ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 211 งานปาร์ตี้ที่แท้จริง

บทที่ 211 งานปาร์ตี้ที่แท้จริง
โดย
Ink Stone_Fantasy

“อาวริล? อะไรนะ? เมื่อกี้นี้คืออาวริล?”ฉินสือโอวถามเขาด้วยความตื่นเต้นตกใจ “อาวริลที่เป็นราชินีเพลงร็อกของแคนาดาน่ะเหรอ?”
ดูเหมือนว่าเบลคจะช็อกยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก เขาถามว่า “อะไรนะ นายจำเธอไม่ได้หรอกเหรอ? นั่นคืออาวริล ลาวีนยังไงล่ะ ตัวเล็กๆ แบบนั้น แต่งหน้าแบบสโมคกี้อายอย่างนั้น นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเธอเลยนะ”
ความสูงของอาวริลไม่ถึงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ท่ามกลางบรรดาผู้หญิงผิวขาวแล้วความสูงเท่านนี้ก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กมากอยู่ ส่วนการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายของเธอนั้น ก็นับว่าโด่งดังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ที่จีนคนในประเทศก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเธอเหมือนกัน
ฉินสือโอวหันกลับไปดู แต่ก็มองไม่เห็นเธอแล้ว จึงทำให้เขาค่อนข้างผิดหวัง ถ้าได้ถ่ายรูปคู่แล้วเอารูปไปลงในคิวคิว ของเขาเองล่ะก็ คงจะดูดีไม่หยอกเลย
ร้านลอสต์ พาราไดซ์เมื่อมองจากด้านนอกแล้ว ก็เป็นแค่ตึกเล็กๆ เพียงตึกหนึ่งเท่านั้น มีความสูงราวๆหกเจ็ดชั้น เมื่อเข้ามาข้างในแล้วก็ไม่ได้มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจอะไร ฉินสือโอวจึงถามขึ้นมาว่า “ปาร์ตี้ยังไม่เริ่มเหรอ?”
เบลคยักคิ้วแล้วพาเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ลิฟต์โดยสารก็ตรงลงไปยังชั้นสองทันที จากนั้นประตูของลิฟต์ก็เปิดออก เสียงดนตรีดังสนั่นหูที่กำลังบรรเลงอย่างบ้าคลั่งก็ดังเข้ามาสู่โสตประสาทของเขา อีกทั้งกลิ่นเหล้าและน้ำหอมที่ผสมรวมกันเป็นคลื่นความร้อนก็ลอยเข้ามาปะทะใบหน้าของเขา!
ตึกนี้เมื่อมองดูพื้นที่จากด้านบนพื้นดินดูเหมือนจะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่เมื่อลงมาชั้นสอง ฉินสือโอวก็ต้องงงงันเมื่อพบว่าพื้นที่ใต้ดินกลับมีขนาดค่อนข้างใหญ่  มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลสนามหนึ่ง อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยกลุ่มคนมหาศาล โดยเฉพาะตรงบริเวณฟลอร์เต้นรำตรงกลาง เต็มไปด้วยสาวสวยเซ็กซี่จำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมทั้งหนุ่มหล่อที่กำลังขยับร่างกายอย่างบ้าคลั่ง
เบลคตะโกนบอกอะไรสักอย่าง แต่ฉินสือโอวได้ยินไม่ชัดเลยสักคำ เขาจึงชี้ไปที่หูพร้อมทั้งยักไหล่อย่างจนปัญญาจะได้ยิน
เมื่อเห็นดังนั้นเบลคก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมาเสียงดัง เขาปลดเนกไทออกแล้วนำไปยัดเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง สาวฮ็อตสองคนก็เข้ามาขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาทันที
เห็นได้ชัดว่า เบลคเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ หรืออาจจะพูดได้ว่า ครั้งนี้เขาเป็นคนจัดปาร์ตี้นี้ขึ้นมา สาวสวยที่นี่ต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตาเขาทั้งนั้น พอเขาเดินออกมาจากลิฟต์ ก็แทบจะโดนพวกสาวๆสวยๆแย่งกันฉีกทึ้งร่างของเขาแล้ว
เบลคเลือกเอาสาวสวยที่มีรูปร่างสูงยาวเข่าดีคนหนึ่งมาให้ฉินสือโอว สาวสวยคนนี้น่าจะมีเชื้อสายมาจากฝั่งอเมริกากลาง ผมดำเงาสลวย ถูกม้วนเป็นลอนตามธรรมชาติ ผิวสีช็อกโกแลตของเธอละเอียดเกลี้ยงเกลาไม่หยาบกร้าน หลังจากเข้าใกล้ฉินสือโอวแล้วก็เกาะติดตัวเขาไว้ เหมือนกับนางพญางูอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนสภาพร่างกายของฉินสือโอวน่ะเหรอ? เขาใช้ชีวิตอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่ค่อยนอนดึก ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายทุกเช้า แถมยังออกทะเลไปโต้คลื่นลมทะเลอยู่บ่อยครั้ง และยังได้รับการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงร่างกายจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกด้วย เรียกได้ว่าแข็งแรงบึกบึนและมีพลังวังชาเต็มเปี่ยม
สาวฮ็อตแอบอิงลงไปบนตัวของเขา เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายออกมาจากตัวของเธอ เมื่อมือได้สัมผัสผิวเนียนนุ่ม เธอเอนตัวแนบชิดกับฉินสือโอว แล้วยิ้มพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก ยื่นมือไปลูบคลึงแผ่นอกของฉินสือโอว เธอมองเขาด้วยสายตาหลงใหลแล้วพูดกับเขาว่า “พระเจ้า แผ่นอกของคุณแข็งจังเลยนะคะ! คุณต้องหุ่นดีมากแน่ๆ!”
ฉินสือโอวรีบก้าวถอยหลังอย่างเก้อเขิน แต่ปรากฏว่าตอนนี้รอบตัวของเขาถูกล้อมเอาไว้ เมื่อเขาก้าวถอยหลังก็พบเข้ากับสาวผมบลอนด์อีกคนที่อยู่ข้างหลังเขา
ผู้หญิงคนนั้นส่ายสะบัดไปผมสีบลอนด์ของเธอไปตามดีเจอย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว ฉินสือโอวชนเข้ากับด้านหลังของเธอแต่เธอก็ไม่ถือสา เธอหันกลับมาแล้วยื่นมือออกไปโอบฉินสือโอวไว้ ราวกับว่าเขาเป็นเสาเหล็กอันหนึ่ง เธอวนไปรอบๆเขาแล้วก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมา
ตำแหน่งห้องใต้ดินอยู่ตรงกับลิฟต์พอดี ดีเจรูปหล่อที่สวมหูฟังขนาดใหญ่ก็กำลังโยกย้ายร่างกายอย่างบ้าคลั่ง คอยควบคุมอุปกรณ์กระจายเสียงเพื่อกระตุ้นให้คนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำปลดปล่อยอารมณ์สนุกสนานและความบ้าคลั่ง
ฉินสือโอวเขย่งเท้าขึ้นเพื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีคนอยู่ตามมุมต่างๆไม่มากนัก แถมยังมีเก้าอี้ทรงสูงและที่นั่งจำพวกโซฟาวางไว้ เขาจึงอยากจะฝ่าฝูงชนออกไป
ทว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก มีคนอยู่เยอะเกินไป เมื่อสักครู่เบลคก็พาเขาตรงเข้ามาในฟลอร์เต้น ตอนนี้เขากำลังจะเบียดฝ่าออกไปข้างนอก เหมือนกับการแอบเอาเปรียบหญิงสาวคนอื่นๆอย่างไรอย่างนั้น มีผู้หญิงไม่น้อยเลยที่ส่งคลื่นกระแสไฟฟ้ามาให้เขาอย่างบ้าคลั่ง
ฉินสือโอวค่อนข้างจะรำคาญใจ จึงอยากไปหาเบลคให้เจอ แต่ปรากฏว่าทันใดนั้นเสียงดนตรีที่รุนแรงก็หยุดลงทันที ปรากฏให้เห็นคนคนหนึ่งที่ยืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างๆกันกับดีเจ
เมื่อเป็นอย่างนี้ฝูงชนที่เต้นอยู่บนฟลอร์อย่างบ้าคลั่งก็สงบลงทันที มีบางคนเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองเพื่อดื่มเหล้า ฉินสือโอวเองก็กำลังจะเดินออกไปไป ลำแสงที่สว่างเป็นประกายหลายเส้นส่องสว่างเปลี่ยนทิศทางไปมาสุดท้ายกลับหยุดลงด้วยการส่องมาที่เขา จนทำให้เขากลายเป็นคนที่เด่นที่สุด ณ ที่ตรงนี้
เสียงของเบลคก็ดังขึ้นมาจากลำโพง  “หนุ่มหล่อสาวสวยทุกท่าน วันนี้พวกคุณสนุกกันหรือเปล่า?”
เสียงร้องราวกับกำลังคลุ้มคลั่งก็ดังขึ้นขานรับเบลค คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็รู้จักกับเขาทั้งนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่เรียกชื่อเขาออกมา
เบลคที่ได้รับการขานรับ ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ผมได้ยินว่ามีคนตะโกนเรียกชื่อฉันเพื่อขอบคุณที่จัดปาร์ตี้ครั้งนี้ขึ้นมา ผมต้องขอบอกว่า พวกคุณไม่ควรจะขอบคุณผม พวกคุณควรจะขอบคุณเพื่อนของผม ฉิน สือ โอว!”
ลำแสงเปล่งงประกายออกมา ฉินสือโอวจำเป็นต้องยกมือขึ้นมาบังดวงตาไว้ ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังยกมือขึ้นตอบรับเบลค
เบลคก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากกว่าเดิม ทั้งยังคิดว่าฉินสือโอวเริ่มเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว เขาจึงตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า  “สนุกกันต่อเถอะ! มาสนุกกันต่อ! เคลต์ เปิดดนตรีให้มันเร้าใจกว่านี้ขึ้นอีกหน่อย! สาวๆ ขอให้พวกคุณร้อนแรงขึ้นกว่านี้อีก ชายชาวเอเชียที่อยู่ตรงหน้าของพวกคุณ คือมหาเศรษฐีร้อยล้านตัวจริง! เศรษฐีร้อยล้านตัวจริงร้อยเปอร์เซ็นต์!”
ทั้งหมดที่พูดมาไม่มีประโยคไหนที่จะมีประโยชน์เท่าประโยคสุดท้าย เมื่อเบลคพูดจบ สาวสวยเซ็กซี่ในฟลอร์ก็แทบจะกลืนกินฉินสือโอวลงไปทั้งที่ยังเป็นๆอยู่ ต่างก็พากันล้อมเข้ามารอบๆเขาอย่างแน่ขนัด คราวนี้เขาคงคิดหนีไม่ได้แล้ว
ฉินสือโอวเห็นว่าตัวเองถูกเบียดจนออกไปไม่ได้แล้ว ทำได้แค่ไหลไปตามคนส่วนใหญ่ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำให้งานกร่อยเช่นกัน ถึงอย่างไรงานปาร์ตี้ในครั้งนี้เบลคก็ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเขานี่นะ
อีกอย่าง ตัวของเขาเองก็ไม่เคยเข้าร่วมงานปาร์ตี้ที่จัดได้ถึงอกถึงใจขนาดนี้มาก่อน ถือโอกาสลองสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักหน่อย สนุกไปกับมันเถอะ!
เสียงดนตรีเร้าใจกระจายออกมาจากลำโพงชั้นเยี่ยมดังไปทั่วบริเวณงาน ภายใต้ความเร้าใจของเสียงดนตรี อารมณ์ของฉินสือโอวก็พลุกพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขากวัดแกว่งร่างกายไปตามใจอยาก
เบลคฝ่าผู้คนเข้ามา ยื่นเอาแชมเปญให้เขาหนึ่งขวด เพื่อเป็นการบอกให้ฉินสือโอวเต้นไปตามจังหวะพร้อมกันกับเขา
ฉินสือโอวกำลังจะรินเข้าปาก เบลคก็หัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็ลากมือของเขาไว้ ให้ปิดปากขวดแล้วเขย่าขวดแชมเปญ แล้วจึงเล็งปากขวดไปที่บรรดาหญิงสาวที่อยู่รอบๆ แล้วปล่อยเหล้าให้พุ่งเข้าหาพวกหล่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้พวกสาวๆทั้งหลายก็พากันยกขวดเหล้าของตัวเอง สาดเบียร์หรือไม่ก็แชมเปญที่อยู่ด้านในไปทางฉินสือโอวกับเบลค
กำลังกายของเบลคยังห่างจากฉินสือโอวอยู่มาก เขาเที่ยวเล่นไปได้สักพักก็หมดเรี่ยวหมดแรง ทางด้านฉินสือโอวกลับเพิ่งเริ่มต้นเสียอีก คราวนี้เขาไม่อยากเบียดออกไปแล้ว แต่อยากจะดื่มด่ำความสุขจากการเต้นรำกับบรรดาสาวๆพวกนี้มากกว่า และแน่นอนว่า ก็ยังมีหนุ่มหล่ออยู่ด้วย
ไม่รู้ว่ามีความสุขอยู่ในฟลอร์เต้นรำมานานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างมากหน้าหลายตา เขาถึงได้ลงจากเวทีไปหาเบลค แล้วหัวเราะฮ่าๆ พูดกับเขาว่า “พระเจ้า วันนี้มันบ้ามากจริงๆ! ฉันแทบจะหาสติตัวเองไม่เจอแล้ว”
เบลคชนกำหมัดชนกันกับเขา เอนตัวพิงโซฟาแล้วพูดขึ้นว่า “นี่ยังไม่เท่าไร ฉิน ปาร์ตี้ที่พวกเราจัดกันสมัยเรียนมหาลัยสิถึงจะเจ๋งจริง! ตอนนั้นเต้นอยู่บนฟลอร์แบบไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลยด้วยซ้ำ นายคิดว่าแบบนั้นมันน่าตื่นเต้นหรือเปล่าล่ะ!”
ฉินสือโอวถึงกับสำลักเบียร์ แม่เจ้า แบบนั้นเรียกตื่นเต้นเหรอ? แบบนั้นเรียกว่าเกะกะระราน! แบบนั้นเรียกว่าบ้าต่างหากเล่า!
พักเอาแรงอยู่สักครู่ ฉินสือโอวก็ถูกสาวสวยหลายคนลากกลับไปที่ฟลอร์เต้นรำอีก พวกเขาเริ่มเต้นต่ออย่างบ้าคลั่ง กระทั่งว่าเขาเองก็แยกไม่ออกแล้วว่ากำลังเต้นเป็นท่าทางแบบไหนอยู่ แค่ขยับร่างกายไปตามใจอยากก็พอแล้ว ถึงยังไงรอบๆตัวก็มีสาวสวยมาร้องรับอยู่ดี
นี่คือชีวิตยามค่ำคืนของหนุ่มสาวที่มีเงินในอเมริกาเหนือ ทั้งบ้าคลั่ง เหลวไหลและเป็นอิสระขนาดนี้เลยล่ะ แต่เมื่อฉินสือโอวได้เข้ามาสัมผัสแล้ว ก็รู้สึกว่าชีวิตยามค่ำคืนแบบนี้มันช่างสุดยอดจริงๆ!
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset