ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1690 การรับรู้ระดับสูง

ฉินสือโอวเดินเข้ามาโอบเอวบางของเธอและพูดว่า “คุณคิดว่า เถียนกวาของพวกเรา จะสามารถสอบเข้าโรงเรียนเก่าของคุณได้ไหม?”
วินนี่หัวเราะขึ้นมา และตอบว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน เธอเป็นเด็กที่เก่งมาก แม้ว่าจะไม่ได้เข้าวิทยาลัยสตรี ก็สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้”
ทั้งสองคนคุยกันและมองยัยตัวเล็กที่นั่งอยู่บนพื้น เธอกำลังต่อสู้กับหมีโลลิ พวกหู่เป้าฉงหลัวกับแมวป่าก็มองดูด้วยความสนุกสนานอยู่ข้างๆ หมีโลลิหนัก 100 กว่ากรัมแล้ว แต่ยัยตัวเล็กต่อยและเตะไม่ได้ด้อยกว่าเลย
ฉินสือโอวรู้สึกว่าวินนี่พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก จึงพูดอย่างลังเล “ผมจะรู้สึกอย่างไร ถ้าลูกสาวของเราไม่ได้เก่งอย่างนั้น?”
วินนี่ได้ยินคำพูดนี้ก็กังวล และพูดว่า “ที่รัก คุณหมายความว่าอะไร? คุณต้องส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกสาว…”
ท่านชายฉินขัดจังหวะการพูดของเธอ และอธิบายว่า “ผมรู้ ลูกสาวของเราเก่งมากแน่นอน แต่ความเก่งของเธออาจจะไม่ใช่เรียน คุณดูเธอสู้สิ ถ้าเทียบกับเรื่องนี้ผมรู้สึกว่าลูกสาวของเราต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน!”
วินนี่ลังเลนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดว่า “ถ้าคุณพูดว่าเรียน งั้นคุณคาดว่า เธอจะสอบไม่ติดโรงเรียนเก่าของฉันเหรอ? ที่นั่นรับสมัครนักเรียนน้อยมากทุกปี แต่ตอนนั้นฉันขยันเป็นพิเศษรวมกับความสวย ให้ตายเถอะ สีหน้าของคุณหมายความว่าอะไร? คุณคิดว่าฉันสิ่งที่ฉันพูดไม่ถูกต้องตรงไหน?”
ฉินสือโอวตอบว่า “คุณเพิ่งจะบอกผมว่า ต้องส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกสาว!”
วินนี่พูดอย่างรู้สึกผิด “แต่พวกเราก็ไม่สามารถลืมตาพูดโกหกได้เหมือนกัน”
ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันไปมา และสุดท้ายก็มีความคิดเดียวกันคือ 3 ขวบแต่ดูแก่ ถึงแม้ว่าเถียนกวาจะอายุไม่ถึง 2 ขวบ แต่เธอก็พัฒนาเร็วมาก พวกเขาแทบจะมองเห็นอนาคตได้เลย ยัยตัวเล็กคนนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ไร้กังวลในอนาคตอย่างแน่นอน
ดังนั้นฉินสือโอวจึงพูดเป้าหมายของเขาออกมา “ครั้งนี้พวกเราอย่าปล่อยไปก่อนเลย ติดต่อมหาวิทยาลัยของพวกคุณว่า พวกเราจะบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัย และจะบริจาคให้ทุกปีหลังจากนี้ แบบนี้อย่างน้อยเถียนกวาก็เข้าเรียนที่วิทยาสตรีได้แล้ว”
ประโยชน์อีกข้อหนึ่งของการบริจาคเงินคือการเลี่ยงภาษี อัตราภาษีที่แคนาดาใช้กับรายได้ส่วนบุคคลทั้งหมดคืออัตราภาษีก้าวหน้า พูดง่ายๆ ก็คือรายได้ยิ่งสูง อัตราภาษีที่สอดคล้องกันก็ยิ่งสูง
อัตราภาษีที่กลุ่มคนรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกาเผชิญอยู่คือ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่แคนาดาสูงกว่านี้อีก นอกจากพวกเขาจะจัดเก็บภาษีรายได้ส่วนบุคคลของรัฐบาลกลางแล้ว ยังจัดเก็บภาษีรายได้ส่วนบุคคลของรัฐและเขตด้วย ซึ่งแต่ละส่วนนี้เอาเปรียบมาก ฉินสือโอวรู้สึกว่าพรรคของเขาก็ไม่ได้โทรมาก่อนหน้านี้เหมือนกัน ถ้าโทรมา ผู้นำแคนาดาพวกนี้คงหนีไม่พ้นแล้ว ทุกคนต่างก็สวมหมวกของนายทุนที่สูบเลือดและส่งกลิ่นเหม็น
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ฉินสือโอวต้องจ่ายทุกปีเกือบจะถึง 45 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ของเขา นี่คือกรณีที่ไม่เลี่ยงภาษี เขามีวิธีเลี่ยงภาษีค่อนข้างน้อย แบบนี้ถึงแม้ว่าสำนักงานบัญชีดีลอยท์จะพยายามช่วยเขาเลี่ยงภาษี สุดท้ายก็ยังต้องเสียภาษีมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นทำไมเขาไม่บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยหลังจากนั้นก็นำมาเลี่ยงภาษีเสียล่ะ?
ตามกฎของแคนาดา การบริจาคเงินให้โรงเรียนและการกุศล สามารถแลกเปลี่ยนกับอัตราภาษีที่ค่อนข้างต่ำได้ เงินส่วนนี้ที่บริจาคออกไปจะนับว่าไม่อยู่ในรายได้ที่ต้องเสียภาษี และอัตราภาษีที่สอดคล้องกับรายได้ที่ต้องเสียที่เหลืออยู่หลังจากบริจาคอาจจะต่ำกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก
และถ้าเป็นการบริจาคเงินจำนวนมาก นั่นสามารถลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาบริจาคเงิน 10 ล้าน นั่นสามารถลดหย่อนภาษีได้ถึง 7 ล้าน! นี่หมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าขอเพียงแค่ใช้จ่ายมากกว่า 3 ล้านทุกปี ก็สามารถได้รับความโปรดปรานจากผู้ใหญ่ 10 ล้านคนได้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาต้องบริจาคเงินให้กับโรงเรียนเก่าของวินนี่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ลูกสาวต้องใช้จะทำอย่างไร?
เขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย เพราะ 2 สาเหตุหลักๆ สาเหตุหนึ่งคือการบริจาคเงินเสียเยอะกว่าภาษี ถ้าไม่มีการบริจาคเงินเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำ เงินที่เก็บไว้ก็คือเงินเหมือนกัน อีกสาเหตุคือ เขาเป็นผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงพวกนี้อาจจะไม่รับเงินบริจาคของเขา
มหาวิทยาลัยที่แคนาดาไม่ใช่ขอทาน ไม่ใช่ใครบริจาคเงินให้พวกเขาก็รับ ที่พวกเขาจะรับเป็นพิเศษก็คือเงินบริจาคจากศิษย์เก่า เพราะมหาวิทยาลัยพวกนี้ฉลาดมาก พวกเขารู้ว่าไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลก ในเมื่อมีคนต้องการบริจาคเงินให้พวกเขา ก็ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน
ส่วนเงินบริจาคจำนวนมากจากคนที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาไม่เคยรับ หากถูกมองว่าเป็นการฟอกเงินคงจะโชคไม่ดี
หลังจากฟังการวิเคราะห์ของเขา วินนี่ก็พยักหน้า พูดง่ายๆ เธอติดต่อโรงเรียนก็พอแล้ว
ฉินสือโอวส่งเรื่องนี้ให้เธอ หลังจากนั้นประมาณ 10 กว่านาทีต่อมา วินนี่ดึงเขาและพูดว่า “เรียบร้อยแล้ว”
ท่านชายฉินตกตะลึง “เร็วอย่างนี้เลย? ให้ตายสิ มหาวิทยาลัยของพวกคุณขาดแคลนเงินจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า? พวกเขาไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินคุณหน่อยเหรอ?”
เรื่องนี้ไม่ต้องแปลกใจ ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเยล แอนเดอร์สัน คูเปอร์พิธีกรชื่อดังของเคเบิล นิวส์ เน็ตเวิร์กสหรัฐอเมริกาเคยกลับไปกล่าวสุนทรพจน์ที่โรงเรียนเก่าครั้งหนึ่ง คำพูดที่เขาพูดกึ่งติดตลกว่า “พวกคุณยังรู้จักสมาคมศิษย์เก่าของเยลไม่มากพอ ผมจะเตือนด้วยความเป็นมิตร ตลอดชีวิตของคุณหลังจากนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน ใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน คุณจะถูกพวกเขาตามเจอเสมอ และได้รับการแจ้งเตือนเสมอ ถ้าบิน ลาเดนจบการศึกษาจากเยลเหมือนกัน พวกเขาสามารถตรวจสอบได้อย่างแน่นอนว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำไหน”
คำพูดของแอนเดอร์สันเกินจริงนิดหน่อย แต่ก็สะท้อนให้เห็นความจริงเหมือนกัน ทุกโรงเรียนให้ความสำคัญกับการบริจาคเงินของศิษย์เก่ามาก
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชนที่ไม่ได้พึ่งพาอาศัยการสนับสนุนทางการเงิน ศิษย์เก่าบริจาคเงินให้ก็ถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ และสำคัญมากต่อการรักษาความสามารถทางวิชาการ ระดับการค้นคว้า กำลังครูและขอบเขตทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย เพราะเหตุนี้ ศิษย์เก่าจึงให้ความสำคัญกับงานที่ได้รับผลตอบแทนสูง หน้าที่หลักก็คือการรับรองว่าศิษย์เก่าจะบริจาคเงินได้อย่างมั่นคงและเพียงพอ
วินนี่ยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู ซึ่งปรากฏว่าเธอติดต่อเจ้าหน้าที่สมาคมศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยตัวเองทางทวิตเตอร์ เธอบอกไปตรงๆ ว่าเธอวางแผนจะบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้มหาวิทยาลัย ทันใดนั้นก็มีคนติดต่อเธอมาและถามว่าเท่าไหร่
“เท่าไหร่?” วินนี่ถาม
ฉินสือโอวตอบว่า “10 ล้านแล้วกัน”
วินนี่มองเขาอย่างตกตะลึง เขาจึงลังเลนิดหน่อย และพูดว่า “งั้นก็ 15 ล้าน? หลังจากนี้ก็บริจาคทุกปีไม่ดีกว่าเหรอ? ไม่จำเป็นต้องบริจาคครั้งเดียวเยอะขนาดนี้หรอกมั้ง?”
วินนี่ดึงโทรศัพท์กลับ และกดตัวเลข 5 ล้านลงไปด้านบน หลังจากนั้นก็พูดว่า “ที่เหลืออีก 10 ล้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อีกส่วนหนึ่งบริจาคให้ศูนย์วิจัยโรคที่สำคัญ”
ฉินสือโอวเบะปาก การรับรู้ของเธอต่ำนิดหน่อย การบริจาคเงินครั้งนี้เป็นการปูทางให้ลูกสาว ไม่ได้อยากทำการกุศลจริงๆ พูดตามตรงเขาซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เล็กๆ แห่งนั้นอย่างเกาะแฟร์เวลทุกวัน ความคิดกับการรับรู้จะพัฒนาขึ้นบ้างก็ไม่น่าแปลก
แต่วินนี่เป็นคนที่ใจอยากทำการกุศลจริงๆ เรื่องนี้เธอจึงเคารพความปรารถนาของสามีตัวเอง ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวไม่ทำเธอก็ไม่ทำ ในเมื่อครั้งนี้ฉินสือโอวจะทำ เธอก็ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน
หลังจากตัวเลข 5 ล้านที่วินนี่ป้อนเข้าไป โทรศัพท์ทางนี้ก็ดังขึ้น แม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืน แต่สายเรียกเข้าก็ยังมาเร็วมาก ฉินสือโอวได้ยินคนฝั่งนั้นถามอย่างกระตือรือร้น “วินนี่ เซโรวา ที่เรียนชั้นเดียวกันใช่ไหม? ตอนนี้พักอยู่ที่ไหน? ฉันคิดว่ามีบางเรื่องที่เราต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
เรื่องนี้เขาส่งให้วินนี่จัดการแล้ว ฉินสือโอววางแผนและเตรียมกิจกรรมการกุศลกิจกรรมอื่นต่อ ในเมื่อต้องบริจาคเงิน งั้นเงินก้อนนี้ก็ต้องนำไปใช้จริงๆ เขาก่อตั้งมูลนิธิในชื่อของลูกสาวดีกว่า ไม่เพียงแค่บริจาคเงินให้แคนาดาเท่านั้น ยังต้องบริจาคเงินให้โครงการที่เป็นประโยชน์บางโครงการภายในประเทศอีกด้วย
………………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset