ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 347 อำนาจของนิมิตส์

ในตอนที่อยู่ที่ฟาร์มสัตว์ปีกนั้น ฉินสือโอวดูไม่สนว่าห่านไท่หูหรือว่าห่านหัวสิงโตพันธุ์ไหนจะร้ายกาจมากกว่ากัน แต่เมื่อพวกมันสองสายพันธุ์อยู่รวมกันแล้ว พวกมันนั้นสงบเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้ซื้อห่านมามากมายแบบนี้
แต่เมื่อมาถึงที่ฟาร์มปลา เมื่อพวกมันสองสายพันธุ์อยู่รวมกัน กลับเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต!
วุ่นวายอุตลุดไปหมด!
จนการต่อสู้ได้เริ่มขึ้น!
ห่านขาวทั้งสองสายพันธุ์ในตอนที่ถูกปล่อยลงทะเลก็ยังดีๆ กันอยู่ พวกมันต่างพากันวุ่นวายอยู่กับการว่ายขึ้นมาบนฝั่ง หลังจากที่พวกมันขึ้นฝั่งกันอย่างสงบแล้วครู่หนึ่ง ห่านไท่หูก็เริ่มโจมตีก่อน มันชูคอของตัวเองขึ้นไปกัดห่านหัวสิงโต
ห่านหัวสิงโตนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ต่อสู้เก่งเหมือนห่านไท่หู แต่ร่างของพวกมันนั้นใหญ่กว่า พลังมากกว่า จำนวนก็มากกว่าด้วยเช่นกัน จากนั้นห่านหัวสิงโตสองสามตัวก็เข้าไปล้อมห่านไท่หูตัวหนึ่งแล้วเริ่มรุมกัดมัน
แม้ว่าห่านไท่หูจะเป็นคนเริ่มเปิดศึก แต่พวกมันไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกมันคือพวกมันแยกย้ายกันต่อสู้ แบบนี้จำนวนของห่านหัวสิงโตยิ่งสร้างความได้เปรียบมากขึ้น ห่านหัวสิงโตมักจะไล่ล่าห่านไท่หูทีละตัว แล้วจากนั้นก็รุมกัดพวกมัน
แบบนี้ต่อให้เป็นฉงต้า หู่จือและเป้าจือจะได้รับการปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่การต่อสู้ระหว่างห่านสองสายพันธุ์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ห่านไท่หูที่ไล่พวกสุนัขอยู่นั้นหันกลับไปช่วยเพื่อนของตนเอง
พวกของฉงต้าที่รอดจากการถูกไล่แล้ววิ่งมาหยุดอยู่ข้างฉินสือโอวทั้งที่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ พวกมันพากันวิ่งปีนขึ้นมาที่สูงเพื่อปกป้องตัวเอง
หู่จือนั้นน่าสงสารเป็นที่สุด ขนสีทองอ่อนนุ่มของมันขาดเป็นกระจุกๆ วีรบุรุษผู้สง่าผ่าเผยได้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงแค่สุนัขตัวหนึ่งที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ วินนี่กอดหู่จือ ส่วนมันก็ร้องครางออกมาเบาๆ อย่างน่าสงสาร
ฉงต้าก็อยากให้ฉินสือโอวปลอบมันด้วยเช่นกัน แต่ฉินสือโอวนั้นกำลังร้อนใจกับการต่อสู้ที่ชายหาด แล้วเขาจะมีเวลาว่างที่ไหนมาเล่นกับมันกัน? เมื่อฉงต้าขึ้นมาจากชายหาด มันก็ยกอุ้งเท้าตะปบเข้าที่ก้นของหู่จือเบาๆ เพื่อที่จะให้หู่จือออกจากอ้อมกอดของวินนี่
พ่อของฉินสือโอวรีบวิ่งมาอย่างร้อนใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ไอ้เด็กเวร ทำไมแกพาห่านกลับมาถึงสองฝูงฮะ? ห่านขาวนั้นหวงอาณาเขตมากที่สุด นอกจากเจ้าของแล้ว ใครที่เข้าไปในที่ของมัน มันก็จะกัดคนคนนั้น ไม่อย่างนั้นคนเขาจะเลี้ยงพวกมันไว้เฝ้าบ้านทำไม?”
แม่ของฉินสือโอวพูดขึ้นด้วยความร้อนรนว่า “แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
นางเลี้ยงไก่เป็ดห่านมาครึ่งชีวิต มีประสบการณ์มากมายในการเลี้ยงสัตว์ปีก แต่ตอนนี้เกิดการต่อสู้ของห่านทั้งแปดร้อยตัว แน่นอนว่า ยังมีลูกห่านอีก เจ้าห่านตัวเล็กๆ พวกนี้ก็สามารถต่อสู้ได้ พวกมันตามห่านตัวใหญ่เข้าไปร่วมวงต่อสู้ด้วย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นั้นไม่ได้น้อยหน้ากว่าตัวใหญ่เลย
สถานการณ์การต่อสู้อุตลุดเช่นนี้ เหมือนกับการต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นในชนบท แต่แม่ของฉินสือโอวที่เป็นคนชนบทนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อปอหลัวที่นอนอาบแดดอยู่บนพื้นหญ้าเห็นการต่อสู้ที่วุ่นวายบนชายหาดมันก็นึกสนุกวิ่งเข้าไปร่วมด้วย ผลที่ได้นั้นไม่ต่างกัน ห่านหัวสิงโตตัวหนึ่งหันมาอ้าปากร้องใส่มัน
นี่อาจจะเป็นภัยพิบัติสำหรับมันที่ทำแบบนี้ เพราะปอหลัวคือใครกันล่ะ? เจ้าหนุ่มขี้หงุดหงิดคนนี้ ยกเท้าหน้าที่มีกีบของมันขึ้นเตะห่านตัวนั้นเพราะความเจ็บปวด ทำให้ห่านตัวนั้นลอยขึ้นบนฟ้าราวกับเครื่องบิน ร่างของมันลอยห่างไปไกล
แต่ว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บให้ห่านขาวมากนัก เพราะว่าห่านก็คือสัตว์ปีกชนิดหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่สามารถบินได้ แต่มันก็มีปีก หลังจากที่ถูกเตะมันก็กระพือปีกไปมาสองที แล้วตกลงบนทรายอย่างนุ่มนวลและไม่ได้บาดเจ็บอะไร
ห่านขาวไม่เป็นอะไร แต่ปอหลัวนั้นเป็น
ห่านหัวสิงโตนั้นสามัคคีกันเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันเห็นปอหลัวเตะเพื่อนของตัวเอง ห่านตัวใหญ่ที่อยู่รอบๆ ก็ส่งเสียงร้องออกมาทันที ราวกับเสียงคลื่นที่ซัดไปมา ห่านขาวหลายสิบตัวนั้นพุ่งเข้าไปล้อมปิดตายปอหลัวทันที
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ฉงต้าก็ปล่อยอุ้งเท้าหน้าที่กำลังกอดวินนี่อยู่ แล้วยกอุ้งเท้าขึ้นปิดตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว หู่จือและเป้าจือก็หดคอของตัวเอง ตาเล็กๆ ของพวกมันหลับตาปี๋อย่างไม่สามารถทนดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้
แม้กวางกวางอูฐจะเป็นสัตว์ป่าที่มีผิวหนังหนาและหยาบกร้าน แต่ก็ไม่สามารถทนพลังการโจมตีของเหล่าห่านขาวพวกนี้ได้ มันร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ปอหลัวนั้นวิ่งฝ่าฝูงห่านขาวที่อยู่ด้านหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันเห็นทะเลที่อยู่ข้างหน้า มันก็คิดได้ว่าผืนทะเลนี้เป็นที่ของมัน… สิ่งที่สัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตบนบกอื่นๆ ไม่สามารถทำได้เหมือนกวางอูฐคือ ทักษะในการว่ายน้ำและการดำน้ำ ปอหลัวไม่ลังเลเลยที่จะกระโจนลงไปในน้ำทะเล
น่าเสียดายที่ครั้งนี้มันคิดผิด ที่ของห่านหัวสิงโตก็เป็นในทะเลเช่นเดียวกัน…
นีลเซ็นคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดออกมาว่า “บอสครับ พวกเราไปเอาปืนมา แล้วยิงปืนสักสองนัดขึ้นฟ้าอาจจะทำให้พวกมันแยกย้ายได้”
“มันจะได้ผลไหม?”
“ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้วครับ พวกเราทำได้เพียงลองดูเท่านั้น”
ฉินสือโอวที่กำลังจะวิ่งเข้าไปในบ้านนั้น ก็เห็นนิมิตส์ที่ออกไปบินเที่ยวเล่นข้างนอกกลับมาพอดี มันเหมือนกับเป็นอัศวินที่บินผ่านน่านฟ้าเข้ามาพอดี มันมองไปยังเหตุการณ์วุ่นวายที่ชายหาดด้วยแววตาสับสน มันออกไปข้างนอกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำไมสภาพบ้านถึงได้เละเทะแบบนี้ล่ะ? นี่เป็นการบุกรุกข้ามสายพันธุ์งั้นหรือ?
การต่อสู้อันวุ่นวายที่อยู่บนพื้นดินนั้น ทำให้นิมิตส์ไม่กล้าที่บินลงไปเฉยๆ มันบินวนไปมารอบๆ บริเวณนั้นสักพัก
แต่ว่านกฟรีเกตนั้นเป็นนักล่าแห่งท้องนภา ปีกของมันกางออกมาอย่างหยิ่งผยองและแข็งแรง ความสง่างามของมันนั้นไม่ต่างอะไรกับนกอินทรีเลย
ห่านขาวพวกนั้นมองไปยังนิมิตส์ที่ดำลงน้ำไป จิตสำนึกของพวกมันนั้นสั่งให้ตัวเองไปหาเพื่อนของพวกมันอย่างรวดเร็ว พวกมันร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจกลัว
โดยเฉพาะลูกห่าน พวกมันก็เหมือนกับลูกเจี๊ยบ พวกมันต่างเป็นอาหารสำหรับผู้ล่าที่ตัวใหญ่กว่า ดังนั้นเมื่อเห็นนิมิตส์แลัวพวกมันก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้กันได้อีก ตอนนี้ต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดก่อน
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า แววตาของฉินสือโอวก็เป็นประกาย เขาผิวปากออกมาหนึ่งครั้ง นิมิตส์เก็บปีกแล้วบินโฉบลงมาเป็นแนวครึ่งวงกลม ฉินสือโอวยื่นแขนของตนออกไป เพื่อให้มันบินลงมาเกาะที่แขนของเขา
เมื่อไม่มีนกฟรีเกต เหล่าห่านตัวใหญ่ก็เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง
ฉินสือโอวชี้ไปยังห่านตัวใหญ่เหล่านั้น เขาออกแรงย่อตัวพลางลดระดับแขนลง จากนั้นก็สะบัดแขนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้นิมิตส์ได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
นิมิตส์เข้าใจในสิ่งที่ฉินสือโอวนั้นจะสื่อ มันกระพือปีก แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงจนถึงระดับหนึ่งร้อยเมตรจากนั้นมันก็เก็บปีกของตัวเองแล้วพุ่งลงมาเพื่อที่จะจับเหยื่ออย่างรวดเร็ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของนิมิตส์ ห่านตัวโตเต็มไว้ฝูงนั้นก็รีบกระพือปีกหนีและร้องออกมาด้วยความกลัวก่อนจะหนีไป
แต่นกที่อยู่บนบกนั้นมักจะเสียเปรียบต่อการโจมตีทางอากาศ นิมิตส์ที่โฉบลงมาจับเหยื่อนั้น กางกรงเล็บทั้งสองที่เหมือนตะขอเหล็กของตัวเองออกแล้วจับห่านตัวโตเต็มไว้ที่ดูเย่อหยิ่งก่อนหนึ่งตัว จากนั้นก็กระพือปีกเพื่อบินขึ้นอย่างรวดเร็ว
ห่านผู้โชคร้ายตัวนั้น ถูกนิมิตส์ผู้หยิ่งผยองพาไปโฉบวนไปมาบริเวณพื้นดินถึงสองรอบด้วยกัน พวกห่านที่เหลือไม่ว่าจะเป็นห่านไท่หูหรือห่านหัวสิงโต ต่างก็ร้องโวยวายและวิ่งไปมาอย่างอลหม่านเพราะความกลัว ตอนนี้พวกมันไม่มีเวลาที่จะมาคิดเรื่องต่อสู้แล้ว ต้องหนีเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อน!
เมื่อบินไปมาอยู่ครู่หนึ่ง นิมิตส์ก็ดึงร่างของห่านตัวนั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็คลายอุ้งเท้าของตัวเองแล้วโยนห่านผู้โชคร้ายตัวนั้นลอยขึ้นไปบนอากาศ
เจ้าห่านตัวนั้นตอนที่ถูกโยนขึ้นก็กลัวเกือบตายแล้ว นี่ยังต้องตกลงมาจากกลางอากาศอีก ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ยังดีที่พื้นข้างล่างเป็นหาดทรายอันอ่อนนุ่มทำให้มันยังรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้ แต่ว่ามันไม่กล้าทำตัวหยิ่งยโสอีกแล้ว มันนอนราบไปกับพื้นทรายแล้วเอาหน้ามุดทรายเพื่อแกล้งตาย…
การฆ่าห่านให้ห่านดูนี้ ทำให้ห่านไท่หูและห่านหัวสิงโตนั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ห่านทั้งสองสายพันธุ์ที่ถูกโดนไล่จนแตกกระเจิงนั้นแยกกันอยู่เป็นฝั่งซ้ายขวา ส่วนที่อยู่ตรงกลางนั้นคือ ห่านผู้โชคร้ายที่กำลังเอาหัวมุดทรายอยู่
นิมิตส์ไม่ได้สนุกกับการเล่นแบบนี้เลย มันรู้สึกไม่ดีที่จะต้องไล่ล่าฝูงห่าน และบางครั้งก็ต้องจับเหยื่อทีละตัวบินวนไปมาสองรอบแล้วก็โยนพวกมันลงมา ไม่นานทั่วทั้งสองฟ้าก็เกิดฝนห่านขาวตกลงมามากมาย ห่านตัวเล็กใหญ่ต่างหากันร้องด้วยความหวาดกลัวหนีไปหนีมา
เมื่อมันทำให้ห่านทั้งสองสายพันธุ์นั้นแยกกันได้ในที่สุด ฉินสือโอวก็ผิวปากเรียกให้นิมิตส์กลับมา
นิมิตส์บินโฉบผ่านหัวห่านเหล่านั้นให้พวกมันตกใจอีกครั้ง ราวกับจะเป็นการเตือนพวกมัน ในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่ที่ข้างๆ ฉินสือโอว ดวงตาอันเปล่งประกายของนิมิตส์กวาดมองไปยังห่านทั้งสองฝูงที่แยกกันอยู่ ราวกับว่ามันเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ปาน
“เด็กดี จัดการได้สวยงามมาก!” ฉินสือโอวกอดนิมิตส์และลูบขนให้มันอย่างรักใคร่
นิมิตส์นั้นเป็นนกที่ดี มันออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของฉินสือโอว จากนั้นมันคายปลาแฮร์ริ่งตัวเล็กๆ หนึ่งตัวออกมาจากถุงใต้คางให้ฉินสือโอว ทุกครั้งที่มันกลับบ้านมันก็จะนำปลากลับมาให้หนึ่งตัวทุกครั้ง
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset