บทที่ 74 ตกปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังแกล้งหลอกพวกคนจากโรงงานเคมีชุนเทียนและโรงงานเคมีสตีฟที่จะมาถอนรากสาหร่ายสีน้ำตาล ฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกโพไซดอนกลับมา แล้วเริ่มกระจายพลังโพไซดอนเป็นวงกว้างในทะเลบริเวณฟาร์มปลาต้าฉิน
ถ้ารู้แต่แรกว่าพลังโพไซดอนสามารถเพิ่มสาหร่ายสีน้ำตาลจนสร้างเป็นป่าได้ เขาจะได้ขยายพันธุ์สาหร่าย เป็นอาหารให้พวกปลา และดึงดูดแพลงก์ตอนกับกุ้งมา
เขาแผ่พลังโพไซเป็นวงกว้าง ปกติจะไม่เห็นผลทันทีในระยะสั้น แต่ด้วยอัตราการเจริญเติบโตสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำตาล ที่ค่อยๆโตขึ้นทันทีหลังฝังราก แล้วโตอย่างรวดเร็วจนหนึ่งเมตรกว่า
หญ้าปลาไหลที่กำลังโตก็เป็นชนิดเดียวกับสาหร่ายสีน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายทุ่น สาหร่ายที่มีลักษณะยาว มีแค่พวกมันที่ลอยได้
สาหร่ายทุ่นเป็นสาหร่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ พบเห็นได้ยากมากในแถบอเมริกาเหนือ เนื่องจากพวกมันมักอาศัยในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ส่วนใหญ่อยู่ตามอ่าวเม็กซิโก และฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ เพราะมีกระแสน้ำอุ่นในอ่าวเม็กซิโกนั่นเอง
พูดง่ายๆ สาหร่ายส่วนใหญ่ที่ฟาร์มปลาเป็นประเภทสาหร่ายสีน้ำตาล ส่วนประเภทสาหร่ายสีเขียวและสีแดง แม้อุณหภูมิน้ำจะไม่ถึงเกณฑ์ และมีมลพิษในน้ำทะเล แต่ด้วยความช่วยเหลือของพลังลึกลับบางอย่าง สาหร่ายพวกนี้จึงยังเติบโตอยู่ได้
เช่นเดียวกับพวกแพลงก์ตอนพืชที่ลอยไปมาในน้ำทะเล ตามกระแสน้ำและคลื่นน้ำแล้วตั้งถิ่นฐานทุกหนแห่ง สิ่งมีชีวิตต่างๆที่อยู่ตามพื้นทะเล โดยเฉพาะตามโขดหิน เริ่มเห็นสาหร่ายงอกงามขึ้นมา สีสันสดใสของพืชน้ำทำให้โลกใต้ทะเลดูตระการตาขึ้น
แน่นอนว่า สาหร่ายที่มากขึ้นทำให้มองไม่เห็นพวกสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ผู้ที่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิม ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น กระจัดกระจายอยู่ในทุกส่วนของน้ำทะเล นับไม่ถ้วน
ตามสถิติพืชเซลล์เดียวพวกนี้ สามารถยึดครองพื้นที่ถึง 90%ของพืชทะเลทั่วไปในฟาร์มปลา ผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสงอินทรีย์
สาหร่ายถือเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเล และมีส่วนช่วยให้ปลา กุ้ง หอย ปูเจริญเติบโต พูดง่ายๆคือเป็นเหมือนหญ้าเลี้ยงปศุสัตว์นั่นเอง
เมื่อเห็นสาหร่ายที่กำลังเติบโตกันอย่างมีชีวิตชีวา ฉินสือโอวก็ถอนหายใจโล่งอก ฟาร์มปลาดำเนินไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว พอสาหร่ายโตเต็มที่ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจะไม่มีปลากุ้งมาที่ฟาร์มปลา มีต้นอู๋ถง(ต้นเมเปิลจีน)ในบ้าน ก็เหมือนมีหงส์(สัตว์มงคล)เป็นของตัวเอง สาหร่ายที่ไม่มีอะไรดึงดูดสายตากลับเป็นเหมือนต้นอู๋ถงของฟาร์มปลาไปได้
ในใจรู้สึกยินดี ขณะฉินสือโอวยืนบิดขี้เกียจ เรือลาดตระเวนแฟร์เวลก็ปรากฏขึ้น เข้ามายังท่าเรืออย่างรวดเร็ว
แฮมเล็ตกับดอนต่างเดินพูดคุยหัวเราะกันระหว่างลงจากเรือ ด้านหลังมีอลันที่เดินนวดตาด้วยความมึนออกมาจากห้องโดยสาร
“เป็นยังไงบ้างครับ?” ฉินสือโอวเอ่ยยิ้มๆ
ดอนพูดอย่างเบิกบานว่า “ไม่เลวเลย เกินคาดทีเดียว ฉิน นายขึ้นเรือไปดูสิ ว่ามีของอะไรที่นายชอบไหม?”
การตกปลาทะเลกับการตกปลาทะเลสาบนั้นต่างกัน ส่วนใหญ่ปลาที่ตกได้จะมีขนาดยี่สิบเซนติเมตรขึ้นไป ถ้าได้ปลาตัวเล็กก็สามารถปล่อยกลับลงทะเลหรือนำมาทำเป็นเหยื่อได้ จนในที่สุด ก็ได้มาแต่ปลาครึ่งเมตรขึ้นไปทั้งนั้น สุดท้ายปลาก็ถูกเก็บไว้ในห้องแช่แข็งในเรือประมง
ห้องแช่แข็งเรือลาดตระเวนอยู่ใต้ดาดฟ้า ฉินสือโอวลงไปดู ก็พบว่าการผจญภัยของทั้งสามคนรอบนี้ถือว่าโชคดีทีเดียว ปลาใหญ่ครึ่งเมตรสิบกว่าตัวแขวนไว้ มีปลาค็อด ปลาจานแดง และปลาเทราต์ รวมถึงปลากระโทงร่มขนาด 70 เซนติเมตร ช่างยอดเยี่ยมไปเลย
ยังมีปลาขนาดเล็กอื่นๆอีกเพียบ ส่วนใหญ่เป็นปลาแฮร์ริ่งแอตแลนติก กับปลากระบอกเทาที่พบเห็นได้บ่อยในทางเหนือ ไม่มีอะไรน่าสนใจ
แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดี ฉินสือโอวจึงเลือกปลาค็อดยาวครึ่งเมตรตัวหนึ่ง แล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวผมไปเชิญคุณลุงฮิคสันมาทำปลาค็อดอร่อยๆนะครับ พอถึงเวลาพวกคุณมาจะชิมด้วยกันก็ได้”
พอเห็นฉินสือโอวเลือกปลาใหญ่ไปตัวหนึ่ง สองพ่อลูกดอนและอลันกลับไม่ดีใจ เพราะพวกเขาทั้งใช้เรือของฉินสือโอว โดนออกเงินค่าเรือค้างแรมดีๆแทนให้ ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดาแน่ แล้วยังใช้น้ำมันของตัวเองอีก
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรู้สึกไม่ดี ถ้าฉินสือโอวไม่อยากได้ปลาของพวกเขา คราวหน้าพวกเขาคงไม่กล้ามายืมเรือแล้ว พอตอนนี้ฉินสือโอวยังเลือกปลาธรรมดาไปแค่ตัวเดียวอีก เหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่คนอื่นใช้เรือตัวเองเลย
ดอนรู้สึกผิด แต่ก็ยังพูดออกไปว่า “ฉิน ขอบคุณเรื่องเรือของนายมากเลยนะ มันเป็นดาวนำโชคเลย พวกเรา…คือขอโทษจริงๆ เย็นนี้พวกเรายังอยากไปออกทะเลกันอีกรอบ…”
“งั้นใช้เรือลำนั้นก็ได้นี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพื่อน” ฉินสือโอวมองความลำบากใจของดอนออก เลยเอ่ยยิ้มๆ “ถ้าพวกคุณคิดว่าผมจะเป็นคนขี้เหนียวล่ะก็ คิดผิดแล้ว”
แฮมเล็ตทำให้เป็นทางการโดยเอ่ยเชิญไปตรงๆ “ฉิน เย็นนี้นายยังมีธุระอีกไหม? ถ้าไม่มีก็ไปเที่ยวทะเลกับพวกเราสิ เชื่อเถอะ มันไม่เลวเลย ตกปลากลางคืนเป็นความสนุกอย่างหนึ่งในชีวิตเชียวนะ”
เรื่องโรงงานสองแห่งจัดการไปได้เยอะแล้ว ฉินสือโอวครุ่นคิดที่จริงตอนเย็นก็ไม่มีธุระอะไร จึงตอบอย่างยินดี “ได้ครับ เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปหาพวกคุณดีไหม?”
ได้ฟังดังนั้น ดอนก็ตื่นเต้น ตบบ่าเขาพูดว่า “เย็นนี้ต้องสนุกแน่ แต่ตอนนี้พวกเราคงต้องขอตัวไปพักก่อน”
ในฟาร์มปลาลูกปลาแฮร์ริ่งกับลูกปลาค็อดยังอยู่รอดดี ชาร์คแนะนำให้ฉินสือโอวซื้อลูกปลามาปล่อยในบ่อเพาะพันธุ์เพิ่ม ฉินสือโอจึงตัดสินใจซื้อปลาค็อดห้าล้านตัวและปลาแฮร์ริ่งแปดล้านตัว
นอกจากนี้ เขายังนำเข้าปลาเทราต์แอตแลนติกตัวใหญ่มา หรือก็คือแซลมอน ปลาเศรษฐกิจสายพันธุ์หนึ่งที่สำคัญของอเมริกาเหนือนั่นเอง
แต่ปลาพวกนี้บอบบางมาก ไม่เหมือนกับปลาค็อดที่ทนทานกว่า ฉินสือโอวจึงเลือกมาแค่หนึ่งล้านตัวก่อน
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์รู้สึกว่าเขารีบร้อนเกินไป แต่ฉินสือโอวค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีแค่เขาที่รู้ว่า สภาพแวดล้อมของสาหร่ายที่ฟาร์มปลาตอนนี้อยู่ในขั้นดีแค่ไหน
ตกเย็น แฮมเล็ตกับดอนขับคาเมโรมาอีกครั้ง ฉินสือโอวชวนชาร์คกับซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็น ซึ่งมีแค่นีลเซ็นที่ยอมไปตกปลากลางคืนด้วย อีกสองคนอยากกลับไปหาครอบครัวมากกว่า เขาไม่ได้บังคับอะไร แล้วทั้งคนห้าคนขึ้นเรือไป
ตอนนี้เป็นเวลายามพระอาทิตย์ตกดิน เรือลาดตระเวนมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวนั่งบนดาดฟ้ามองสีแดงส้มของสนธยา ลมทะเลพัดผ่าน ใจนิ่งสงบ
หู่จือกับเป้าจือนอนพิงเขาซ้ายขวา พลางแข่งกันแทะกระดูกยางชิ้นหนึ่งในปาก
แฮมเล็ตเป็นคนเอาพวกกระดูกยางมาให้วันนี้ เขามีประสบการณ์เลี้ยงหมามาก่อน จึงสอนเคล็ดลับการเลี้ยงแลบราดอร์ให้ฉินสือโอว การป้อนอาหารขบเคี้ยวบ่อยๆก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ของขบเคี้ยวหมาใช้แผ่นเนื้อวัว เนื้อหมูและขี้เลื่อย อาหารหมาที่นำมาผสมกัน อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน แคลเซียมและน้ำ เวลาที่น้องหมากัดแทะจะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ฟันแข็งแรง ลดกลิ่นปาก และป้องกันโรคอ้วน
โดยเฉพาะการทำความสะอาดช่องปาก แลบราดอร์เป็นโรคในช่องปากได้ง่าย การเคี้ยวยางจะช่วยลดการอักเสบของเหงือกและสิ่งสกปรกอื่นๆ
สำหรับฉินสือโอว ของขบเคี้ยวก็เป็นของเล่นที่ดี
ดาดฟ้าของเรือแฟร์เวลยาวแปดเมตร เขาผิวปาก เรียกหู่จือกับเป้าจือมาด้านหน้า แล้วโยนของขบเคี้ยวไป เห็นดังนั้น เจ้าเด็กสองตัวก็พุ่งไปงับตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว คราวนี้ ฉินสือโอวส่งสัญญาณมือให้พวกมันคาบกลับมา
เห็นดังนั้น แฮมเล็ตก็กล่าวยิ้มๆว่า “ฉิน นายฝึกพวกมันเร็วไปแล้ว ถึงแลบราดอร์จะฉลาด แต่พวกมันก็เป็นแค่หมาไม่ใช่…หา บ้าน่า นายทำให้ที่ฉันพูดดูไร้สาระไปเลย!”
ฉินสือโอวทำมือ หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเตาะแตะกลับมาวางของขบเคี้ยวบนมือทันที แฮมเล็ตเคยเลี้ยงหมาซื่อบื้อ เคยเห็นหมาฉลาด แต่ไม่เคยเห็นหมาที่ฉลาดแบบลูกสุนัขพวกนี้มาก่อน
ฉินสือโอวปาของขบเคี้ยวไปอีกรอบ คราวนี้ไม่ทำมือ เด็กสองตัวสองตัวก็พุ่งไปคาบกลับมาวางบนมือเขาอีก
“พระเจ้า พวกมันฉลาดพอๆกับเด็กเลย” แฮมเล็ตตะลึง “นายไปเอาเจ้าสองตัวนี้มาจากไหนกัน? ฉิน พอจะยกให้ฉันเลี้ยงสักตัวได้ไหม?”
ฉินสือโอวลูบหัวเล็กๆของหู่จือกับเป้าจืออย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “พวกมันอาจไม่ใช่เด็กฉลาด แต่ยังไงก็เป็นลูกผม ผมคงไม่อาจหาตัวไหนที่น่ารักเท่าที่เด็กพวกนี้มอบให้ผมได้อีกแล้ว ต้องขอโทษด้วย”
หู่จือและเป้าจือแลบลิ้นเลียมือฉินสือโอว ตาดำโตจ้องผู้เป็นนายอย่างจดจ่อ
อาทิตย์ตกสู่ลำน้ำ ทะเลหลอมตะวันให้ดูกลม
ฉินสือโอวกำลังจ้องมอง ตะวันสีส้มร่วงลงสู่ทะเลเบื้องล่าง เดือนเข้าขึ้นครองหมู่ดารา จันทร์แขวนเด่นบนท้องฟ้า ดวงดาวค่อยๆเผยกายออกมา
เพราะมลพิษของโรงงานสองแห่งที่มีผลกระทบต่อเกาะแฟร์เวล ทำให้ท้องฟ้าดำมืดยิ่งกว่าทะเล ฉินสือโอวเอนนอนลงบนดาดฟ้ามองไปยังฟ้ามืดแต่ดาวพร่างพราย แล้วรู้สึกว่าชีวิตช่างสวยงามเหลือเกิน
ดอนขึ้นมาส่งสเต็กปลากระบอกเทาทอดให้ ฉินสือโอวขอบคุณแล้วกัดไปคำหนึ่ง ซอสเกรวี่สีขาวผสมกับน้ำมันมะกอกสีทองอย่างลงตัว ความอร่อยของเนื้อปลาสดใหม่ที่กระแทกเข้ากับต่อมรับรส ทำเอาเขาต้องยกนิ้วโป้งให้เลย
ดอนไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงยิ้มมองฉินสือโอวกินอย่างดีใจ แล้วหาเรื่องคุย “ที่จริงฉันมาตามคำขอของแฮมเล็ตให้มาตรวจสอบฟอสซิลฟันฉลามกินซู(Ginsu Shark) แต่ไม่นึกว่าจะได้มีโอกาสมาขับเรือลาดตระเวนแบบนี้”
เมื่อได้ยินดอนพูดว่าฟอสซิลฟันฉลามกินซู ฉินสือโอวก็นึกถึงของที่ตัวเองเจอในทะเลสาบเฉินเป่า “ฟอสซิลนั้นคือฟันของฉลามกินซูใช่ไหมครับ? แล้วฉลามกินซูคืออะไรกันแน่ครับ?”
ตอนที่แนะนำตัวก่อนหน้านี้แฮมเล็ตบอกว่าเขาเป็นนักวิจัยฟอสซิลของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแคนาดา เขาไม่ได้สนใจเท่าไร ที่แท้อีกฝ่ายก็วิจัยเรื่องฟอสซิลนี่เอง
เมื่อพูดเกี่ยวกับสาขาวิชาของตัวเอง ดอนก็กลายเป็นคนช่างคุยทันที “มันก็คือฉลามดึกดำบรรพ์ มีชีวิตอยู่ในยุคเครเทเชียส(Cretaceous Age) เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อน แล้วสูญพันธุ์ไปประมาณแปดพันสี่ร้อยล้านปีก่อน”
“ฉลามพันธุ์นี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cretoxyrhina เป็นนักล่าชั้นสูงในทะล ที่ล่าไดโนเสาร์…ไม่ว่าโมซาซอรัส เพลสิโอซอร์ และมันยังถูกเรียกว่า ‘ยุทธศาสตร์แห่งเครเทเชียส’”
“‘งั้นมันคงเป็นที่น่าเกรงกลัวมากเลยสินะครับ” ฉินสือโอวช่วยพูดอย่างมีส่วนร่วม
ดอนกลับส่ายหัวตอบว่า “ไม่ๆ พวกมันไม่ได้ตัวใหญ่หรอก ตัวพอๆกับฉลามขาวปัจจุบันเลย ปกติลำตัวยาวไม่ถึงสิบเมตร”
“งั้นมันล่าไดโนเสาร์ได้ยังไงครับ?” ฉินสือโอวไม่เข้าใจ
“เพราะพวกมันมีนิสัยดุร้ายป่าเถื่อน กระหายเลือดมากไงล่ะ แน่นอน การที่มันล่าเพลสิโนซอร์ได้เพราะพวกนั้นมันเชื่องเกินไป และการล่าโมซาซอรัสก็ไม่ต่างจากล่ามังกรเล็ก แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น การวิวัฒนาการของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี่ก็ช่างลึกลับเสียจริง โมซาซอรัสเริ่มวิวัฒนาการจนตัวใหญ่ขึ้น และกลายเป็นว่ามันเริ่มล่าฉลามกินซูแทน” ดอนอธิบาย
………………………………………………