ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 344 สวนดอกไม้หลังร้าน

บ่ายวันนั้น พ่อของฉินสือโอวและคนอื่นๆ นั่งคุยระลึกถึงความหลังกันอยู่ที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน พวกเขากินขนมและดื่มเครื่องดื่มมากมาย พลางนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างมีความสุข
เมื่อฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีทางที่เขาจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับปู่รองเพิ่มขึ้นจากคนแก่อย่างพวกเขาแล้ว เขาจึงลากวินนี่ไปยังสวนดอกไม้เล็กๆ ของร้านอาหาร ส่วนปัญหาเรื่องการแปลภาษาน่ะเหรอ? เอ๋ ไม่สามารถใช้ภาษามือช่วยได้งั้นเหรอ? ฉินสือโอวครุ่นคิดหาวิธีครู่หนึ่ง จะว่าไปก็ยังมีเออร์บักอยู่ข้างๆ นี่น่า
อันที่จริงแล้วพ่อของเขาและคนอื่นๆ ยังคงสงสัยอยู่ว่า ทำไมฟาร์มปลาแห่งนี้ถึงมอบให้แก่ฉินสือโอวกันนะ? ฉินหงเต๋อจากโลกนี้ไปแล้วสิบปี ทำไมสิบปีก่อนหน้านั้นถึงไม่ส่งต่อฟาร์มปลานี้ให้พ่อของฉินสือโอวกัน?
คำตอบของคำถามนี้ไม่มีใครรู้แน่นอน เออร์บักเคยพูดออกมาไม่กี่คำก็เงียบไป เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องเปิดปากเขาก็เอาแต่ส่ายหัวไปมา สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบของเรื่องนี้
ฉินสือโอวอยากจะล้วงความลับออกมาจากปากของเออร์บัก แต่ก็เข้าใจชายสูงวัยคนนี้ดี เขาทำงานเป็นทนายมาทั้งชีวิต เขาระวังคำพูดของตัวเองอย่างเข้มงวด เหมาะที่จะไปทำงานเป็นสายลับอย่างมาก หากเขาไม่คิดที่จะพูดออกมา ใครก็ไม่สามารถเปิดปากของเขาออกมาได้
พื้นที่สวนดอกไม้ของคุณลุงฮิคสันนั้นไม่ได้ใหญ่มาก ประมาณร้อยห้าสิบกว่าตารางเมตรได้ สวนดอกไม้แห่งนี้มีการจัดระเบียบอย่างสวยงามเรียบร้อย
เมื่อเข้าประตูมาก็จะเห็นทะเลแห่งความรักที่เกิดจากแปลงดอกกุหลาบสีชมพู ดอกกุหลาบพวกนี้เป็นพันธุ์ไม้หนาว พวกมันไม่ได้มีกลิ่นหอม แต่พวกมันสามารถออกดอกได้จนถึงฤดูใบไม้ร่วง เหมาะที่ปลูกในนิวฟันด์แลนด์อย่างมาก
ทะเลแห่งความรักนี้มีสองฝั่ง ข้างในทุ่งทะเลแห่งรักเป็นดอกเดือนฉายที่กำลังเบ่งบานเต็มที่ กลีบดอกสีเหลืองทองของมันล้อมรอบเกสรสีแดงสดอันใหญ่ พวกมันอยู่ใจกลางทะเลแห่งความรักสีชมพู ภาพที่เห็นนั้นช่างสวยงามเหลือเกิน
ถัดไปคือลำต้นที่หยักราวกับคลื่นทะเลสีน้ำเงินโผล่ออกมาจากด้านหลังของดอกเดือนฉาย มันคือต้นโรสแมรี่ เป็นพันธุ์ไม้ที่นำเข้ามาจากยุโรป ดอกสีฟ้าของมันน่าหลงใหลอย่างมาก
นอกจากนี้ รอบๆ สวนยังมีดอกพุดตานที่บานสะพรั่งสวยงาม ดอกมากาเร็ตที่เกสรตรงกลางเป็นสีเหลืองและกลีบดอกรอบๆ เป็นสีม่วง ดอกชบาสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะและอื่นๆ อีกมากมาย ดอกไม้พวกนี้สามารถออกดอกได้ถึงฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นตอนนี้สวนดอกไม้เล็กๆ แห่งนี้จึงถือเป็นวิวที่สวยงดงามเป็นอย่างมาก
วินนี่จับมือฉินสือโอวเดินไปมาในสวนดอกไม้ช้าๆ เธอหลับตาลงเป็นครั้งคราวเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ลอยขึ้นมาในอากาศ ฉินสือโอวมองไปยังวินนี่ด้วยสายตาอ่อนโยน
พวกเขาเดินกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาเดินเล่นกันจนถึงช่วงพลบค่ำ กลิ่นหอมของดอกไม้กับแสงจันทร์ที่ส่องลงมานั้นทำบรรยากาศรอบๆ สวยงามเป็นอย่างมาก
ในที่สุดพ่อของฉินสือโอวก็เรียกเขาให้กลับบ้าน พ่อของเขาบอกว่าไม่ควรรบกวนกิจการในช่วงเย็นของคุณลุงฮิคสัน เพราะแบบนี้ บรรยากาศเงียบสงบสวยงามของสวนดอกไม้จึงถูกทำลายลง
ในตอนที่กำลังจะกลับบ้านนั้น ฉินสือโอวก็ถามคุณลุงฮิคสันออกมาว่า ดอกไม้ที่ปลูกในสวนนั้นซื้อมาจากที่ไหน เขาคิดอยากจะซื้อมาปลูกที่ฟาร์มปลาด้วยเหมือนกัน
คุณลุงฮิคสันหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดว่า “ถ้านายอยากได้ล่ะก็ ลูกของฉัน พ่อคนนี้จะจัดการให้นายเอง นายจะไปซื้อทำไมกัน? ดอกไม้พวกนี้ไม่ใช่ว่าที่บ้านไหนก็มีกันหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวไม่สะดวกใจที่จะบอกว่าเขาอยากได้ดอกไม้หลายสายพันธุ์ แต่ว่าชายแก่คนนั้นก็หยิบดอกไม้มาให้เขาเป็นจำนวนมาก กล่องกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่งบรรจุขวดพลาสติกอยู่เต็มไปหมด บนขวดพลาสติกเหล่านั้นแปะชื่อพันธุ์ดอกไม้แต่ละชนิดไว้ ส่วนข้างในขวดนั้นบรรจุเมล็ดดอกไม้หลายหลายชนิด
“ฉันรู้ความคิดของนาย เด็กน้อย นายอยากจะเปลี่ยนฟาร์มปลาให้เป็นบุตชาร์ตการ์เด้นแห่งที่สองใช่ไหม? ฟังฉันนะ นายต้องอย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ปลูกดอกไม้พวกนี้ก่อน เมื่อนายเลี้ยงพวกมันออกดอกสวยงามแล้ว ค่อยขายสวนดอกไม้ของนาย” คุณลุงฮิคสันพูดออกมาด้วยความจริงใจ
บุตชาร์ตการ์เด้นเป็นหนึ่งในสิบสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สวยที่สุดของโลก ตั้งอยู่ในเมืองวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา โดยมีพื้นที่ทั้งหมดสามสิบห้าเฮกตาร์
ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสวนดอกไม้แห่งนี้นั้นมีตำนานเรื่องเล่ามากมาย เมื่อก่อนมันเคยเป็นพื้นที่ขุดหินปูนขาวของโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ ในปี1904 นางบุตชาร์ตได้นำต้นไอวี่มาปกปิดกำแพงหินทั้งสี่ด้านที่ว่างเปล่า นอกจากนี้ยังนำก้อนหินที่ถูกทิ้งอย่างไร้ค่ามาทำเป็นกระถางปลูกต้นไม้ พันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้ถูกนำมาปลูกที่นี่
ตระกูลบุตชาร์ตหลายชั่วอายุคนทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ในที่สุดพวกเขาก็สร้างสวนดอกไม้อันน่าทึ่งที่มีชื่อเสียงระดับโลกขึ้นมาได้
ในตอนที่ฉินสือโอวได้รับฟาร์มปลาต้าฉินมาดูแลนั้น เขาเคยคิดจะเปลี่ยนพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหญ้ารกร้างของฟาร์มปลาให้กลายเป็นสวนดอกไม้ที่สวยงามสวนหนึ่ง ตอนนั้นเขาถึงกับให้เออร์บักไปหาสถาปนิกมาออกแบบสวนเลย จากนั้นสถาปนิกก็ได้เสนอราคามา การจะสร้างสวนที่สวยงามระดับโลกแบบนั้นต้องใช้เงินถึงหลายสิบล้านดอลลาร์แคนาดา แต่ในตอนนั้นเขาตกอยู่ภายใต้ความกดดันของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงทำให้ไม่ได้ดำเนินการต่อ
คุณลุงฮิคสันยกสวนดอกไม้เป่าลี่ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เขาหวังว่าฉินสือโอวจะได้เรียนรู้ถึงความอดทนของตระกูลบุตชาร์ต การทำสวนดอกไม้ต้องค่อยเป็นค่อยไป การใช้เงินไม่สามารถทำให้กองดินเกิดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนั้นได้
ช่วงเวลาพลบค่ำของฤดูใบไม้ร่วง อากาศไม่ร้อนไม่หนาว ลมทะเลพัดมาเย็นสบาย แสงแดดจากพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินฉายลงมาบนร่างของผู้คนนั้นทำให้ดูอบอุ่นยิ่งนัก
ฉินสือโอวเดินกอดไหล่พ่อของเขา ส่วนวินนี่ก็เดินจับมือแม่ของฉินสือโอว พวกเขาพากันเดินไปบนถนนในเมือง ผู้คนที่เดินสวนไปมานั้นมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนพื้นที่ เสียงตะโกนขายของดังขึ้นเป็นครั้งคราว การก้าวเดินของผู้คนเป็นไปอย่างช้าๆ สะท้อนให้เห็นถึงจังหวะชีวิตของเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ที่หน้าประตูร้านของชำของเผ่าซู ฮิวจ์คนน้องที่แต่งตัวสไตล์ฮิปฮอปกำลังทำการแสดงอยู่ที่หน้าร้าน รอบๆ เขานั้นมีนักท่องเที่ยวเข้ามาดูจำนวนไม่น้อย ในตอนที่ฉินสือโอวเดินผ่าน เขาก็ผิวปากขึ้นมาแล้วถามออกไปว่า “พ่อหนุ่ม ตอนนี้นายเป็นเถ้าแก่ร้าน โอเคไหม? อย่าทำอะไรที่นอกเหนือจากหน้าที่สิ”
ฮิวจ์คนน้องกระโดดโลดเต้นไปมาราวกับปลาคาร์ฟ เขามองไปพ่อแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ เขาพูดทักทายทุกคน แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ฉันไม่ได้ทำงานนอกเหนือหน้าที่ซะหน่อย ฉันกำลังทำการแสดงเรียกลูกค้าอยู่ นี่เป็นวิธีการทำการตลาดอย่างหนึ่งนะ ฉิน นายไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรือยังไง?”
ฉินสือโอวให้พ่อแม่กับของตนเข้าไปดูของในร้านของชำก่อน ส่วนเขาอยู่คุยกับฮิวจ์คนน้องต่อที่ด้านนอก เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจช่วงนี้
ฮิวจ์คนน้องบอกกับฉินสือโอวว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ธุรกิจจะก้าวหน้าไปได้อย่างมาก นักท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มครอบครัวที่พาคนแก่และเด็กมาเที่ยวด้วย นักท่องเที่ยวกหลุ่มนี้มักจะชอบซื้อโสมอเมริกาและเครื่องหนังเป็นที่สุด
พ่อแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ เดินดูของรอบร้านไปมา ฮิวจ์คนน้องถามออกไปด้วยความร่าเริงว่าพวกเขาต้องการอะไรหรือไม่ แต่พวกเขากลับส่ายหน้า พวกเขาสามารถอ่านป้ายราคาในร้านได้ ทำให้รู้ว่าของพวกนี้ราคาค่อนข้างแพง
ฮิวจ์คนน้องเป็นคนขี้เล่นและใจกว้างเป็นอย่างมาก เขาหยิบกล่องผ้าที่ข้างในบรรจุโสมอเมริกาที่ดีที่สุดห้าชนิดออกมาส่งให้พ่อของฉินสือโอว และหยิบชุดเครื่องหนังที่ทำจากหนังแรคคูนสีขาวให้แม่ของฉินสือโอว จากนั้นก็ยกมือลูบหน้าอกของตัวเองแล้วพูดออกมาว่า “เพื่อนชาวจีนทั้งหลาย ฉันให้!”
พ่อของเขาและอื่นๆ จะรับได้อย่างไรกัน? เมื่อทุกคนเริ่มมีอาการเกรงใจ ฮิวจ์คนน้องจึงพูดออกมาในที่สุดว่า “ฉินช่วยพวกเรามาเยอะมาก ร้านค้าร้านนี้ของฉันที่เปิดทำการได้ ก็ต้องขอบคุณเขา ของพวกนี้ถือว่าเป็นคำขอบคุณแล้วกัน ถ้าหากว่าพวกคุณไม่รับไป ฉันจะถือว่าฉินนั้นไม่ให้เกียรติกัน”
“นี่มัน นี่มัน….” พ่อแม่ของฉินสือโอวหันมามองเขาอย่างขอความช่วยเหลือ
ฉินสือโอวโบกมือไปมา แล้วพูดว่า “รับไปเถอะ อันที่จริงของพวกนี้ต่อราคาลงมาแล้วก็ไม่ได้ราคาแพง”
ของพวกนี้รับไว้แล้วฮิวจ์จะได้สบายใจ อีกอย่างหากทำบัญชีตามที่เขาแนะนำ ร้านขายของชำนี้ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน
เมื่อทุกคนเจอกับพวกของเชอร์ลี่ย์แล้ว พวกเขาก็เห็นว่าเด็กทั้งห้าคนนั้นกำลังนั่งกินไอศกรีมริมถนนกันอย่างสนุกสนาน ในปากของหู่จือและเป้าจือนั้นมีไข่ม้วนอยู่ข้างใน พวกมันกินไข่ม้วนอย่างหน้าชื่นตาบาน
บนพื้นนั้นมีถังน้ำสองใบและกระดาษลังวางอยู่ ที่ลังกระดาษนั้นถูกเขียนด้วยลายมือที่คดเคี้ยวไปมาว่า ‘เหยื่อปลาที่ดีที่สุด อร่อยไม่แพง ซื้อมากได้มาก ลดล้างสต๊อก เหยื่อปลาที่คนจีนทำเอง….’
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ลายมือนี้เป็นของเสี่ยวฮุยแน่นอน บางตัวที่เขียนไม่ได้ก็ยังเอาตัวพินอินมาแทนที่
ฉินสือโอวถามพวกเด็กๆ ว่า “พวกนายขายได้เงินกันมาเท่าไรเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์เลิกคิ้วขึ้นแล้วยกนิ้วขึ้นนับ ส่วนเสี่ยวฮุยนั้นพูดขึ้นมาอย่างหมดความอดทนว่า “ง่ายจะตาย เมื่อกี้พวกเรานับแล้ว ถังแรกขายได้ห้าสิบเอ็ดดอลลาร์แคนาคา ถังที่สองขายได้หกสิบห้าดอลลาร์แคนาดา ซื้อไอศกรีมไปสิบห้าดอลลาร์แคนาดา ไข่ม้วนอีกห้าดอลลาร์แคนาดา เหลือเงินทั้งหมดเก้าสิบหกดอลลาร์แคนาดา”
เชอร์ลี่ย์รีบพยักหน้าทันที แล้วพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว เก้าสิบหกดอลลาร์แคนาดา วันนี้พวกเราหาเงินได้เกือบหนึ่งร้อยดอลลาร์แคนาดาเลยล่ะ”
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset