ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1429 แลกด้วยชีวิต

เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงเวลาบ่าย แต่ดูเหมือนพระอาทิตย์ที่นี่จะคล้อยลงทางทิศตะวันตกเร็วมาก ฉินสือโอวที่ยืนอยู่บนยอดสุดของเรือยักษ์ก็ได้หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาแล้วส่องไปทางทิศเหนือ
ส่วนวินนี่หนาวจนกระโดดหน้ากระโดดหลังอยู่ข้างล่าง แต่เหมือนฉงต้านั้นชอบใจ หมีสีน้ำตาลสามารถทนอยู่ในอุณหภูมิที่ติดลบยี่สิบองศาได้ นอกจากมันแล้วบนเรือยังมีเจ้าตัวเล็กอย่างแมวป่าซิมบ้าที่ทนได้ นอกนั้นอย่าได้พูดถึง
และพวกที่ไม่สามารถทนกับอุณหภูมิต่ำแบบนี้ได้ก็จะมีหู่จือ เป้าจือ หัวไชเท้าน้อย พี่น้องเฟอเรท แต่พวกมันกลับนั่งนิ่งอยู่บนเรือ นั่นก็เพราะพวกมันได้เสื้อขนเป็ดที่วินนี่สั่งทำพิเศษให้พวกมัน…
“ที่รัก เห็นขั้วโลกราตรีนั่นไหม?” วินนี่ทนหนาวไม่ไหวแล้ว จึงส่งเสียงดังพูดออกไป
ขั้วโลกราตรีที่ขั้วโลกเหนือเริ่มเดือนกันยายนและสิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้านู้น อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นช่วงพีกของขั้วโลกราตรี อยู่ที่เกาะกรีนแลนด์ยังมองเห็นเลยเถอะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขึ้นเหนือไปอีกหน่อยเพื่อเข้าสู่เขตขั้วโลกเหนือ เพราะถ้าอยู่ที่เกาะแอตตูจะมองไม่เห็นน่ะสิ
ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างท้อใจ ที่เขาเห็นอยู่มีเพียงแค่สีขาวกับสีฟ้า สีขาวของพื้นดิน และสีฟ้าของน้ำทะเลเท่านั้น
ขณะที่เขากลับมาถึงห้องเดินเรือ วิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น เนื่องจากมีเรือลำหนึ่งเจอพวกเขาเข้า เสียงจากปลายสายได้ถามขึ้น “ไฮ พวก ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม?”
ฉินสือโอวตอบไปอย่างมีมารยาท “พวกเราไม่เป็นไร ตรงนี้มีปลาให้จับพอดี พวกเราเลยว่าจะตกปลาสักหน่อยน่ะ”
คนนั้นเลยพูดด้วยความหวังดีว่า “ระวังด้วยล่ะเพื่อน ที่พวกนายอยู่คือทะเลอะเล็กซานเดอร์ ที่นั่นมันทางด่วนไปนรกเลยนะ อย่าได้หลงในเงินจนเสียสติ ทางที่ดีควรรีบออกมาจากที่นั่นจะดีกว่า”
ฉินสือโอวกล่าวขอบคุณพร้อมกับบอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร และจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
ถึงจะพูดออกไปอย่างมั่นใจ แต่ท่านชายฉินก็ไม่กล้าวางใจขนาดนั้น น่านน้ำกรีนแลนด์ในฤดูหนาวมีแต่น้ำแข็งเต็มไปหมด นอกจากนี้ภูเขาน้ำแข็งยังชอบถล่มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าสิ่งนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวกว่าหินโสโครกพวกนั้นอีก ถ้าชนเข้าล่ะก็คิดถึงตอนจบของเรือไททานิกได้เลย
เมื่อใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนล่อให้ปูจักรพรรดิเข้ามาในกระชังปูแล้ว ฉินสือโอวจึงใช้โอกาสในตอนที่ยังพอมีแสงอาทิตย์เรียกคนงานมารวมตัวกันแล้วให้เริ่มยกกระชังขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้น “กัปตัน ปูจักรพรรดินั้นเคลื่อนไหวช้ามากเลยนะ ควรจะปล่อยกระชังปูไว้สักสิบสองชั่วโมงขึ้นไป ไม่อย่างนั้นผมคิดว่าเราน่าจะเก็บเกี่ยวมาไม่ได้มากขนาดนั้น”
ชาร์คดึงคอเสื้อคนผู้นี้พร้อมกับขึ้นเสียง “สมุดบันทึกชาวประมงข้อแรก คำสั่งของกัปตันสำคัญกว่าสิ่งใด! ได้ยินแล้วใช่ไหม รีบไปทำงานสิ ไปประจำตำแหน่งตัวเอง และเริ่มทำงานได้!”
ชาวประมงเหล่านี้คือล็อตที่เรียกมาจากในเมือง พวกเขายังคงสงสัยในความสามารถของฉินสือโอว เพียงแต่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นเรื่องมหัศจรรย์มาก่อน ไม่เหมือนกับพวกชาร์คและคนอื่นๆ ที่ตอนนี้ไม่ว่าฉินสือโอวจะพูดอะไรไปพวกเขาก็จะเชื่อฟังเสมอ
ตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า ฉินสือโอวก็ให้ชาร์คเปิดโคมไฟใหญ่ ส่องให้เห็นทุกซอกทุกมุมบนเรือ ในขณะเดียวกันก็ตะโกนออกคำสั่งด้วยตัวเอง “ส่องให้พวกนายขนาดนี้แล้วนะ ระวังตัวกันด้วย! ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวนะ ระวังตัวกันด้วย! เพราะนี่คือทางตรงลงนรกได้เลย!”
พอตะวันเริ่มคล้อย ลมทะเลก็เริ่มแรงขึ้น เรือปริ้นเซสเมล่อนยักษ์ที่ลอยไปตามคลื่นทะเลเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น
เนื่องจากกระชังปูหนักเกินไปและมีปูจักรพรรดิอยู่ข้างใน จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมอเตอร์ดึงขึ้น ความเร็วของเครื่องมอเตอร์ดึงกระชังปูจะค่อนข้างเร็ว เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและทำให้ปูจักรพรรดิยังคงมีชีวิตอยู่ เพราะพวกมันสามารถอยู่รอดได้สิบสองชั่วโมงในสภาพแวดล้อมเย็นชื้น
มอเตอร์ดึงเชือกหนาใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กระชังกรงแรกถูกดึงขึ้นมา ชาวประมงมือไวตาไวที่อยู่ทั้งสองข้างจับกระชังปูแล้วดึงมันขึ้นมา จากนั้นก็ดันไปทางดาดฟ้าเรือ
ในตอนนี้ต้องมีคนไปคอยรับกระชังปู แล้วก็ต้องมีคนคอยไปเช็ดรอยน้ำแถวๆ สองคนก่อนหน้า เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นน้ำแข็ง ไม่อย่างนั้นคนที่ทรงตัวไม่ดีก็จะลื่นตกลงไป
ด้วยอุณหภูมิเช่นนี้ ตกลงไปก็ไม่ตายก็เหมือนตาย และได้รับบาดแผลจากน้ำเย็นแน่นอน!
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหนื่อยและอันตรายที่สุด ในแต่ละปีรัฐบาลจะกำหนดโควตาไว้อย่างแน่นอน และการแข่งขันจับปูในน่านน้ำอะแลสกาก็ดุเดือดมาก ในห้าหกวันนี้จำเป็นต้องพยายามจับปูให้ได้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วหลังจากห้าหกวันไปแล้วหมดโควตา ถึงแม้จะยังเหลือปูจักรพรรดิให้จับก็ไม่อนุญาตให้ทำการจับแล้ว
ในกรณีเช่นนี้ การทำหนึ่งกะยี่สิบชั่วโมงเป็นอะไรที่ธรรมดามาก อีกทั้งเหล่าชาวประมงยังต้องทำงานภายใต้อุณหภูมิติดลบ และต้องยืนอยู่บนดาดฟ้าที่ทั้งลื่นและโคลงเคลงเป็นอย่างมาก
ดังนั้น นักจับปูแห่งอะแลสกาจะมีแผลเมื่อกลับขึ้นฝั่งแทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือและนิ้วแหลก หรือแม้แต่ซี่โครง แขนและขาหัก ไปจนถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ การที่มีคนเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น ซึ่งในคนที่เสียชีวิตนั้น แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็คือโดนคลื่นน้ำทะเลที่รุนแรงเป็นพิเศษซัดตกเรือ และจมน้ำตายในที่สุด!
แต่ทางน่านน้ำกรีนแลนด์จะดีขึ้นมาหน่อย เนื่องด้วยปูราชาแดงมีจำนวนน้อย และโควตาที่ให้มาก็ยากที่จะทำเสร็จได้ง่ายๆ ดังนั้นการจับปูจึงสามารถยืดไปได้จนถึงสองสามวันสุดท้ายของฤดูกาลจับปู มิเช่นนั้นฉินสือโอวจะไม่สามารถทำกิจกรรมจับปูได้
ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ดวงตะวันพลันลับขอบฟ้า พร้อมกับดวงจันทร์ที่โผล่ขึ้นมา ลมทะเลยิ่งมืดก็ยิ่งหนาว
วินนี่ยังคงต้มกาแฟและโกโก้ร้อนอยู่ในครัว ทั้งยังต้องช่วยเพิ่มความร้อนให้แก่ชาวประมง และสร้างพลังงานให้พวกเขา
กระชังปูถูกดึงขึ้นมาแล้วครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้เองชาวประมงคนหนึ่งมีหน้ารับผิดชอบยกกระชังขึ้นที่ยืนอยู่บนขอบพื้นกระดานเรือก็ได้ตะโกนขึ้นมา “ชิบหาย! มือ!”
ไม่ต้องพูดให้มากความ แค่สองคำที่เขาพูดออกมาก็เป็นที่เข้าใจแล้ว จากนั้นเกิงจุนเจี๋ยที่ศึกษางานอยู่ด้านข้างก็รีบรุดเข้าไปช่วยเขาที่กำลังติดอยู่ในรูโบ๋ บวกกับชาวประมงที่อยู่ตรงข้ามก็ช่วยดึงกระชังปู
ฉินสือโอวก็เข้ามารับชาวประมงคนนี้แล้วพยุงพากลับห้องโดยสารเรือ ทั้งยังช่วยเขาถอดเสื้อผ้าออก และเอาวอดก้าไปใกล้ๆ ปากเขาเพื่อให้เขาดื่ม ในขณะเดียวกันก็ถามขึ้น “มือซ้ายมือขวา?”
“มือขวาครับกัปตัน ขอบคุณครับ!” ชาวประมงก็ทั้งแยกเขี้ยวยิงฟันเพื่อพยายามยกมือขวาที่สั่นเทาขึ้นมา
ด้วยความที่อุณหภูมิข้างนอกถึงขั้นติดลบสิบกว่าองศา กล้ามเนื้อที่ทนกับสภาพอากาศหนาวไม่ได้จึงเกิดอาการที่สามารถเห็นได้เป็นปกติก็คืออาการเกร็งไปทั้งฝ่ามือ ซึ่งทำให้ทั้งมือขวาของชาวประมงเปลี่ยนไปจนเหมือนกับตีนไก่และไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อนิ้วได้อีกด้วย
ฉินสือโอวเทวอดก้าร้อนลงบนอุ้งมือ จากนั้นก็ออกแรงนวดตั้งแต่ข้อศอกลงมาจนถึงฝ่ามือ เพื่อช่วยให้มือของเขามีกำลังขึ้นมา
เช่นนี้ชาวประมงก็ถึงกับปวดไปถึงกระดูกสันหลัง แต่หลังจากนวดเสร็จก็รู้สึกดีขึ้นมาก นิ้วมือก็ค่อยๆ กลับมามีความรู้สึก จากนั้นเขาก็เอาเสื้อคลุมมาพาดไหล่ไว้เพื่อเตรียมออกไปทำงานต่อ
และการจับปูจักรพรรดิก็ต้องแบกรับความเสี่ยงให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะมาเจอกับความซวยคือไม่ได้อะไรกลับไปเลย ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองการจับปูจักรพรรดินั้นอันตรายกว่าปัจจุบันมาก ในขณะนั้นมีประโยคหนึ่งของชาวอเมริกาในอะแลสกากับชาวโซเวียตประโยคหนึ่งว่า ที่แห่งนี้พระเจ้าจะดูแลแค่คนที่ตายไปแล้วเท่านั้น ความหมายก็คือถ้าอยากได้ผลการเก็บเกี่ยวจำนวนมากก็ต้องแลกด้วยชีวิต
ซึ่งแน่นอนว่าหากชาวประมงทั้งทุ่มเทแรงกายแรงใจบวกกับเจอความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน ก็จะได้ผลการเก็บเกี่ยวจำนวนมหาศาลเป็นการตอบแทน ในฤดูกาลจับปูจักรพรรดิ โดยเฉลี่ยแล้วเรือจับปูแต่ละลำจะสามารถจับปูจักรพรรดิได้ประมาณห้าสิบตัน แต่ฤดูกาลจับปูครั้งนี้ ฉินสือโอวอ่านข่าวแล้วพบว่าเรือประมงของอะแลสกาจับปูได้ทั้งหมดเป็นจำนวนแปดพันแปดร้อยตัน มูลค่าประมาณหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ!
ซึ่งนี่หมายถึงอะไรน่ะเหรอ? ก็หมายถึงว่าเรือประมงลำนี้ได้ผลเก็บเกี่ยวกลับมามากมาย ในระยะภายในห้าวันชาวประมงทุกคนจะสามารถทำเงินได้สองหมื่นถึงหนึ่งแสนดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งกัปตันยิ่งได้เยอะ มากกว่าสองสามแสนดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งสำหรับชาวประมงที่มีพื้นฐานชีวิตธรรมดาไม่ได้สูงนี่ถือว่าเป็นรายรับที่ไม่น้อยเลย
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset