บทที่ 84 กลับไปที่ทะเลสาบเฉินเป่าอีกครั้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวซื้อผลไม้ที่ร้านสะดวกซื้อฮิวจ์ ฮิวจ์บอกกับเขาว่าผลไม้พวกนี้มาจากธรรมชาติล้วนๆ แบล็คเบอร์รีกับบลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่คนในเมืองเก็บมาแล้วขายให้เขา ไม่ใช่ผลผลิตทางเกษตรกรรม
เกาะแฟร์เวลอยู่ในทางใต้ของแคนาดา สภาพอากาศค่อนข้างอุ่น น่าแปลกมากที่มีเบอร์รีออกทั้งปี
โดยเฉพาะพอถึงฤดูร้อนและใบไม่ร่วง ข้างทางก็จะมีพวกแบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รีให้เก็บ แล้วชาวเมืองก็ไม่กินด้วย เพราะรถผ่านไปมาพวกเขาเลยหยิ่งหาว่าเบอร์รีข้างทางไม่สะอาด
พอซื้อของเสร็จ ฉินสือโอวก็อยู่ในเมืองต่ออีกหน่อย นั่งจิบกาแฟและคุยเล่นกับฮิวจ์ไปด้วยในร้านสะดวกซื้อ
การย้ายออกของโรงงานเคมีทำให้ชาวเมืองมีความสุขกว่าแต่ก่อน ฉินสือโอวสังเกตเห็นใบหน้าของทุกคนที่ล้วนมีแต่รอยยิ้ม
“ฉิน ฉันขอบคุณนายจริงๆที่นำความหวังมาให้ทุกคน” ฮิวจ์พูดพลางมองฉินสือโอวอย่างจริงใจ
พอโดนฮิวจ์พูดแบบนั้นในใจก็เกร็งขึ้นมาอีกจึงพูดขึ้น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน โรงงานเคมีสองโรงนั้นทำตัวเองต่างหาก”
ฮิวจ์เติมกาแฟให้เขาจนเต็มแก้วแล้วเอ่ยปาก “ใช่ แต่ต่อให้ไม่มีโรงงานเคมี เราก็ไม่มีปลาแล้ว คือพื้นประมงของนายที่เอาลูกปลาเข้ามาตั้งเยอะแล้วยังเลี้ยงปล่อยด้วย ต่อไปก็จะมีลูกปลาว่ายมาในพื้นที่ทะเลสาธารณะ เราก็มีปลาให้จับแล้ว”
ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฉินสือโอวชูแก้วกาแฟขึ้นพลางพูดว่า “นี่ก็สิ่งที่ฉันควรทำ เงินที่ใช้ก็เป็นเงินที่ปู่เอาไว้ให้ ฉะนั้นเราควรขอบคุณปู่ฉัน”
“คุณฉินเป็นคนดี” ภรรยาของฮิวจ์พูดขึ้น “ฉันยังจำได้ว่าตอนฉันกับฮิวจ์แต่งงานกันก็ยืมเรือสำราญของเขาไปล่องทะเล เสียดายที่เรือลำนั้นโดนรัฐบาลลากไปแล้ว”
ฉินสือโอวอยากถามเรื่องปู่ฉินหงเต๋อเสียหน่อย คนผิวเหลืองคนหนึ่งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่แคนาดาเมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน สร้างพื้นที่ประมงที่ใหญ่ขนาดนี้มาได้ด้วยมือเปล่า พูดได้เลยว่าเป็นการฉีกกฎมากๆ
ถ้าจะบอกว่าฉินหงเต๋อไม่ได้ความช่วยเหลืออย่างหัวใจโพไซดอนละก็ ไม่มีทางเด็ดขาด
หัวใจโพไซดอนนี้ฉินสือโอวได้มันมาเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นก็แค่ได้ยินมาว่าปู่ที่เขาไม่เคยเจอหน้าเอาไว้ให้เขา ไม่ได้มีอย่างอื่น และฉินหงเต๋อก็เสียชีวิตเมื่อสิบปีก่อนพอดี ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็แปลกแล้วละ
เขาไม่เข้าใจว่าหัวใจโพไซดอนนี้ ทำไมถึงให้เขา? หรือเพราะเขาคือทายาทคนเดียวของครอบครัวฉิน? ทำไมไม่ให้พ่อหรือพี่สาว? แล้วพอให้หัวใจโพไซดอนกับเขา ทำไมไม่ให้เขามาสืบทอดพื้นที่ประมงตอนนั้นเลย?
ที่จริงตั้งแต่ที่เออร์บักเปิดพินัยกรรมต่อหน้าเขา ในใจเขาก็มีแต่คำถาม
น่าเสียดายที่ฮิวจ์และคนอื่นๆไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับปู่มากเท่าไร ฉินสือโอวรู้มาแค่พวกกิจวัตรประจำวัน อาหารที่ชอบกิน ฮิวจ์บอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องส่วนตัวก็ต้องไปถามเออร์บัก ปู่เขาเป็นคนช่วยเรื่องเงินเออร์บัก ตอนที่เขาเรียน ทั้งค่าเทอมและค่ากินอยู่ก็ล้วนมาจากฉินหงเต๋อทั้งนั้น
อยู่ที่นั่นมาพักหนึ่งฉินสือโอวก็นั่งรถกลับบ้าน เห็นชาร์คกับซีมอนสเตอร์กำลังเก็บอุปกรณ์ยิงปลาขึ้นรถ มีทั้งคันศรกับธนูและปืนยิงปลา เขาเอ่ยถามขึ้น “พวกนายทำอะไรกัน?”
ชาร์คฉีกยิ้มแล้วพูดตอบ “วันนี้ไม่มีอะไรทำน่ะบอส ผมกับซีมอนสเตอร์เลยกะจะไปยิงปลากัน บอสก็รู้ว่าปลาไนเอเชียบ้าบอแค่ไหน จะถึงฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันแล้ว ต้องกำจัดไปส่วนหนึ่งก่อนที่มันจะวางไข่ ไม่อย่างงั้นทะเลสาบเฉินเป่าได้จบเห่แน่”
“ฉันไปด้วย” ฉินสือโอวพูด “เราใช้ปืนดีไหม ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ สะใจดี”
เออร์บักช่วยเปลี่ยนชื่อใบอนุญาตครอบครองปืนของปู่ฉินหงเต๋อมาเป็นชื่อเขาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เขาก็สามารถซื้อและใช้อาวุธอัตโนมัติแล้ว
ซีมอนสเตอร์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “งั้นเรามีจุดประสงค์อะไร? กระสุนแพงจะตาย ปลาก็ไม่ได้กระโดดออกมาติดๆกัน กระสุนซองหนึ่งก็ยิงปลาได้แค่ตัวสองตัว เปลืองเงินเกินไป ไม่สู้ปล่อยปลาพวกนั้นผสมพันธุ์ไปดีกว่า”
นี่คือความต่างทางความคิด ฉินสือโอวคิดว่าการยิงปลาเป็นกิจกรรมบันเทิง เอากลับมาทำกินก็ได้ ใช้เงินหน่อยก็ไม่เป็นไร
ชาวเมืองแฟร์เวลเห็นว่าการยิงปลาเป็นกิจกรรมเพื่อส่วนรวม พวกเขาทำเพื่อปกป้องปลาท้องถิ่นในทะเลสาบเฉินเป่า ถ้าต้องใช้เงินก็ไม่ทำดีกว่า
คนแคนาดาและอเมริกาพูดเรื่องเงินแล้วเคี่ยว ไม่ยอมเสียเปรียบเสียยิ่งกว่าคนจีน
ฉินสือโอวหยิบธนูรอกกลมของตัวเองแล้วขึ้นรถตามชาร์คกับซีมอนสเตอร์ ครั้งนี้พวกเขาเอาเรือไม้ธรรมดาไป เพราะเรือประเภทนี้ประหยัดน้ำมันที่สุด
ทะเลสาบเฉินเป่ากว้างขวาง น่าจะถึงแปดเก้าสิบตารางกิโลเมตร ถือเป็นทะเลสาบเล็กในเกรตเลกส์
ทรัพยากรน้ำในแคนาดาอุดมสมบูรณ์มาก เกรตเลกส์ซึ่งคิดเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรน้ำจืดทั่วโลกนั้นมีครึ่งหนึ่งที่อยู่ในอาณาเขต ทำให้หลายๆที่มีอำพันขนาดต่างๆ
ตอนที่พวกฉินสือโอวมาถึง ที่ทะเลสาบก็มีหลายคนกำลังยิงปลา ครั้งนี้ไม่ใช่กิจกรรมทั้งเมืองเลยไม่มีเครื่องออสซิลเลเตอร์ ถ้าจะทำให้ปลาตกใจก็ได้แต่ใช้เสียงจากเครื่องยนต์เรือ
ซีมอนสเตอร์แขวนเครื่องเสียงใต้น้ำไว้ที่หางเรือ พอเปิดเครื่องก็จะเห็นระลอกน้ำซึ่งก็สามารถทำหน้าที่เครื่องออสซิลเลเตอร์ในการทำให้ปลาใต้น้ำตกใจ
เรือลงน้ำและแล่นไปครู่หนึ่งก็มีปลาเฉาดำขนาดครึ่งเมตรสองตัวกระโดดขึ้นมา ชาร์ครีบง้างธนูยาวอังกฤษของตัวเอง เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น ลูกศรปลายแหลมถูกยิงออกไปแล้วแทงทะลุปลาตัวหนึ่งที่ตกลงน้ำ
“ยิงได้เยี่ยม บอส!” ซีมอนสเตอร์ที่เพิ่งจะหยิบปืนยิงปลาขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วดึงปลากลับมา เขาดึงลูกธนูลงด้านล่างพลางโต้ตอบ “ถือว่าไม่เลว ไม่เสียแรงที่ช่วงก่อนพยายามฝึกซ้อมยิงธนู”
ปลาอีกตัวนั้นพอลงน้ำไปก็ยังไม่ไปไหน ยังคงว่ายอยู่ข้างๆอย่างกระวนกระวาย ชาร์คหยิบฉมวกขึ้นมาแล้วมองไปในน้ำ เขากดหัวฉมวกลงเล็กน้อย แขนกำยำออกแรงขว้างฉมวกพุ่งออกไป เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้นขณะที่พุ่งลงน้ำ
ชาร์คดึงเอาฉมวกกลับมา หัวฉมวกปักบนหัวปลาอย่างพอดิบพอดี ฉินสือโอวเองก็ออกปากชื่นชม “นายเล่นซะหัวมันแบะเลย เพื่อน ดูไม่ออกนะว่านายเป็นพวกบ้าระห่ำชอบระเบิดหัว!”
พอรู้ว่าปลาพวกนี้กินได้ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็ไม่ทิ้งขว้างอีก พวกเขาเตรียมมีดแล่ปลามา พอยิงปลาได้ก็ลงมือแล่เลย ตัดหัวกับหางออกแล้วเอาตัวปลาไว้ในช่องเก็บของบนเรือแล้วใช้น้ำแข็งที่เตรียมไว้แช่
เรือหาปลาล่องไปอย่างช้าๆในทะเลสาบ รอบข้างมีแต่น้ำทะเลสาบสีเขียวใส ลมโชยอ่อน เมฆบางฟ้าโปร่ง แสงแดดสดใส ฉินสือโอวมองลงไปในน้ำทะเลสาบที่ใสราวสามารถสะท้อนเงาเขาออกมา
ไม่ไกลออกไป มีคนที่มายิงปลาร้องเพลงลำนำท้องถิ่นของแคนาดา ฉินสือโอวซึ้งไปกับเพลงจึงเริ่มตะโกนร้องขึ้นบ้าง “ท้องฟ้าสีคราม ทะเลสาบใส ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม นี่คือบ้านของฉัน เอโอ…..”
“ม้าดีที่ควบวิ่ง ฝูงแกะขาวนวล และยังมีเธอ นี่คือบ้านของฉัน เอโอ…..”
“ฉันรักบ้านของฉัน บ้านของฉัน สวรรค์ของฉัน…..”
เพลงสวรรค์คือผลงานชิ้นเอกของราชานักร้องเพลงลูกทุ่งเถิงเก๋อเอ่อ เนื้อร้องจำง่าย แต่คนร้องต้องใช้เสียงมาก เสียงต้องทุ้ม ปอดต้องจุอากาศได้พอ แต่ก่อนฉินสือโอวได้แต่ฮัมเอา การจะตะโกนร้องออกมาแบบนี้ยากมาก
ตอนนี้ไม่เหมือนกัน การปรับเปลี่ยนที่พลังโพไซดอนมีผลต่อร่างกายเขา แท้จริงแล้วก็เพื่อให้เขาปรับตัวเข้ากับทะเลได้ดีขึ้น ตอนนี้ความจุปอดของเขาสูงมาก ไม่อย่างนั้นเมื่อวานซืนที่เล่นบอล แรงเขาเยอะขนาดนั้น แต่ถ้าสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดได้ไม่พอก็ไม่มีประโยชน์
พอตะโกนออกมา ฉินสือโอวร้องได้อารมณ์กว่าเถิงเก๋อเอ่อเสียอีก อีกอย่างเขาร้องตามแสดงอารมณ์ตามวิวทิวทัศน์ ในเสียงเพลงของเขามีความรู้สึกแฝงอยู่จึงร้องได้จับใจมาก
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ไม่เข้าใจภาษาจีน แต่นั่นก็ไม่ได้ขวางทางพวกเขาจากการเพลิดเพลินไปกับเพลง ฉินสือโอวร้องออกมาสุดเสียง ทั้งสองคนก็ไม่ยิงปลากันแล้ว ต่างวางธนูและปืนจากนั้นก็เริ่มเคาะจังหวะร้องประสานเสียงไปกับเขาด้วย
พอร้องจบสองคนก็ร้องตะโกนพลางปรบมือราวเป็นผู้ชม “เยี่ยมบอส ร้องเก่งมาก!”
คนที่ยิงปลาอยู่รอบๆก็ร้องโห่ตะโกนเช่นกัน บางคนก็ล่องเรือเข้ามาใกล้ แล้วตะโกนคุยกับฉินสือโอว “ฉิน ร้องอีกเพลงสิ เพราะมาก ฉันเพิ่งเคยได้ยินคนร้องเพลงจีนสดครั้งแรกเลยนะ!”
“ที่คุณร้องแปลว่าอะไรเหรอ?” ชาร์คถาม
ฉินสือโอวแปลเพลงสวรรค์ให้พวกเขาฟัง ซีมอนสเตอร์พูดขึ้นอย่างแฝงความเสียดาย “เฮ้อ เสียดายที่ที่นี่เป็นพื้นที่ประมง ไม่ใช่ทุ่งหญ้า ฉันยังไม่เคยเห็นทุ่งหญ้าเลย”
ชาร์คกลอกตาให้เขาแล้วพูดขึ้น “ไอ้โง่ ประเด็นสำคัญของเพลงนี้อยู่ที่บ้านเกิดไม่สำคัญว่าเป็นที่ไหน!”
“จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ประมงก็ง่าย” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม “แค่เปลี่ยนไม่กี่คำก็ได้แล้ว เปลี่ยนจากทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มเป็นท้องทะเลฟ้าคราม เปลี่ยนม้าดีที่ควบวิ่งเป็นเรือประมงที่วิ่งแล่นง่ายนิดเดียว”
“งั้นก็เปลี่ยนเลย แล้วสอนผมร้องด้วยนะ งานฉลองเมืองปีนี้เราขึ้นแสดงได้” ซีมอนสเตอร์พูดอย่างตื่นเต้น
วันฉลองเมืองก็คือวันครบรอบการสร้างเมือง อย่านึกว่าเมืองแฟร์เวลทั้งเล็กทั้งผุพัง จริงๆแล้วเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ตั้งแต่สร้างก็หนึ่งร้อยห้าสิบกว่าปีมาแล้ว ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดก็มีคนเป็นหมื่นอาศัยอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่เมืองนี้เสื่อมโทรมไปตามพื้นที่ประมง
ฉินสือโอวยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีปัญหา งั้นเรามาร้องประสานเสียงกัน เอาให้เพื่อนนายอึ้งไปเลย”
พอไม่มีคนควบคุม เรือประมงจึงล่องไปช้าๆ แล้วค่อยๆเข้าไปใกล้เกาะกลางทะเลสาบ ทะเลสาบเฉินเป่าไม่ใช่ทะเลสาบใหญ่เสียทีเดียว แต่มาจากการรวมกันของน้ำบาดาล ในทะเลสาบมีบางแห่งที่เคยเป็นพื้นสูงแล้วถูกน้ำท่วมในภายหลัง
แต่ทุกปีในฤดูใบไม้ผลิตอนที่ระดับน้ำในทะเลสาบลดก็จะโผล่ออกมาให้เห็น บนพื้นสูงนั้นมีต้นไม้พวกเรดวู้ด สนซีคัวยา ต่อให้โดนน้ำท่วมทั้งปีก็ไม่ตาย
ตอนนี้เกาะกลางทะเลสาบที่โผล่ขึ้นมาน่าจะมีเนื้อที่ถึงพันตารางเมตร บนนั้นมีต้นสนเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ ฉินสือโอวมองดูแล้วพูดขึ้น “เราขึ้นไปดูบนเกาะนั้นหน่อยเป็นไง?”
…………………………………………