ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 212 บัตรแบล็ก อาเม็กซ์

บทที่ 212 บัตรแบล็ก อาเม็กซ์
โดย
Ink Stone_Fantasy

สิ่งที่ฉินสือโอวกังวลที่สุดไม่ได้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะคึกจนสติแทบจะเลอะเลือนไปแล้วก็ตาม แต่ในตอนสุดท้ายเขาก็ยังสามารถรักษาสติเอาไว้ได้ ในตอนที่ปาร์ตี้สิ้นสุดลงมีหญิงสาวคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาเสนอตัวให้เขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธพวกเธอ
จะว่าไปแล้ว การที่เขาทำได้อย่างนี้นั้นนับว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากสาวสวยพวกนี้ล้วนแต่มีจุดเด่นเป็นของตัวเองกันทุกคน  ขายาว สะโพกผาย หน้าอกตู้ม เอวคอดกิ่ว ถุงน่องซีทรูสีดำ ถุงน่องซีทรูสีเนื้อ สาวมหาลัย สาวสวยหวานหยดย้อย มีครบทุกแบบ
ตื่นเช้าวันถัดมา ฉินสือโอวลองดมๆดู ก็รู้สึกว่าตัวเองยังมีกลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมติดตัวอยู่ เขาจึงไปอาบน้ำก่อนสักสองรอบ พร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย
พอเขาเปิดประตูห้องออกไป ที่ด้านนอกกลับมีพนักงานบริการคนหนึ่งยืนอยู่ พอพนักงานสาวคนนั้นเห็นเขาเธอก็ส่งยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ คุณฉิน คุณแบรนดอนจากนิวฟันด์แลนด์กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องรับรอง กรุณาเดินตามดิฉันมาค่ะ”
ตอนนี้ฉินสือโอวก็ยังอยู่ที่ลอสต์ พาราไดซ์ ที่นี่เป็นไนต์คลับแบบศูนย์รวมความบันเทิง ชั้นใต้ดินมีห้องเต้นรำอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ชั้น ในนั้นมีชั้นใต้ดินชั้นที่สองและชั้นที่สี่ที่สามารถเช่าเหมาทั้งชั้นได้ เมื่อคืนนี้เบลคก็เหมาชั้นที่สองไปทั้งชั้น
ส่วนด้านบนทั้งหมดแปดชั้นประกอบไปด้วย ห้องอาหาร บาร์เหล้า ห้องประชุม โรงแรมและอื่นๆ
เมื่อมาถึงห้องพักรับรองแขก ฉินสือโอวก็ผลักประตูเข้าไป เห็นแบรนดอนกำลังถือไอแพดจัดการข้อมูลบางอย่างอยู่ เขาให้ยื่นแบงก์หนึ่งร้อยดอลลาร์เพื่อทิปให้พนักงานคนนั้น พนักงานสาวก็ยิ้มหวานมากกว่าเดิม แล้วเดินไปบอกกับเขาว่าถ้าหากมีธุระต้องการให้เธอจัดการก็ขอให้บอกเธอก็พอ
เมื่อนั่งลงตรงข้ามกับแบรนดอน ฉินสือโอวก็พูดกับเขาว่า “เพื่อน นายมาช้าไปแล้ว เมื่อคืนวานนี้เบลคเพิ่งจัดปาร์ตี้ไป สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ”
“ปาร์ตี้ที่เขาจัดจะสนุกสุดเหวี่ยงยังไงกัน? ก็แค่หาหนุ่มหล่อสาวสวยกลุ่มหนึ่งมาแหกปากร้องตะโกนกระโดดโลดเต้นไปอย่างนั้น ไม่มีระดับซะเลย ตอนที่ฉันอยู่ไฮสคูลฉันไปปาร์ตี้แบบนี้จนเบื่อแล้วล่ะ เดี๋ยววันอื่นฉันจะพานายไปรู้จักกับปาร์ตี้สนุกๆของจริง” แบรนดอนพูดเหยียด
จากนั้นเบลคก็รีบตามเข้ามา ได้ยินคำวิจารณ์ของแบรนดอนเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรกลับไป แต่กลับหัวเราะฮ่าๆออกมาแทน “มีเวลาในการจัดงานน้อยเกินไปหน่อย เลยหาลูกเล่นอื่นมาไม่ทันน่ะ ฉันเลยพาฉินไปเปิดหูเปิดตากับปาร์ตี้แท้ๆของวัยรุ่น น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาสาวกลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะถือว่าครบสูตรแล้วล่ะ”
เมื่อคืนวานนี้ฉินสือโอวเองก็ต้องใช้พลังใจที่แน่วแน่ถึงจะปฏิเสธสาวสวยที่เข้ามาเสนอตัวให้เขาได้ สิ่งที่เขารู้สึกว่าสำคัญที่สุดก็คือ ตัวเขาเองยังบริสุทธิ์อยู่ ถ้าเขาไม่ได้ให้ครั้งแรกของเขากับคนที่เขาหมายปองอย่างวินนี่ แต่มอบมันให้กับผู้หญิงพวกนี้ที่เขาไม่รู้จัก ก็คงจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มาก
แบรนดอนล้อเขาเล่นว่า “ฉินปฏิเสธคำเชิญชวนของสาวๆสวยๆในงานเลี้ยงมาสองครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าครั้งหน้าคงจะต้องเตรียมหนุ่มหล่อไว้ให้เขาสักสองสามคนแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวรีบโบกมือปัด จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “วันนี้นายมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
แบรนดอนหยิบเอาซองจดหมายสีทองออกมาจากกระเป๋าใส่เอกสาร ส่ายไปมาแล้วยื่นมันให้กับเขา  “ฉันตั้งใจจะเอาสิ่งนี้มาให้นาย”
เมื่อรับเอาซองจดหมายมาแล้ว ฉินสือโอวลองมองดู ที่ด้านบนของซองจดหมายเขียนข้อความเรียบง่ายไว้สองบรรทัด “มอบให้กับมิสเตอร์ฉินผู้มีเกียรติ จากหุ้นส่วนพันธมิตรบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ด้วยความนับถือ”
เขาเปิดซองจดหมายออก จดหมายหนึ่งฉบับก็ร่วงออกมา บนแผ่นจดหมายมีการ์ดสีดำแนบอยู่ แผ่นการ์ดให้ความรู้สึกเยียบเย็น เห็นได้ชัดว่าวัสดุทำมาจากโลหะ แต่ก็ให้น้ำหนักที่บางเบาเป็นอย่างมาก ด้านบนมีตัวเลขที่ถูกฉลุลายไว้ มีรูปภาพอยู่ตรงกลาง มุมซ้ายล่างมีเลขหมายประจำบัตรระบุไว้ ส่วนด้านบนของบัตรมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษระบุไว้ว่า American Express – อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
“บัตรแบล็ก อาเม็กซ์?”  นึกถึงตัวหนังสือแบบบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ที่อยู่บนซองจดหมายกับที่เขียนไว้บนบัตร แค่ครู่เดียวฉินสือโอวก็เดาได้ว่าบัตรใบนี้คืออะไร
แบรนดอนยิ้มแล้วพยักหน้า เบลคยื่นมือไปหาเขาแล้วพูดว่า “ยินดีด้วย ฉิน นายเข้าสู่วงสังคมมหาเศรษฐีแนวหน้าของแคนาดาอย่างเป็นทางการแล้ว”
คำพูดนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้บัตรแบล็ก อาเม็กซ์เปรียบเสมือนกับบัตรประชาชนของมหาเศรษฐีในแคนาดา ความจริงไม่ใช่เพียงแค่ที่แคนาดาเท่านั้น ทุกที่ทั่วโลก เหล่ามหาเศรษฐีล้วนแต่ได้รับบัตรในนี้เพื่อเป็นเกียรติกันทั้งนั้น
จะว่าไปแล้ว บัตรเครดิตใบนี้ไม่ได้ออกโดยธนาคาร มันถูกเปิดตัวขึ้นในปี 1999 โดยบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทด้านการบริการที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นบัตรเครดิตชั้นนำที่ทั่วโลกให้การยอมรับ จนกระทั่งในปัจจุบันที่มีเพียงตลาดสามสิบเอ็ดแห่งในโลกเท่านั้นที่จะได้รับคำเชิญ ผู้ถือบัตรสามารถเพลิดเพลินไปกับสิทธิและบริการพิเศษชั้นนำทั่วโลก
บัตรเครดิตชนิดนี้ไม่มีการจำกัดวงเงิน หากแต่ว่ามีการกำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำเอาไว้ สำหรับยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในปีแรกจะอยู่ที่สองแสนห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐ  ขอเพียงแค่คุณมีความกล้าและความสามารถที่มากพอ จะใช้จ่ายเท่าไรก็ย่อมได้  ดังนั้น ทุกๆครั้งของการมอบบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ล้วนแต่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง
บัตรใบนี้ไม่สามารถสมัครใช้ได้เอง แต่จะออกให้กับลูกค้าระดับสูงที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับคำเชิญเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งผู้ที่รับหน้าที่ในการคัดเลือกก็คือบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสและธนาคารต่างๆ รวมไปถึงบริษัทด้านการเงินที่มีการร่วมมือกัน
เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยได้ยินมาว่า ตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับการออกบัตรนั้นจะต้องยอดเยี่ยมมาก มีเพียงผู้ถือบัตร Amex Platinum เท่านั้นที่จะได้รับคำเชิญ อีกทั้งจะมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของผู้ถือบัตรแพลททินั่มชั้นสูงเท่านั้นถึงจะได้รับคำเชิญให้ทำบัตรใบนี้
หลังจากที่เขาพูดเรื่องข้อสงสัยของตัวเองออกไป แบรนดอนก็ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ นั่นเป็นมาตรฐานของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพลส ธนาคารของพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ยอดการใช้จ่ายของนายเพียงพอที่จะทำให้นายมีสิทธิถือบัตรใบนี้เอาไว้ในครอบครองดังนั้นฉันเลยติดต่อกับสำนักงานใหญ่เพื่อสมัครบัตรใบนี้ให้นาย”
ธนาคารมอนทรีออลเป็นหนึ่งในสิบธนาคารแห่งใหญ่ในอเมริกาเหนือ จึงทำให้มีคุณสมบัติที่จะเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส  ความจริงแล้วพวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่สามารถแจกจ่ายบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ได้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาเก็บบัตรเครดิตไว้ จากนั้นจึงยื่นมือไปหาแบรนดอนแล้วพูดกับเขาว่า  “ขอบคุณมาก เพื่อน พวกเรามายื่นหมูยื่นแมวกัน ฉันก็กำลังมีโอกาสในการทำเงินมาบอกพวกนายทั้งคู่เช่นกัน ขอให้พวกนายลองพิจารณาดูสักหน่อย”
ต่อมา เขาก็ได้เล่าถึงแผนการที่เขากับบิลลี่ สเต็มเมอร์คิดขึ้นมา ตอนนี้เขาสามารถเล่าความจริงได้แล้ว จึงบอกทั้งสองคนไปว่าผลงานศิลปะเมื่อก่อนหน้านั้นและแผ่นเงินของเขาในตอนนี้ ล้วนแต่เป็นของที่เขางมขึ้นมาจากในทะเล ไม่ใช่มรดกใดๆทั้งสิ้น  อีกทั้งสิ่งที่ช่วยเขาตามหาสมบัติพวกนั้นจนเจอ ก็คือลูกวาฬเบลูกาที่เขาเลี้ยงเอาไว้ตัวหนึ่ง
“บิลลี่กับฉันวางแผ่นจะจัดตั้งบริษัทกู้สมบัติในทะเล ฉันรับหน้าที่ด้านการค้นหาซากเรืออับปาง ส่วนบิลลี่รับหน้าที่กู้มันขึ้นมา ตอนนี้ต้องการหุ้นส่วนที่ช่วยรับผิดชอบด้านการประมูลขายสมบัติหนึ่งคนและหุ้นส่วนที่ช่วยจัดการด้านการเงินที่ได้จากการประมูล ไม่รู้ว่าพวกนายจะว่ายังไงบ้าง”
พูดถึงเรื่องธุรกิจ แบรนดอนและเบลคก็เปลี่ยนท่าทางทันที ทั้งสองคนซักถามถึงวิธีทางการร่วมมือและแผนการพัฒนาของฉินสือโอวและบิลลี่ อีกทั้งยังถามถึงใจความสำคัญของการร่วมมือกันอยู่หลายคำถาม ทุกๆคำถามล้วนแต่จี้ไปที่จุดสำคัญ แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งของทั้งสองคนในทุกๆวันนี้ ได้มาจากการพึ่งพาความขยันและความสามารถของพวกเขาเอง
เมื่อซักถามเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้รับปากจะร่วมมือเลยทันที แต่ขอให้ฉินสือโอวส่งแผนการร่วมมือและโครงการพัฒนาไปยังอีเมลของพวกเขาทั้งสอง ทว่าพวกเขาก็รับปากในขั้นต้น ขอเพียงแค่เอกสารโครงการเป็นไปตามขั้นตอนที่ฉินสือโอวบอกมา พวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วยแน่นอน
ฉินสือโอวไม่สนใจว่าพวกเขาจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือขั้นตอนการกู้สมบัติ ขอเพียงพิสูจน์ได้ว่าสมบัติที่กู้ขึ้นมาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เรื่องการจัดการขายก็จะยิ่งง่ายในภายหลัง ซัทเทบีส์ คริสตีส์ เหิงเฟิง โพลี เมื่อถึงเวลาบริษัทจัดการประมูลพวกนี้ก็จะต่อแถวเข้ามาร่วมงานกับเขาเอง
“ฉันต้องขอพูดให้ชัดก่อนว่า ถ้าหากพวกนายยินดีที่จะร่วมงานกัน ส่วนแบ่งกว่าห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์จะเป็นของฉัน ส่วนที่เหลืออีกสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ค่อยให้พวกนายตกลงแบ่งกันเอง ถ้าพวกนายไม่ยอมรับข้อนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะร่วมงานกันไม่ได้แล้ว” ฉินสือโอวได้วางแผนการไว้แล้ว
เบลคพูดถึงจุดประสงค์สำคัญอย่างว่องไวและเฉียบแหลม “นายต้องทำตามที่นายรับปากไว้ให้ได้ ทุกๆปีจะต้องค้นพบสมบัติที่มีมูลค่ามากกว่าสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่อย่างนั้นนายต้องเป็นคนชดใช้มูลค่าความเสียหายของพวกเราในแต่ละปี”
“ตกลง” ฉินสือโอวรับปาก
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
…………………………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset