิเคราะห์สักพักเขาก็เข้าใจแล้วพูดว่า “คุณกำลังจัดสวนใหม่เหรอครับ? ”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ความจริงหลักๆ คือการหางานให้พวกเด็กๆ ทำมากกว่า พวกเขาปิดเทอมแล้วน่ะ”
บิลหัวเราะแล้วพูดว่า “ถึงว่าสิ คุณน่ะเป็นเศรษฐีคนแรกเลยนะครับที่ผมเห็นมาจัดสวนเองน่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ขนาดนั้นมั้ง? อย่างในโทรทัศน์ พวกเศรษฐีอเมริกาก็ชอบทำงานบ้านกันเองนี่ครับ”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้วบิลก็หัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดน่ะมันในละครทีวีหรือหนังหรือเปล่า? เศรษฐีชาวอเมริกาน่ะเป็นหมูขี้เกียจกันทั้งนั้น แม้แต่เสื้อของพวกเขาเองยังไม่ซักเลย ยังจะคาดหวังว่าพวกเขาจะมาทำความสะอาดสวนอีกเหรอ? นั่นน่ะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น คนระดับชนชั้นกลางขึ้นไป ก็ไม่มีใครมาทำงานแบบนี้กันแล้วครับ”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขากลับรู้สึกว่าการได้ลงมือทำงานบ้านเองไม่ได้มีอะไรไม่ดีเลย แน่นอนว่าต้องเป็นการที่เขาชวนพวกเด็กๆ มาทำด้วยกันนะ ให้เขาทำเองเหรอ? ไม่มีทาง มันน่าเบื่อไร้สีสันเกินไป!
บิลนำหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสมาด้วย มีทั้งหมดหนึ่งแสนตัว อย่างไรเสียก็เป็นถึงบริษัทค้าผลิตภัณฑ์ทางทะเล ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่เหมือนกับพวกเจ้าของฟาร์มปลา ทุกครั้งที่มีการให้ลูกปลามาก็ให้แบบกะปริบกะปรอยทีละหมื่นสองหมื่นตัว
ฉินสือโอวส่งข่าวให้บัตเลอร์รีบกลับมาจากทะเล กลับมาดูหอยเม่นพวกนี้ บัตเลอร์บอกว่าเขามีความรู้เกี่ยวกับเจ้าพวกนี้อยู่บ้าง
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset