ภายใต้การแนะนำของพนักงานคนหนึ่ง ฉินสือโอวและวินนี่เลยเข้าไปในห้องจัดแสดงในช่วงที่กำลังพักการบรรเลงเปียโน ภายในมีผู้ฟังจำนวนไม่น้อย โดยครึ่งหนึ่งเป็นชาวจีน พอฉินสือโอวเดินเข้ามาแบบนี้จึงให้ความรู้สึกค่อนข้างกลมกลืน
พนักงานหาที่นั่งดีๆ ให้พวกฉินสือโอวทั้งสองคนตรงแถวหน้าริมฝั่งซ้าย ซึ่งใกล้กับเปียโนมาก
ผู้ที่นั่งอยู่หลังเปียโนเหลือบมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ และเมื่อเห็นวินนี่ที่สวมชุดกี่เพ้าหรูหรา ใบหน้าของเขาก็แสดงอารมณ์ที่ต่างออกไป ในแววตาเขาปรากฏร่องรอยของความตื่นตะลึง
งานบรรเลงเปียโนดำเนินต่อไป ฉินสือโอวฟังด้วยความเพลิดเพลิน ถึงแม้จะไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ แต่เขากลับรู้สึกว่าเปียโนบรรเลงเพลงได้ไพเราะจริงๆ
แต่เดิมเขาอยากจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาและมาเป็นหน้าม้าให้เพื่อนร่วมชาติสักหน่อย แต่หลังจากได้ฟังเขากลับเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าวินนี่เสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่แห่งนี้เงียบสงัด เขายังอยากจะลุกขึ้นปรบมืออยู่หลายครั้ง
หลังจากฟังบรรเลงเปียโนจนจบก็มีพนักงานมาพาฉินสือโอวกับวินนี่ออกไป คราวนี้พวกเขาไปที่ห้องโถงใหญ่เลย เพราะงานแถลงข่าวจัดขึ้นที่นี่
สองพ่อลูกสกอตต์กำลังพูดคุยกับนักข่าวบางส่วนเบาๆ หลังเห็นฉินสือโอวจึงกวักมือเรียกและแนะนำนักข่าวบางส่วนให้แก่ฉินสือโอว พวกเขาล้วนเป็นพวกสำนักข่าวใหญ่อย่างนิวยอร์กไทมส์ อเมริกันโพสต์และฟิลาเดลเฟียเซนติเนล
ฉินสือโอวเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญของงานแถลงข่าวครั้งนี้ หลังจากเริ่มงานแถลงข่าว อันดับแรกเคอร์ได้แสดงภาพจดหมายครอบครัวในรูปแบบหนังสือจำลองอิเล็กทรอนิกส์บนจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ในงานชั่วคราว
บนหนังสือฉบับจำลองยังพิมพ์อักษรไว้หนึ่งแถว ‘Many waters cannot quench love, Neither can the floods drown it’ ซึ่งแปลว่า ‘คลื่นที่โหมกระหน่ำไม่อาจบดบังความรักเอาไว้ได้’
นี่คือสิ่งที่ถูกจารึกไว้บนป้ายฝังศพของคู่สามีภรรยาสเตราส์เพื่อสรรเสริญความรักอันลึกซึ้งของสามีภรรยาคู่นี้
จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “เวลาผ่านมากว่าร้อยปี ตระกูลของพวกเราก็ได้รับหนังสือครอบครัวจากบรรพบุรุษที่ทิ้งไว้บนไททานิก ซึ่งเป็นสิ่งสวยงามหาใดเปรียบ…”
สมแล้วที่สกอตต์ได้เป็นประธานใหญ่ เขาช่างมีความสามารถในการกล่าวสุนทรพจน์เสียจริง แม้คำพูดจะกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกฮึกเหิม และสุดท้ายเขาได้เชิญฉินสือโอวขึ้นไปพูดบนเวที
ฉินสือโอวจึงต้องขึ้นไปยังแท่นประธานทั้งอย่างนี้ พวกตากล้องด้านล่างเวทีต่างก็พยายามถ่ายรูปกันอย่างเอาเป็นเอาตายขณะที่รอยยิ้มแข็งทื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉินสือโอว เขาไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
เขาสูดลมหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาตามสคริปต์ที่วินนี่เตรียมไว้ให้แก่เขา ว่าแล้วฉินสือโอวก็เริ่มกล่าว
“ขอบคุณคุณสเตราส์ที่เชิญผมมานะครับ ความจริงแล้วผมแค่ทำในเรื่องที่ควรทำเท่านั้นเอง ผมคิดว่าผมไม่ได้เก็บจดหมายครอบครัวอันมีค่าฉบับนี้ขึ้นมาได้โดยบังเอิญ หากแต่เป็นพระเจ้าที่ชี้นำผม หลังจากผมเก็บมันขึ้นมาได้ผมจึงนำมันมาคืนให้แก่ตระกูลสเตราส์…”
“สำหรับผมแล้ว นี่ไม่ได้เป็นแค่จดหมายครอบครัว แต่เป็นเหรียญแห่งเกียรติยศ เหรียญที่เปล่งประกายไปด้วยเกียรติภูมิของความเป็นมนุษย์ เหรียญนี้เป็นของคู่สามีภรรยาสเตราส์และเป็นของคุณแอสเตอร์ นักข่าวอาวุโสสเต็ด พันเอกทหารบาร์ต วิศวกรโรเบอร์และคนอื่นๆ…”
“เมื่อหวนคิดไปถึงช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น ล้วนเป็นพวกเขาเหล่านี้ที่ขานรับต่อบาทหลวงเฮาโบ้และยอมสละที่นั่งของตนเองบนเรือชูชีพให้กับพวกหญิงสาวชาวนายากไร้ที่ไม่รู้แม้แต่ตัวหนังสือ บนหัวโพกผ้า และยังสวมเพียงรองเท้าไม้ การกระทำของพวกเขาเหล่านี้สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญและเปล่งประกายไปตลอดกาล!”
“เมื่อเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ผมเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ได้แต่เงยหน้ามองความมีมนุษยธรรมของพวกเขาเหล่านี้เท่านั้นเอง!”
ตอนจบของสุนทรพจน์ที่ชวนให้รู้สึกประหม่าถูกกล่าวออกไป ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตื่นเต้นจนแทบตายจริงๆ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะพวกนักข่าวต่างพากันปรบมือ และสองพ่อลูกสเตราส์ก็พากันยกนิ้วโป้งให้เขา
ฉินสือโอวจบสุนทรพจน์ของเขา ส่วนเรื่องที่เหลือต่อจากนั้นก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้ว พวกช่างภาพพากันถ่ายรูป ส่วนนักข่าวก็สัมภาษณ์พ่อลูกสเตราส์ต่อ หลังจากนั้นจึงจบพิธีการแล้วเตรียมพร้อมในส่วนของงานเลี้ยงช่วงค่ำ
งานเลี้ยงช่วงค่ำน่าสนใจกว่างานแถลงข่าวหลายเท่า ตอนที่ฉินสือโอวและวินนี่ไปถึงโรงแรม ทันทีที่ก้าวเข้าประตูไปก็เจอกับชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง นักแสดงยุคทองคนแรกแห่งฮอลลีวูด แจ็คแห่งไททานิก ลีโอนาร์โด วิลเฮล์ม ดิแคพรีโอ
เมื่อได้เผชิญหน้ากับลีโอนาร์โด ฉินสือโอวก็เพียงยิ้มอย่างสุภาพ จากนั้นค่อยพาวินนี่เดินออกไป แต่หลังจากเดินห่างไปได้สักพักทั้งสองก็เริ่มถกเถียงกันอย่างดุเดือด
“พระเจ้า ลีโอนาร์โดหล่อมาก ดูดีจริงๆ”
“ขอร้องล่ะฉิน นั่นควรจะเป็นประโยคที่ฉันต้องพูดหรือเปล่า? คุณเป็นผู้ชายนะ ฉันต่างหากที่เป็นผู้หญิง”
“เขาหล่อจนไม่ต้องแยกชายหญิงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปขอถ่ายรูปคู่กันดีไหม? แล้วฉันจะเอาไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์ มันต้องเจ๋งมากแน่ๆ”
“นั่นน่าอายเกินไปหน่อยหรือเปล่า หรือไม่ให้ฉันทำเป็นชนเขาสักทีแล้วถือโอกาสชวนคุยสักสองสามคำ จากนั้นค่อยชวนถ่ายรูปคู่ดีไหม”
“เอ่อ ฉิน ฉันรู้สึกว่าเราสองคนดูเป็นคนจนๆ และโง่เง่าอะ”
“คุณรู้จักสองคำนี้ด้วยเหรอ”
“ที่รักคะ เพื่อคุณแล้วฉันให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจีนมาตลอด โอเคไหมคะ?”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเบิกบานใจกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาทางตนเอง เมื่อหันไปมองก็พบชายชราผอมแห้งผมขาวโพลนที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นตาแต่เขากลับไม่รู้จัก
“คนนั้นคือดาราเก่าที่ไหนเหรอ น่าจะมีชื่อเสียงหน่อยใช่ไหม” ฉินสือโอวกระซิบถามวินนี่
วินนี่หันไปมอง หลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือมาดังเสื้อเขาแล้วเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ก่อนพูดขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณแคเมรอน เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบคุณ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองปล่อยไก่เสียแล้ว คนที่มีนามสกุลแคเมรอนแล้วสามารถมางานเลี้ยงค็อกเทลนี้ได้ยังจะเป็นใครไปได้นอกจากเจมส์ แคเมรอน ผู้กำกับใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด!
แคเมรอนและวินนี่พูดทักทายกันพอเป็นพิธีสองสามประโยค เมื่อฉินสือโอวเดินเข้ามา เขาก็เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปแล้วยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “คุณคงจะเป็นคุณฉินที่สกอตต์เอ่ยชื่นชมสินะครับ ดีใจที่ได้พบคุณนะครับ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ขอบคุณ” ฉินสือโอวตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือเจมส์ แคเมรอนเชียวนะ ราชาในโลกผู้กำกับแห่งวงการฮอลลีวูด ภาพยนตร์ที่เขาไล่ตามดูมากมายเมื่อก่อนล้วนเป็นภาพยนตร์ที่คนคนนี้สร้างขึ้นทั้งนั้น
เมื่อมีแคเมรอน ก็ต้องมีลีโอนาร์โด เพราะทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นอย่างมาก จากนั้นแคเมรอนจึงโบกมือเรียกลีโอนาร์โดเข้ามา ลีโอนาร์โดจับมือกับฉินสือโอวแล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าตอนแรกที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้พวกเรามีจดหมายฉบับนี้ด้วย มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
หลังจากนั้นคนที่มาร่วมงานก็มากขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้ตระกูลสเตราส์ก็มีหน้ามีตามาก คนที่พวกเขาเชิญมาในงานเลี้ยงไม่ใช่คนร่ำรวยก็เป็นดาราใหญ่ มีทั้งดาราบันเทิงและดารากีฬา
เวลาหนึ่งทุ่มตรง เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม งานเลี้ยงค็อกเทลจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สกอตต์หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาแล้วกล่าวเปิดงานเลี้ยง
“เพื่อนๆที่รักทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลสเตราส์จัดขึ้น ร้อยปีที่แล้วพวกเราเคยรวมตัวกันที่นี่เพื่อไว้ทุกข์แก่เหยื่อของไททานิก ร้อยปีต่อมาพวกเรามารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งเพื่อระลึกถึงผู้เป็นที่รักที่จากไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม…”
“สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นตัวแทนของคนในตระกูลเพื่อแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้ทุกคนได้รู้จัก คุณฉินสือโอวชายหนุ่มผู้ร่ำรวยจากรัฐนิวฟันด์แลนด์ ชายหนุ่มผู้ทรงพลัง ซื่อตรงและมีรสนิยม ชายหนุ่มที่แสนจะยอดเยี่ยม!”
สกอตต์ยกแก้วไปทางฉินสือโอว ทุกคนต่างพากันปรบมือ ฉินสือโอวตกเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงจับมือวินนี่แล้วลุกขึ้นคำนับ
ชั่วขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังแว่วมา “หนุ่มคนนี้เป็นคนที่ใจบุญคนหนึ่งเลย เขาเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
คนที่สามารถพูดแทรกในขณะที่เจ้าของงานยังพูดอยู่ได้ หากไม่เป็นคนชอบท้าทาย ก็เป็นพวกใหญ่โตพอตัว
ฉินสือโอวเหลือบมองตามเสียง โอ้ บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างประธานกลุ่มวอลมาร์ตก็มาด้วย คนที่พูดออกมาก็คือวอลตันที่เจอกันที่บอสตันในคราวนั้นนั่นเอง
แน่นอนว่าวอลตันต้องใหญ่อยู่แล้ว กลุ่มวอลมาร์ตภายใต้การนำของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าบริษัทสินค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้าเมย์ซีของตระกูลสเตราส์เสียอีก แต่ทุกคนต่างก็บอกว่าคนในสายอาชีพเดียวกันมักเป็นคู่แค้นกัน วอลมาร์ตและห้างสรรพสินค้าเมย์ซีสามารถพูดได้ว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่ไม่คาดคิดว่าประธานทั้งสองฝั่งกลับมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลย
หลังจากแนะนำตัวฉินสือโอวเสร็จแล้ว งานเลี้ยงค็อกเทลก็เข้าสู่ส่วนที่สำคัญที่สุด ทุกคนต่างพากันเข้าหาผู้สนทนาที่ตนเองสนใจ
………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 377 ชายหนุ่มที่แสนยอดเยี่ยม
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!