ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 345 อันธพาลแห่งฟาร์มปลา

เมื่อเทียบกับเสี่ยวฮุยแล้ว การคำนวณของเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ที่เหลือนั้นสามารถอธิบายได้เพียงแค่คำว่า น่าเวทนาเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าหลานชายของตัวรายงานบัญชีรายรับของวันนี้ได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ พ่อแม่ของฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพวกเขานั้น ก็บอกได้ว่าพวกเขาภูมิใจมาก
แต่เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คำนวณไม่เก่งแล้วอย่างไร พวกเขาก็มีความสุขเหมือนกันเวลาที่ได้เรียนหนังสือ
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ไฟที่อยู่ตามถนนเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็สว่างขึ้น เหล่านักท่องเที่ยวพากันเดินเล่นรอบเมืองเป็นกลุ่มๆ เพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเงียบสงบและความสบายของเมืองริมทะเลแห่งนี้
บางครั้งก็มีแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสว่างขึ้น บ่อยครั้งที่ผู้คนต่างชูสองนิ้วเป็นรูปกรรไกรในขณะที่ถ่ายรูป
พ่อของฉินสือโอวเดินไป แล้วพูดขึ้นมาอย่างเสียดายว่า “เหมือนกับตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเมื่อแปดปีก่อนเลย ตอนนั้นผู้คนในหมู่บ้านก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่รีบร้อน ไม่วุ่นวาย ทุกคนใช้ชีวิตกันอย่างช้าๆ แม้ว่าจะไม่ได้กินของดีๆ แต่ก็ใช้ชีวิตทุกวันไปอย่างมีความสุข”
“ไม่มีเงินแต่มีความสุข” แม่ของฉินสือโอวพูดเสริม “แต่ว่าถ้าเทียบกับตอนนี้ถือว่าดีกว่านะ ไม่มีโรคระบาดมากมาย ธัญพืชก็ปลูกเองได้ ผักที่ปลูกทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน การเป็ดไก่และหมูทั้งหลายได้ พอตอนนี้มาคิดดูแล้ว ตอนนั้นก็ถือว่าดีอยู่เหมือนกัน”
ฉินสือโอวรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “งั้นพ่อกับแม่มาอยู่ที่นี่ก็ได้น่ะสิ ที่ดินในฟาร์มปลามีตั้งเยอะแยะ อยากปลูกธัญพืชปลูกผักก็ทำได้เลย”
พ่อแม่ของเขารีบส่ายหัวปฏิเสธทันที โดยไม่มีช่องว่างให้ฉินสือโอวได้ลองคุยเลย
พี่สาวของเขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “เสี่ยวโอว นายไม่รู้เหรอว่าสิ่งที่ทำให้พ่อกับแม่มีความสุขในช่วงเวลานั้นคืออะไร? ในเวลานั้นความสัมพันธ์ของผู้คนนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย ที่นั่นพวกเขามีเพื่อนมีพี่น้อง การอยู่กับคนเหล่านั้นทำให้พวกเขามีความสุข”
ฉินสือโอวเข้าใจขึ้นมาทันที เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนชั้นประถม พ่อของเขามักจะออกไปดื่มน้ำชาและดูละครกับพวกเพื่อนๆ ของเขาทุกครั้งที่มีเวลาว่างในช่วงเย็น ตอนนั้นในหมู่บ้านมีโทรทัศน์จอสีมีแค่ไม่กี่เครื่องเท่านั้น เมื่อถึงตอนเย็น บ้านใครที่มีโทรทัศน์จอสี บ้านของคนคนนั้นก็จะคึกคักขึ้นมาทันที
ตอนนี้อย่าว่าแต่ทุกบ้านมีโทรทัศน์จอสีกันเลย โฮมเธียเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ทุกบ้านก็มีเหมือนกันหมด รายการทีวีก็มีมากมาย น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของคนในหมู่บ้านนั้นลดลง
ในเมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองแล้ว อาหารเย็นวันนี้พวกเขาเลยตัดสินใจหากินในเมืองเลย ฉินสือโอวพาพ่อกับแม่ไปกินพิซซ่า เบอร์เกอร์ และพาไปลองชิมซุปครีมหอย เมื่อเทียบกับอาหารมื้อใหญ่ที่บ้านแล้ว การกินอาหารที่หากินได้ง่ายๆ แบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่การพาคนที่ไม่เคยกินอย่างเช่นพ่อแม่ของเขามากินนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา พี่สาวของเขานั้นได้ดาวน์โหลดละครทีวีที่กำลังเป็นที่นิยมที่ประเทศจีนในขณะนี้ลงในฮาร์ดดิสก์และพกมาด้วย ฉินสือโอวจึงเปิดละครพวกนั้นให้พ่อแม่ของเขาดู แต่ว่าพวกเขานั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะดู
กลับกลายเป็นเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ที่สนใจรายการทีวีพวกนั้นแทน ฉินสือโอวถามพวกเด็กๆ ว่าดูรู้เรื่องเหรอ เชอร์ลี่ย์จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “ดูไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่หนูเรียนภาษาจีนจากในนี้ได้”
วินนี่ชงน้ำชามาให้พ่อของฉินสือโอว แล้วนำขนมกินเล่นอย่างถั่วพิสตาชิโอ เมล็ดทานตะวัน และถั่วพีแคนพวกนั้นมาให้แม่ของฉินสือโอว ทั้งสองคนชวนวินนี่มานั่งคุยด้วย หลังจากนี่คุยกันไปสักพัก พ่อของฉินสือโอวก็พูดขึ้นด้วยความหดหู่ว่า “เสี่ยวโอว พวกแกอาศัยอยู่ที่นี่ มันดูอ้างว้างไปหน่อยนะ”
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ที่ไหนกัน ตอนนี้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อยากจะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองเล็กๆ แบบนี้จะตาย พวกเรามีที่ดินขนาดใหญ่ผืนหนึ่งที่ถมที่พร้อมสร้างบ้านแล้ว พวกเราจะขายให้พวกเจ้าของโครงใหญ่ๆ พวกนั้นโดยเฉพาะ”
พูดถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกกดดันขึ้นมาเล็กน้อย ฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นแทบจะทำเงินไม่ได้เลย เขาส่งคนไปเจรจากับเจ้าหน้าที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของฟาร์มปลาแกธเธอริงหลายครั้ง แต่ไม่มีใครสนใจเลย
พ่อของเขาส่ายหัว แล้วพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า “ลูกพ่อ แกบอกว่าที่นี่ถูกทิ้งร้าง หากมีคนไม่ดีย่องเข้าไปขโมยปลาของแกตอนกลางคืน…”
แม่ของเขาตีไปที่พ่อหนึ่งที แล้วพูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า “พูดอะไรไร้สาระ ไม่เป็นมงคลเลย”
ฉินสือโอวหยิบแปลนก่อสร้างขึ้นมา แล้วอธิบายว่า “ไม่ต้องกลัวไป ฟาร์มปลาของพวกเราติดกล้องวงจรปิดไว้ครอบคลุมไปทั่วฟาร์มปลาเลย หากใครเข้ามาผมก็จะรู้ได้หมด”
“อีกอย่าง พวกเรามีปืนด้วย” วินนี่พูดเสริมว่า “เรื่องความปลอดภัยนั้นไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ”
เมื่อแม่ของฉินสือโอวได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่พวกแกมีทั้งแม่น้ำทั้งทะเล ทำไมถึงไม่เลี้ยงห่านไว้สักฝูงล่ะ”
ฉินสือโอวนิ่งไปครู่หนึ่ง และถามอย่างสงสัยว่า “เลี้ยงห่านเหรอ?”
แม่ของเขาพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พวกห่านเลี้ยงไม่ยากเลยนะ พวกมันหาอาหารกินเองได้ อีกอย่างพวกมันไม่สกปรก เวลาถ่ายก็ถ่ายในแม่น้ำ ที่สำคัญคือพวกมันเป็นสัตว์ที่ช่วยดูแลบ้านได้อย่างดีเลยนะ ดีกว่าหมาตั้งเยอะ”
“แถมยังกินเนื้อพวกมันได้อีกด้วย พอมันกินได้พวกแกก็เอามาตุ๋นทำซุปห่าน ทั้งอร่อยและบำรุงร่างกายได้ ถ้ากินไม่หมดก็เอาไปทำขายได้เงินดีด้วยนะ” พ่อของเขาพูดออกมาอย่างเห็นด้วย
ฉินสือโอว วินนี่รวมถึงชาร์คและคนอื่นๆ หันมาปรึกษากัน พวกเขารู้สึกว่าคำแนะนำนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ที่ดินบริเวณฟาร์มปลานั้นเป็นพื้นหญ้าและชายหาด เหมาะจะเป็นที่อาศัยของห่านอย่างมาก
ตอนที่ฉินสือโอวยังเด็กที่บ้านของเขานั้นทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่ หากไม่สนใจว่าท่าทางของห่านนั้นจะดูโง่เง่า ความจริงแล้วพวกมันฉลาดมาก นอกจากนี้ยังช่วยเฝ้าบ้านได้ดีอีกด้วย หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาล่ะก็มันจะส่งเสียงร้องเสียงดังทันที หลายครอบครัวที่ทำไร่ พวกเขาจะฝึกห่านให้เหมือนสุนัข ไว้คอยเฝ้าบ้านและยังกินไข่มันได้อีกด้วย
เมื่อพูดแล้วก็ต้องลงมือทำ วันต่อมาฉินสือโอว ชาร์คและคนอื่นๆ ก็ไปยังนครเซนต์จอห์นเพื่อไปยังฟาร์มสัตว์ปีกแห่งหนึ่ง ฟาร์มสัตว์ปีกแห่งนี้ใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นไก่เป็ดห่านพวกเขามีหมด นอกจากนี้ยังมีสัตว์ปีกพวกนกกระทา นกพิราบ ห่านเทาปากดำ หรือแม้แต่ ไก่ฟ้าและไก่ฟ้าสีทองก็ยังมี
เมื่อพนักงานรู้ว่าฉินสือโอวต้องการซื้อห่าน เขาก็รีบแนะนำทันทีว่า “พวกเราเลี้ยงห่านสายพันธุ์เอ็มเด็นและห่านโทรเลาซ์เป็นหลัก ห่านสายพันธุ์เอ็มเด็นนั้นเป็นพันธุ์ที่ออกไข่ค่อนข้างเยอะ อายุสิบเดือนก็สามารถออกไข่ได้แล้ว จากนั้นพวกมันจะออกไข่สองถึงสามครั้งต่อเดือน…”
“ห่านโทรเลาซ์นั้นเป็นห่านที่โตเร็ว หากว่าอยากกินฟัวร์กราส์ เลือกห่านชนิดนี้ถือว่าดีที่สุด พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในโลก”
ฉินสือโอวเดินตามพนักงานที่กำลังพูดแนะนำไปเรื่อยๆ ห่านพวกนี้มีขนาดใหญ่มากจริงๆ ห่านตัวโตเต็มไวสามารถมีขนาดถึงหนึ่งเมตร เมื่อมันสยายปีกออกแล้วทำให้ดูเหมือนเครื่องบินลำเล็กๆ
แต่ว่าเรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวผิดหวังก็คือ ห่านพวกนี้ซื่อสัตย์เกินไป เหมือนกับเลี้ยงไก่เนื้อก็ไม่ปาน พวกมันนอนอยู่ในฟาร์มนิ่งแทบไม่ขยับไปไหนเลย นอกจากตอนให้อาหารพวกมันถึงจะรีบเข้ามาทันที แต่เมื่อกินเสร็จก็กลับไปอยู่นิ่งๆ เหมือนเดิม
ฉินสือโอวพูดความต้องการของตัวเองออกมา “ผมไม่ได้อยากให้พวกมันโตเร็วหรือว่าออกไข่ได้เยอะ พวกคุณมีห่านที่ต่อสู้เก่งไหม?”
“ต่อสู้? ห่านนักสู้เหรอ?” พนักงานถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ห่านนักสู้คือห่านอะไรครับ?”
แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเก่งกาจแค่ไหน คงจะใช้มันเฝ้าบ้านได้ไม่เป็นปัญหาแน่นอน
พนักงานคนนั้นอธิบายให้ฟังว่า “ห่านนักสู้ไม่ได้เป็นชื่อสายพันธุ์ห่าน แต่เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง เป็นการแข่งขันห่านของประเทศมาซิโดเนีย ทุกปีเมืองสโกเปีย ประเทศมาซิโดเนียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันห่านขึ้น โดยไม่มีการกำหนดสายพันธุ์ของห่าน ขอเพียงพวกมันเป็นห่านที่ดุร้ายก็พอ”
พนักงานยังคงอธิบายต่อไปว่า “การแข่งขันห่านโดยปกติแล้วพวกเขาไม่เลือกใช้ห่านบ้านกัน แต่พวกเขาจะเลือกห่านเทาปากชมพูและห่านเทาปากดำที่ฝึกง่ายกัน แต่มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะสองสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์คุ้มครอง”
ฉินสือโอวให้พนักงานคนนั้นเลือกห่านมาสายพันธุ์หนึ่งที่เหมาะกับความต้องการของเขา พนักงานคนนั้นโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันมาพูดกับฉินสือโอวว่า “ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเลี้ยงห่านหัวสิงโตไว้อยู่ มันเป็นสายพันธุ์ลูกผสมของห่านหัวสิงโตกับห่านสายพันธุ์จีน การเคลื่อนไหวของพวกมันแข็งแกร่งมาก คุณลองไปดูได้”
ฉินสือโอวไปยังฟาร์มสัตว์ปีกอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หลังจากที่พวกเขาขับรถไปถึง ชายสูงวัยเชื้อสายจีนคนหนึ่งก็ออกมาต้อนรับเขา ฉินสือโอวคุยกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้รู้ว่าเขานั้นเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เป็นชาวเมืองหลูเป่ย
เมื่อรู้ว่าฉินสือโอวนั้นสนใจห่านลูกผสมที่เขาเลี้ยงเอาไว้นั้น ชายสูงวัยคนนี้ก็พูดขึ้นว่า “ผมขอบอกคุณก่อนว่า ห่านชนิดนี้เลี้ยงยาก พวกมันชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง นิสัยดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ชอบจู่โจมคน ถ้าคุณอยากเลี้ยงพวกมันไว้ที่ฟาร์มปลา เจ้าพวกนี้ก็จะกลายเป็นอันธพาลแห่งฟาร์มปลา!”
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset