ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 245 นักสู้สุดสัปดาห์

บทที่ 245 นักสู้สุดสัปดาห์
โดย
Ink Stone_Fantasy

วิสเติลจอดรถกระบะของเขาบนหาดฮาร์ฟมูน ฉินสือโอวช่วยเขาขนเอาอุปกรณ์อย่างพวกลำโพง เครื่องเล่นแผ่นเสียงลงมา เขาลองเทสเสียงลำโพงดูสักหน่อย พอไม่มีปัญหาก็เปิดเพลงน็อกเทิร์นของโชแปง
เสียงดนตรีช้าดังขึ้น ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ อย่างแปลกใจ “ฉันนึกว่านายจะเปิดเพลงยุคน้ำแข็ง เสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพลงของโชแปง”
วิสเติลยิ้มยิงฟันแล้วพูดขึ้น “ไม่ๆ กัปตันโชคช่วย ตอนนี้ใครไม่ฟังยุคน้ำแข็งบ้าง? นั่นมันของตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว ตอนนี้จะฟังเพลงดีเจก็ต้องฟังเพลงไอนี้ดอะด็อกเทอร์สิ”
เขายักไหล่แล้วเอ่ยขึ้นอีก “เพียงแต่ ฉันรู้สึกว่าตอนนี้วินาทีนี้เพลงของโชแปงจะเหมาะกว่า”
ลมทะเลโชยแผ่ว กิ่งก้านของต้นซีดาร์โอนเอน คลื่นบนหาดซัดเป็นระลอกราวกับมีดวงจันทร์ดวงน้อยนับไม่ถ้วนร่วงตกลงมาแล้วซัดกระทบฝั่งเรื่อยๆ
ฟังน็อกเทิร์นไปฉินสือโอวก็รู้สึกว่าผ่อนคลายทั้งตัวและใจ
หลังจากนั้นก็มีคนพากันมาถึง พวกเขาเอาพวกอาหารและเครื่องดื่มติดมือกันมาคนละนิดละหน่อย
มีอาหารหลากหลายอย่างเช่น หมู เนื้อ แกะ ปลา กุ้ง จานสารพัน ลูกอมผลไม้ ไข่ผัด ซี่โครงหมูผัด โรตีเนื้อ กุ้งทอด ปลาทอดพริกเผ็ด ผักรวมทรงเครื่อง เนื้อสไลซ์ทอด ปลาสไลซ์ทอด ซุปมู่ซี ซุปมะเขือเทศ
ส่วนเครื่องดื่ม หลักๆ ก็มีเบียร์กับรัม นอกนั้นยังมีพวกนม น้ำผลไม้ ทุกคนล้วนเอามาสมทบส่วนหนึ่งทำให้บรรยากาศยิ่งสนุกเข้มข้น
แน่นอนว่าคนที่เอาอาหารและเหล้ามาเยอะที่สุดก็คือสามีภรรยาชาลส์ พวกเขาซื้อของจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดกับร้านอาหารอื่นมามากมาย
คนหาปลาเฒ่าคนหนึ่งยกจานอาหารมาแล้วพูดกับฉินสือโอว “กัปตันโชคช่วย ชิมคุกกี้เนยที่ฉันอบมาดูสิ ฉันว่ารสชาติไม่เลว ลองชิมดู”
ฉินสือโอวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม เขาหยิบกำหนึ่งขึ้นมากินพลางพยักหน้า “ใช่เลยครับคุณลุง ลุงเป็นพ่อครัวฝีมือเยี่ยมในห้องครัวจริงๆ คุกกี้นี่รสชาติดีมากๆ ”
ได้คำชมจากฉินสือโอว ลุงคนหาปลาก็ฉีกยิ้มกว้าง เขาพูดอย่างภูมิใจ “คุกกี้ที่ลุงอบอร่อยที่สุดในกลอสเตอร์เชียวนะ ถ้าวันไหนในทะเลไม่มีปลาแล้ว ลุงจะไปเปิดร้านขนม”
ชาลส์พูดเสียงดังขึ้น “คุณไม่ทำงั้นหรอกตาแก่เคนต์ เพราะขายคุกกี้ทั้งปีก็ไม่ได้เงินเท่าทูน่าครีบน้ำเงินหนึ่งตัว เหมือนทูน่าครีบน้ำเงินที่จับได้วันนี้ แน่นอนว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงทูน่าครีบน้ำเงินใหญ่ยักษ์ของฉิน!”
ฉินสือโอวหยิบแอปเปิลมาขว้างไปให้เขาแล้วพูดยิ้มๆ “ไม่ ชาลส์ นายก็พูดเกินไป”
คราวนี้ไม่ต้องรอให้ชาลส์พูด ตาแก่เคนต์ก็ยอมรับ “เขาไม่ได้พูดเกินจริง ฉิน ควรเรียกนายแบบนี้ใช่ไหม? ใช่ ฉิน ปลาที่นายจับได้วันนี้จะต้องทำลายสถิติแน่ๆ ฉันไม่ได้เจอปลาพันปอนด์มาสิบปีแล้ว!”
ข้างๆ มีคนอุทานออกมา “ใช่ นึกไม่ถึงเลยว่าแถวนี้จะมีปลาตัวโตแบบนี้ด้วย เป็นข่าวดีจริงๆ! ฉันจำได้ว่าแต่ก่อนปลาทูน่าในชายหาดน้ำตื้นจอร์จเยอะมากเลย เคยมีคนจับได้ตัวใหญ่ขนาดไหนนะ? 1400 ปอนด์?”
ชาลส์พูดยิ้มๆ “ตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่เลย ลุงสโตว์เป็นคนจับได้ใช่ไหม? เป็นสถิติโลก ตอนนั้นเรื่องนี้ออกข่าวไปทั่วเลย”
ฉินสือโอวยักคิ้วอย่างประหลาดใจ ทูน่าครีบน้ำเงิน 1400 ปอนด์น่ะยักษ์ใหญ่มาก ตอนนี้ต่อให้มีหัวใจโพไซดอน แต่ใหญ่สุดที่เคยเจอก็คือปลาประมาณพันปอนด์เท่านั้น
“ลุงสโตว์ละ?” ฉินสือโอวถาม “ถ้าโชคดีได้รู้จักเขาจะต้องน่าดีใจมากแน่”
“ไม่ ไม่แน่ๆ เพราะเขา เอ่อ เขาไปหาพระเจ้าแล้ว” ตาแก่เคนต์พูดอย่างเศร้าสร้อย “ปีที่สองหลังจากที่จับเจ้าอ้วน มันก็คือปลาตัวที่ได้ฉายาปลาตัวใหญ่สถิติโลกของเขา มีครั้งหนึ่งที่เขาออกทะเลแล้วเจอพายุเลยเรือคว่ำจมน้ำตาย”
พูดถึงเรื่องแบบนี้ คนก็มักจะหงอยลงเป็นธรรมดา วิสเติลเป็นคนมีชีวิตชีวา เขาดึงเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาแล้วเริ่มถูแผ่นเพลงอย่างชำนาญ เพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้น “ฉันจะเป็นบ้าแล้ว เธอจากไปนานเหลือเกิน ฉันไม่มีเวลาแล้ว ฉันต้องการหมอ…”
วิสเติลโบกสะบัดมือขวาตะโกนเสียงแปลกๆ ออกมาไปตามเสียงดนตรีเร้าใจ “เพื่อนๆ กระโดด กระโดดเลย!”
ฉินสือโอวโยกร่างกายไปตามเสียงเพลง เขายังหิวนิดหน่อยด้วย เลยวิ่งไปที่ข้างเตาปิ้งอันหนึ่งแล้วเอาปลาหมึกเสียบไม้ก่อนจะย่างกิน
ชาลส์ส่งขวดซอสขวดหนึ่งให้เขาแล้วพูดขึ้น “นี่คือของดีสูตรลับของบ้านเซรีน่า ทาบนปลาหมึกนี่อร่อยจนกินลิ้นตัวเองได้เลย! แต่ว่าฉันก็แนะนำนายว่าอย่าหยุด ถ้านายหยุดก็จะแย่เลย”
พูดจบ เขาก็ถือขวดเหล้าโยกตัวไปบนหาดทราย
ตอนแรกฉินสือโอวยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นเขาหยุดปิ้งบาร์บีคิว คนกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้ามาอย่างไม่มีพิธีรีตรอง พวกเขาถามถึงยี่ห้อเหยื่อ ตะขอ เอ็น เบ็ดที่เขาใช้ตกปลาในทันที
ไม่ต้องสงสัยว่าเหล่าชาวประมงกำลังหาเส้นทางสู่ความสำเร็จของเขา
ฉินสือโอวตอบพลางยัดปลาหมึกย่างสุกเข้าปากไปด้วยแล้วก็หยิบขวดเบียร์วิ่งไปปาร์ตี้ต่อ เจอกับคำถามของชาวประมงจนเหนื่อย ไม่ใช่ว่าการคิดคำโกหกมันลำบาก แต่เพราะชาวประมงเป็นกลุ่มๆ ทยอยมาหาเขาแล้วถามคำถามที่เหมือนกัน…..
ปาร์ตี้ชายหาดดำเนินไปสองชั่วโมงครึ่งก็จบลง หลังจากนั้นเมฆครึ้มก็ปกคลุมบดบังดวงจันทร์ส่องสว่าง นอกจากนั้นลมทะเลก็เริ่มแรงขึ้น อุณหภูมิก็ลดลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสภาพอากาศริมทะเลกำลังเปลี่ยน
พวกชาวประมงที่มีประสบการณ์รีบเก็บของพวกเตาย่าง ชั้นวางอาหารทันที และเก็บพวกขวดเหล้า กระดาษห่อกับเปลือกผลไม้ กระดูกบนหาดอย่างใส่ใจจนสะอาดถึงไปจากหาดทราย
ตอนเที่ยงคืน พายุก็โหมกระหน่ำเข้ามา
ลมทะเลเปลี่ยนจากการโชยแผ่วเหมือนไม่กี่วันก่อนเป็นกระหน่ำพัดจากทะเลเข้าฝั่งอย่างรุนแรงราวกับกระทิงคลั่ง ฝนกระหน่ำเทลงมาที่เรือยอชต์ส่งเสียง ‘เปาะแปะ’ เรือยอชต์โอนเอนไปตามแรงคลื่นพายุจนดูน่ากลัว!
ฉินสือโอวอยู่ค้างคืนบนเรือเพื่ออยู่ดูแลบุช และสิ่งที่เกิดขึ้นก็พิสูจน์ว่าเขาเลือกได้ถูกต้อง บุชตกใจขวัญเสียไปกับเสียงดังกัมปนาทราววันสิ้นโลก ดูจากท่าของมันแล้วเพิ่งเกิดได้ไม่ถึงครึ่งเดือน คงยังไม่เคยเจอภาพน่ากลัวแบบนี้
“กาๆ! กาๆ!” บุชกะพริบตาพลางร้องเสียงหลงอย่างอกสั่นขวัญแขวน มันวิ่งวนส่ายหางไปมาในท้องเรือราวกับเป็ด ฉินสือโอวเอานิมิตส์ที่กระโดดอยู่บนราวเกาะของนกลงมาไว้บนพื้น
พอเห็นนิมิตส์ บุชก็เหมือนเจอผู้คุ้มครอง ร้อง ‘กาๆ’ พลางเข้าไปซุก หัวเล็กเลือกปีกของนิมิตส์ได้แล้วก็มุดเข้าไปอย่างชำนาญ
นิมิตส์ร้องออกมาอย่างจนใจ ได้แต่ขดตัวพาบุชนอนหลับไปด้วยกัน
พายุลูกนี้พัดอยู่หนึ่งวันสองคืน จนฟ้าสางวันที่สามถึงหยุดลง กรมอุตุนิยมวิทยาของรัฐแมสซาชูเซตส์ประกาศเตือนพายุ แต่เหล่าชาวประมงรอจนพายุสงบก็ขับเรือหาปลาพุ่งออกจากท่าไป
หลังพายุสงบบนผิวน้ำจะมีแพลงก์ตอนมากมาย สำหรับปลาแล้วนี่คือช่วงที่อาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุด ถ้าไปตกปลาตอนนี้จะมีโอกาสตกปลาตัวใหญ่ได้มากขึ้น
ส่วนคำเตือนพายุน่ะเหรอ? ใครสนละ อย่างไรเสียพึ่งทะเลในการทำมาหากินก็เหมือนเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว
ลมทะเลไม่แรงมาก ฉินสือโอวก็ขับเรือออกไปเหมือนกัน เขามาถึงชายหาดน้ำตื้นจอร์จในตอนเช้า โห ทำไมเรือเยอะแบบนี้?
สองวันก่อนทะเลหลายร้อยตารางกิโลเมตรมีเรือแค่ประมาณสิบลำเท่านั้น แต่ตอนนี้แค่ส่วนที่ตาเขามองเห็นก็ปาเข้าไปสิบกว่าลำแล้ว
ฉินสือโอวเกาหัวอย่างสับสน ชาร์คอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง “พวกนี้มีแต่นักสู้วันสุดสัปดาห์ทั้งนั้น วันนี้กับพรุ่งนี้สองวันน่ะดุเดือดที่สุดเลยละ”
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset