ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 376 การมาเยือนเมืองบิ๊กแอปเปิล

เรือดำน้ำค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือน้ำทะเล แต่เพราะท้ายเรือได้รับการกระแทกอย่างแรง ตัวเรือจึงไม่สามารถรักษาสมดุลได้และทำให้เรือโคลงเคลงอยู่ในน้ำ
ฉินสือโอวเกลียดพวกที่อยู่ข้างในมากๆ พวกเขาน่ารังเกียจเกินไป แถมยังไม่เคารพชีวิตสักนิดเลย
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เฮยป้าหวังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาเลยสักนิด แต่คนพวกนี้กลับไล่ตามไม่เลิกรา พวกเขาแค่อยากฆ่าเฮยป้าหวังสุดๆ ฉินสือโอวคาดเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้ฆ่ามันเพื่อจับไปเป็นอาหารหรือเพื่อป้องกันตัวเองแน่ๆ แต่พวกเขาฆ่ามันก็เพื่อความสนุกเท่านั้น
สำหรับคนประเภทนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าจำเป็นต้องให้บทเรียนอันล้ำค่าแก่พวกเขาสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงทำให้เรือดำน้ำโคลงเคลงแล้วพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำทะเลก่อนจะกระแทกเรือหลายๆครั้งโดยที่เขาคอยมองดูอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เป็นเวลาแห่งความสนุก เรือดำน้ำที่โชคร้ายลำนี้โดนกระแทกอยู่ในน้ำจนโคลงเคลงอย่างกับขับรถบัมพ์ แถมคนที่อยู่ในเรือยังถูกกระแทกและกลิ้งอยู่ในน้ำอย่างต่อเนื่องด้วย เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ปล่อยให้คนที่อยู่ในเรือตีลังกาไปมา
ในที่สุดเรือดำน้ำก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ หลังจากอยู่ในตำแหน่งมั่นคงแล้วประตูทรงกลมที่ด้านบนสุดของเรือดำน้ำรูปฉลามวาฬก็ถูกเปิดออก จากนั้นผู้คนข้างในแย่งกันปีนออกมาพ่น ‘ฟู่ ฟู่’ ในปากไม่หยุด
ฉลามขาวยักษ์มีความสามารถอย่างหนึ่งคือมันสามารถยืนตัวตรงในน้ำและอ้าปากขนาดใหญ่เหนือน้ำได้
ที่มันทำเช่นนี้ได้ เพราะฉลามขาวยักษ์ชอบลาดตระเวนหาอาหารจากที่สูง และฉลามขาวยักษ์จะหาอาหารได้ดียิ่งขึ้นถ้าเอาหัวโผล่ขึ้นเหนือน้ำ
ทันทีที่คนเหล่านี้ปีนออกมา ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นที่สาดซัดไปทั่วทุกทิศทาง น้ำทะเลบางส่วนกระเซ็นใส่ใบหน้าของพวกเขา มีคนเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าราวกับเห็นผีแล้วตะโกนออกมา จากนั้นก็รีบมุดกลับเข้าไปในห้องผู้โดยสารเรืออีกครั้ง
เฮยป้าหวังยื่นหัวขึ้นมาจากในน้ำแล้วจ้องมองคนสองคนที่เหลืออยู่ด้วยสายตาเย็นชา ทั้งสองเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว ผู้ชายเป็นคนผิวขาวหน้าตาดี ส่วนผู้หญิงก็สวยและเซ็กซี่
แต่ตอนนี้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นดูซีดเซียว ส่วนผู้หญิงก็น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า การแต่งหน้าอย่างประณีตงดงามของเธอกลับถูกน้ำตาและเหงื่อที่ไหลออกมาทำให้ดูเละเทะไปหมด ผมเผ้าเองก็ยุ่งเหยิงอย่างกับผี
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของเฮยป้าหวัง ทั้งสองก็กอดกันด้วยความตกใจกลัวแล้วกรีดร้องขึ้น ฉินสือโอวพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาลาดตระเวนต่อไปอีกพักหนึ่ง จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครกล้าขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อสูดอากาศอีก เขาถึงจากไปได้อย่างสบายใจ
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาจากไปเพราะเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยได้บินมาถึงแล้วนั่นเอง
ดูเหมือนว่าคนในเรือเหล่านี้จะไม่ใช่แค่คนรวยทั่วๆไป คนรวยธรรมดาๆ ไม่น่าถึงกับให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเฮลิคอปเตอร์เฮช-53 ซีสตัลเลียนมาเพื่อช่วยเหลือได้ทันทีแบบนี้
แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉินสือโอวมากนัก ยังไงซะเขาก็แค่สั่งสอนคนไม่กี่คนแล้วก็กลับสู่ก้นทะเลอย่างพึงพอใจ
หลังจากพ่อและลูกชายสเตราส์กลับไปนิวยอร์กได้สองวัน พวกเขาก็โทรหาฉินสือโอว “ฉิน ผมได้ส่งจดหมายเชิญคุณมาร่วมงาน อีกสองวันที่คาร์เนกี้ฮอลล์ในเคาน์ตี[1]เดอะบร็องซ์ ของเมืองบิ๊กแอปเปิล พวกเราจะจัดงานแถลงข่าว และหวังว่าคุณจะให้เกียรติพาแฟนสาวมาเข้าร่วมด้วยนะ”
ฉินสือโอวรับปากด้วยความยินดี เขากับวินนี่ได้พูดคุยกันแล้ว จากนั้นวินนี่ก็โผเข้ากอดเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “พระเจ้า นี่ฉันต้องลางานอีกแล้วเหรอ ท่านนายกแฮมเล็ตต้องฆ่าฉันตายแน่ๆ”
ฉินสือโอวจูบเธอแล้วลูบผมที่นุ่มนวลของเธอก่อนจะพูดขึ้น “เขาไม่กล้าหรอก”
วินนี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่แน่นะ เพราะฉันลาหยุดยาวในช่วงคริสต์มาสไปแล้ว และอีกอย่างนักท่องเที่ยวในช่วงคริสต์มาสก็มีเยอะมากด้วย ท่านนายกก็ยังต้องการจัดงานเลี้ยงฉลอง เขาอยากให้ฉันไปเป็นพิธีกรอีก”
เมื่อนึกถึงวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน ฉินสือโอวก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อยใจ “วันคริสต์มาสคุณต้องกลับไปฉลองที่บ้านใช่ไหม? งั้นผมก็ต้องไปที่บ้านกับคุณด้วยสิ?”
บนใบหน้าของเธอมีสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เธอชำเลืองมองไปที่เขาแล้วพูดออกมา “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ผมรู้สึกกังวล” ฉินสือโอวลูบที่จมูก “ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของคุณจะยอมรับคนผิวเหลืองเป็นลูกเขยได้ไหม”
วินนี่ชี้นิ้วเรียวยาวออกมาแล้วพูดขึ้น “อย่างแรก พวกท่านไม่มีปัญหาเรื่องชนชาติ อย่างที่สองถ้าพวกท่านพูดอะไรมากกว่านี้ ฉันจะหนีออกจากบ้านและจากนี้ไปจะไม่กลับไปอีก!”
“โอ้ สาวน้อยที่รักของผม คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่หัวรั้นแบบนั้นสักหน่อย” ฉินสือโอวนวดให้เธอพลางกับหัวเราะขึ้นมาสุดเสียง
วินนี่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ เธอก้มหน้าแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่หรอกที่รัก พอถึงเวลานั้นคุณอาจจะเห็นฉันเปลี่ยนเป็นอีกคนก็ได้”
เคอร์ สเตราส์ให้เลขาช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้กับพวกเขาทั้งสอง ฉินสือโอวและวินนี่ขึ้นเครื่องบินจากเซนต์จอห์นมาลงจอดที่สนามบินลาการ์เดียนิวยอร์กโดยตรง
ในนิวยอร์กมีสนามบินทั้งหมดสามแห่ง สนามบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี สนามบินชั้นนำของอเมริกาเหนือ ส่วนสนามบินลาการ์เดียเป็นสนามบินขนาดเล็ก แต่อยู่ใกล้กับเดอะบร็องซ์มากที่สุด
เดอะบร็องซ์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดในบรรดาเขตเมืองทั้งห้าแห่งของนิวยอร์ก มันมีสวนสาธารณะและสนามกีฬาหลายแห่ง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันและละติน ดังนั้นที่นี่จึงค่อนข้างวุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ
คฤหาสน์ตระกูลสเตราส์ย่อมไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตเมืองนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ในแมนแฮตตัน แต่เหตุผลที่งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่นี่เป็นเพราะมีรูปปั้นอนุสรณ์สามีภรรยาสเตราส์ตั้งอยู่ในกลอรี่ เพลสแห่งนี้
หลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่ลงจากเครื่องบินก็มีคนขับรถลีมูซีนมารับพวกเขา ชาวนิวยอร์กมีประสบการณ์มากจริงๆ รถหรูคันนี้ปรากฏขึ้นที่สนามบิน แต่ผู้คนก็ทำเหมือนไม่ได้เห็นมันและยังคงทำสิ่งที่ตนเองทำอยู่ต่อไป
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถที่ยาวขนาดนี้ ผมจะทำยังไงให้เหมือนว่าผมใช้รถคันยาวนี้เป็นประจำดีล่ะ?” ฉินสือโอวถามวินนี่ด้วยน้ำเสียงกระซิบเบาๆ
วินนี่ดึงประตูรถออกให้ฉินสือโอวเข้าไปนั่งอย่างสง่างาม “คุณแค่ต้องแนะนำว่าฉันเป็นเลขานุการของคุณก็พอ แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าคุณเป็นคนรวยมาก”
“มันน่าอายเกินไป ผมรับไม่ไหวหรอก”
“งั้นคุณก็น่าสงสารแล้วล่ะ เพราะต่อจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะรบกวนคุณ”
ตลอดทางจนถึงเคาน์ตีเดอะบร็องซ์ รถได้วิ่งผ่านถนนทางหลวง สนามกีฬาแยงกี้ที่มีชื่อเสียง จนกระทั่งถึงคาร์เนกี้ฮอลล์ในที่สุด
นี่เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์เล็กๆ ที่สูงเพียงสามสี่ชั้น แต่กลับมีประวัติอันยาวนานและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
คอนเสิร์ตฮอลล์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแอนดรูว์ คาร์เนกี้ บุคคลที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกในปี 1890 เมื่อถึงช่วงเปิดทำการ ไชคอฟสกีได้ทำการแสดงนิวยอร์กซิมโฟนีออร์เคสตร้า ณ ที่แห่งนี้ ตั้งแต่นั้นมานักดนตรีระดับมืออาชีพเกือบทุกคนในโลกล้วนเคยทำการแสดงที่นี่และถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง
ด้านหน้าของคอนเสิร์ตฮอลล์จะเป็นกลอรี่ เพลส ที่มีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของสามีภรรยาคู่หนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง สามีภรรยาทั้งสองประสานมือกัน ทั้งคู่อิงแอบเข้าหากันด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนแทบจะดูไม่ออกเลยว่าพวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย
รูปปั้นนี้เป็นคู่สามีภรรยาสเตราส์ หลังจากเรือไททานิกล่มสลายในปี 1912 ก็ได้มีการจัดงานไว้อาลัยครั้งใหญ่ขึ้นที่กลอรี่ เพลส ในระหว่างงานนั้นมีการลงมติสร้างรูปปั้นคู่สามีภรรยาที่น่าสรรเสริญคู่นี้เพื่อแสดงถึงความเคารพ
ตระกูลสเตราส์ให้การต้อนรับฉินสือโอวอย่างสมเกียรติ เคอร์พาลูกชายและลูกสาวมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง ผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งก็รออยู่ด้านข้าง เมื่อฉินสือโอวพาวินนี่ลงจากรถก็เริ่มมีเสียงชัตเตอร์จากกล้องของบรรดาผู้สื่อข่าวสว่างวูบวาบขึ้นมา
เคอร์จับมือกับฉินสือโอว จากนั้นจึงอธิบายให้เขาฟัง “งานแถลงข่าวจะจัดขึ้นในช่วงเย็นและเรามีงานเลี้ยงต่อที่โรงแรมฮิลตัน ตอนนี้คุณมีเวลาพักผ่อนหกชั่วโมง คุณสามารถไปที่โรงแรมก่อนได้”
ฉินสือโอวส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรคุณสเตราส์ ผมกับแฟนของผมไม่ได้เหนื่อยอะไร ผมอยู่รอที่นี่ได้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ พอดีช่วงบ่ายมีการแสดงเปียโนในคอนเสิร์ตฮอลล์ เขาเป็นคนชาติเดียวกับคุณและเป็นนักเปียโนที่ยอดเยี่ยมมาก เขาชื่อว่าหลางหล่าง ถ้าคุณสนใจก็สามารถไปฟังได้” เคอร์กล่าว
…………………………………………………

[1] เคาน์ตี¹ (county) เป็นหน่วยย่อยของการปกครองในหลายประเทศ เคาน์ตีมักเรียกว่า เทศมณฑล มีฐานะรองลงจากรัฐ (ซึ่งมีรัฐบาลอิสระจากรัฐบาลกลาง) แต่ใหญ่กว่าหมู่บ้านหรือเมือง

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset