ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1630 ความผิดปกติของคราเคน

เบลคหยิบวัตถุโบราณที่เป็นชุดกาน้ำออกมาชุดหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาร่วมลงนามรับรอง วัตถุโบราณเหล่านี้จะถูกส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะนำไปบำรุงรักษา เริ่มจากการออกซิเดชัน ไปจนกว่าพวกมันจะสามารถแสดงความงามที่แท้จริงออกมาได้
บิลลี่พูดถูก ครั้งนี้พวกเขากอบกู้วัตถุโบราณมาได้จำนวนมาก บางทีวัตถุโบราณเหล่านี้อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องใช้ในวังที่ล้ำค่า หรือข้าวของเครื่องใช้ของคนมีชื่อเสียง แต่ว่าความงดงามของพวกมันนั้นถือว่างดงามเป็นประวัติการณ์ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อของพวกนี้เข้าตลาด วงการวัตถุโบราณจะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
หลังจากที่ทำการกู้เรืออยู่สองวัน ฉินสือโอวก็แยกตัวออกมาก่อน เบลคบินไปยังโทรอนโตด้วยเครื่องบินส่วนตัว เขาไม่ได้วนกลับไปที่มหานครเซนต์จอห์น เพื่อป้องกันปัญหาการจราจร จากนั้นเครื่องบินลำนั้นก็เต็มไปด้วยวัตถุโบราณอันมีค่ามากมาย เพราะแบบนี้ฉินสือโอวจึงต้องกลับด้วยตัวเอง
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ช่วงนี้อากาศที่นี่ค่อนข้างดี เขาถือโอกาสเอนกายลงบนเก้าอี้นวมยาวใต้ต้นไม้และท่องเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต
ในโลกอินเทอร์เน็ต เขาเป็นคนมีชื่อเสียงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้หู่จือและเป้าจือรวมถึงวินนี่ทำให้เขามีชื่อเสียง หลังจากภาพยนตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองแพร่ออกไป เขาก็ได้รับชื่อเสียงมากขึ้นจากตัวเขาเอง
ในกล่องจดหมายส่วนตัวในทวิตเตอร์และเวยป๋อของเขาเต็มไปด้วยข้อความทักทาย ฉินสือโอวเลือกเปิดอ่านแบบสุ่มขึ้นมาหนึ่งฉบับ ข้อความนั้นเป็นข้อความจากหัวหน้าชมรมฟิตเนสแห่งหนึ่งในแคนาดา เขาส่งมาถามฉินสือโอวว่าสนใจมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือไม่
โดยไม่ต้องสงสัย ฉินสือโอวไม่สนใจอยู่แล้ว เขาจัดการลบข้อความทันที ในขณะที่ดื่มเครื่องดื่มไปพลางๆ เขาก็ลบข้อความไร้สาระทั้งหลายออกไปด้วย
การก่อสร้างที่อยู่ห่างไกลออกไปเป็นไปอย่างครึกครื้น เสียงเครื่องยนต์ของรถยกและปั้นจั่นดังสนั่นไปทั่ว สวนดอกไม้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ในพื้นที่ก่อสร้างเริ่มมีหินประดับอยู่อย่างสวยงาม อันเดร์และวิลสั่งให้คนงานเปิดช่องทางน้ำเพื่อสร้างน้ำตกขนาดเล็ก
ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาวินนี่เพื่อถามว่าทำอะไรอยู่ วินนี่บอกว่าตอนนี้ในเมืองกำลังมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขท่อลำเลียงน้ำ ซึ่งเธอมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ตอนนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลาคุยกับเขา เธอบอกเขาว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไร ให้เขามาพาเถียนกวากลับบ้าน
เนื่องจากวินนี่ค่อนข้างยุ่ง เขาจึงมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบในการดูแลลูกสาว แต่เมื่อมาถึงที่ทำงานของวินนี่ มือซ้ายและมือขวาของเด็กน้อยก็กำลังเล่นกับสองพี่น้องเฟอเรทอย่างมีความสุข ฉินสือโอวพาเธอกลับ เธอสะบัดขาเล็กๆ ของเธอไปมาอย่างรุนแรง เป็นการปฏิเสธอย่างแน่วแน่
ฉินสือโอวทำอะไรไม่ถูก เขาเอื้อมมือไปบีบแก้มของลูกสาว เขาทำได้เพียงทิ้งเธอไว้ให้วินนี่ดูแลต่อ แล้วก็กลับไปที่ฟาร์มปลาตัวคนเดียว
เขายังนอนอยู่ใต้ต้นไม้และดื่มเครื่องดื่มต่อไป หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องอันโหยหวนของวาฬก็ดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงนั้นเขาก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปดู เขาคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับวาฬพวกนั้น แต่ว่าเมื่อปล่อยจิตสำนึกโพไซดอนไปดูเหตุการณ์รอบๆ เขาก็เห็นว่ามีวาฬอยู่รอบๆ เป็นจำนวนมาก แต่ว่าพวกมันมีชีวิตชีวาและชุกชุมเป็นอย่างมาก
พอเห็นแบบนี้เขาก็เข้าใจ คาดว่าที่พวกวาฬส่งเสียงร้องออกมาแบบนี้ เพราะว่ามันร้องออกมาด้วยความดีใจจากที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังร้องหาเพื่อนจากที่ไหนสักแห่งอยู่หรือเปล่า แม้ว่าการประมงที่นี่จะอุดมสมบูรณ์มีผลผลิตมากมาย แต่เขารู้สึกได้ว่าเขาไม่สามารถหยุดเจ้าพวกตัวโตพวกนี้ได้
วาฬตัวใหญ่ทั้งสองตัวว่ายน้ำสะบัดครีบคู่ไปกับลูกวาฬในฟาร์มปลา ด้านหลังพวกมันมีวาฬหลังค่อมตัวโตเต็มวัยว่ายตามมา วาฬตัวนี้น่าจะได้รับพลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก่อนหน้านี้ พอมันสัมผัสได้ถึงพลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงได้ตามมา
ฉินสือโอวควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้วนเวียนไปมารอบๆ วาฬตัวนั้นว่ายอยู่ข้างสายพลังอยู่ตลอด เพราะความใกล้ชิดของมันกับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นเกิดความผันผวนเล็กน้อย ท่าทางของมันราวกับลูกวาฬที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างน่ารัก
เพราะรู้สึกเบื่อ ฉินสือโอวจึงคิดแกล้งวาฬหลังค่อมที่ไร้เดียงสาตัวนี้ เจ้านี่ถูกเรียกว่าภูเขาของพระเจ้าแห่งท้องทะเล น่าเสียดายที่พวกมันมักจะว่ายไปตามกระแสน้ำตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป พวกมันไม่อยู่ที่ฟาร์มปลานี้นานแน่นอน ไม่อย่างนั้นฉินสือโอวคงจะฝึกวาฬหลังค่อมตัวนี้ให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของฟาร์มปลาไปแล้ว
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสำรวจไปรอบๆ วาฬหลังค่อมก็ไล่ตามสายพลังไปอย่างร่าเริง ไม่นานลูกวาฬหัวคันศรก็เข้ามาร่วมว่ายน้ำกับมัน วาฬหลังค่อมแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา มันใช้ปากอันใหญ่ของมันชนเข้ากับหัวของลูกวาฬหัวคันศร โดนมันทำแบบนั้นซ้ำๆ
แต่ว่าวาฬหลังค่อมคงจะไม่เข้าใจว่า วาฬหัวคันศรนั้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อลูกวาฬถูกรังแกมันก็ร้องออกมาด้วยเสียงอันน่าสงสาร จากนั้นร่างใหญ่ของวาฬหัวคันศรก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบๆ วาฬตัวใหญ่ทั้งหกตัวโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำ สายตาของพวกมันจ้องมองไปยังวาฬหลังค่อมที่ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ
ก่อนหน้านี้วาฬหลังค่อมแกล้งลูกวาฬหัวคันศรอย่างสบายใจ แต่ตอนนี้มันต้องชดใช้ วาฬหัวคันศรโผล่ขึ้นมาล้อมรอบมันไว้ หลังจากนั้นพวกมันก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้วาฬหลังค่อม
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี วาฬหลังค่อมก็ดำลงไปในน้ำเพื่อหนี แต่เหล่าวาฬหัวคันศรได้ล้อมซุ่มโจมตีอยู่ก่อนแล้ว จะให้ไอ้โง่ที่มาแกล้งลูกของพวกมันหนีไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร?
ความชุลมุนระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเอง เจ้าสามเกลอก็โผล่เข้ามา
ไอซ์สเกตก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพวกมันหนีไปที่ไหนมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนพวกมันก็มาที่นี่ทันที หลังจากที่พวกมันปรากฏที่ข้างสายพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันทั้งสามก็มองไปยังวาฬหลังค่อมและวาฬหัวคันศรที่กำลังมะรุมมะตุ้มกันอย่างประหลาดใจ พวกมันมองหน้ากัน ไอซ์สเกตอ้าปากแยกเขี้ยวออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีทันที
แม้ว่าจะได้รับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะทำให้ไอคิวของเจ้าสามเกลอนั้นดีขึ้น แต่พวกมันก็เป็นสัตว์ทะเลที่รักอิสระและไร้จิตสำนึก บางเรื่องพวกมันก็ไม่สามารถคิดได้ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเหล่าสัตว์ในทะเลดูอยากจะมีอำนาจผูกขาดในพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้าหากว่ามีพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่เพียงสายพลังเดียว อย่างนั้นเจ้าสามเกลอคงจะไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามาใกล้แน่นอน
แม้ว่า ในตอนแรกเป็นบีนมาถึงก่อน เพราะว่าไอซ์สเกตและสโนว์บอลต้องการที่จะเข้าใกล้จิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันทั้งสามจึงต่อสู้กัน
เมื่อเห็นว่าเจ้าสามเกลอจะลงมือกับพวกวาฬที่มีขนาดใหญ่มากกว่าตัวเอง ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะไล่พวกวาฬไป และปลอบขวัญเจ้าสามเกลอ แล้วให้พวกมันไปเล่นยังแถวแนวปะการัง เขาไม่อยากให้ทั้งวันพวกมันเอาแต่คิดจะต่อสู้
เมื่อจัดการปัญหาของสามเกลอแล้ว ฉินสือโอวก็คิดได้ว่านานแล้วที่ไม่ได้ดูแลเหล่าสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เขาเริ่มจากกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีช่วยเขาจับปลิงทะเลก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ให้พลังโพไซดอนแก่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี งูเหลือมทะเล และเฮยป้าหวังจำนวนหนึ่ง
ตัวสุดท้ายที่เขาต้องดูแลคือคราเคน ในตอนที่ฉินสือโอวมาหามัน ปรากฏว่ามันปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ กับถ้ำของแมลงยักษ์สีดำ
เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็ทำอะไรไม่ถูก สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์ที่มีไอคิวต่ำ ที่สามเกลอชอบสร้างปัญหาอาจจะเป็นเพราะความเป็นเด็กของพวกมัน คราเคนตัวนี้เป็นเจ้าของถ้ำที่แมลงยักษ์สีดำอาศัยอยู่ แบบนี้มันอยากจะกลับมายังที่เก่าหรือเปล่า?
ตั้งแต่การค้นพบแมลงยักษ์สีดำอย่างลึกลับ ฉินสือโอวก็ให้ความสนใจกับการเจริญเติบโตของแมลงยักษ์สีดำมาโดยตลอด นอกจากนี้เขายังให้พลังแก่มันมากเป็นพิเศษ บางทีเขาก็นำปลาขนาดใหญ่มาให้อาหารแมลงยักษ์สีดำตัวนี้
แมลงยักษ์สีดำเป็นสัตว์ที่น่าประหลาด เพราะว่าพวกมันอาศัยอยู่ที่ก้นมหาสมุทรเป็นเวลานานจึงไม่มีศัตรูทางธรรมชาติ แต่มันกลับมีกระดองขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถทำลายได้ เพราะว่าร่างของพวกมันสามารถลดการเผาผลาญพลังงานได้เนื่องจากในร่างกายมีโปรตีนชนิดพิเศษ ดังนั้นพวกมันก็สามารถอยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องการอาหารมากมาย แต่พวกมันกลับมีความสามารถในการล่าที่น่ากลัว หากมองตามธรรมชาติแล้ว เรื่องย้อนแย้งพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด
ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการให้คราเคนทำร้ายแมลงยักษ์สีดำพวกนั้น เขาจึงส่งพลังออกไปเพื่อให้มันออกมาจากถ้ำ
หลังจากที่ได้รับคำสั่งของฉินสือโอว คราเคนไม่ได้ทำตามคำสั่งของเขาทันที แต่มันกลับว่ายไปมารอบๆ อย่างรวดเร็ว มันสะบัดและม้วนหนวดไปมาและทุบลงที่ก้นทะเลอย่างบ้าคลั่งและหมดความอดทน ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาอย่างรุนแรง!
………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset