บทที่ 95 เพียงแค่โตแล้วเท่านั้น
โดย
Ink Stone_Fantasy
กลับถึงบ้านพัก ฉินสือโอวรีบเปิดอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลของหอยทาก Entemnotrochus rumphii ดูจากรูปภาพของหอยทาก Entemnotrochus rumphii ที่มีการค้นพบก่อนหน้านี้ หอยตัวใหญ่ที่เขาให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือส่งไปที่พืดหินปะการังก็คือหอยชนิดนี้ไม่ผิดแน่นอน
อีกอย่าง จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ถึงปัจจุบันหอยทาก Entemnotrochus rumphii ขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกค้นพบนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางคือ22มิลลิเมตร แต่ตัวที่เขาเห็นมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกมิลลิเมตร ถือเป็นบันทึกใหม่ในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าต้องมีค่ามาก
สิ่งที่มีค่ามากถึงมากที่สุดก็คือ หอย Entemnotrochus rumphii ที่เขาค้นพบนั้นยังมีชีวิตอยู่ มันอาจจะมีตกใจสุดขีดบ้างที่ถูกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนืออมไว้ในปาก นอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าไม่มีปัญหาถึงชีวิตอันใด
ฉินสือโอวรีบแผ่พลังโพไซดอนให้กับหอยตัวนั้น เมื่อมันได้รับพลังแล้ว ก็สงบลงทันที พอมันโผล่หัวออกจากเปลือกมามองไปรอบๆ ก็พบว่าพืดหินปะการังรอบตัวนั้นกลับเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเล มันดีใจขึ้นมากะทันหัน แล้วเริ่มคลานไปกินใบอ่อนสาหร่ายทะเลอย่างกับหอยทาก
เท่านี้ ฉินสือโอวก็วางใจได้ จากการค้นคว้าของเขา หอยทากทะเลชนิดนี้มีค่ามหาศาล คนไต้หวันเรียกพวกมันว่า ‘ทากเศรษฐีเงินล้าน’ หมายความว่าหากชาวประมงคนไหนสามารถหาหอยทากชนิดนี้พบ ก็สามารถกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ในพริบตานั่นเอง
ในท้องตลาดไม่มีการตั้งราคาของหอยทาก Entemnotrochus rumphii ชนิดนี้ เพราะหาซื้อไม่ได้ ประวัติการซื้อขายล่าสุดของหอยชนิดนี้คือปี 2006 เป็นการซื้อขายของพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติในไมอามีสหรัฐอเมริกาที่ซื้อหอยชนิดนี้มาจากนักสะสมของคนหนึ่ง เป็นเปลือกหอยทากที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบหกมิลลิเมตร ซื้อมาในราคา 8 หมื่นเหรียญดอลลาห์สหรัฐ!
เห็นได้ชัดเจนว่า หอยทาก Entemnotrochus rumphii ตัวเป็นๆที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง25มิลลิเมตรนั้น จะมีราคาเท่าไร? ถ้าบอกว่าเป็นราคาสูงเท่าฟ้า ก็ไม่ถือว่าเกินไป
“ตัวนำโชคจริงๆ” ฉินสือโอวพูดถึงปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือด้วยเสียงทอดถอนใจ หากไม่ใช่ความตระกละของเจ้าตัวนี้ ตัวเขาก็ไม่คงไม่มีวันได้เจอหอยทากตัวนี้ ว่าแล้วก็แผ่พลังโพไซดอนไปให้กับปลาทูน่าน้อยใหญ่ทั้งหลาย เพื่อเป็นรางวัลด้วย
นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำจึงเข้าอินเทอร์เน็ต เปิดQQ รูปโปรไฟล์ของเพื่อนสมัยเรียนหลายคนก็เริ่มสั่นดุ๊กดิ๊กไปมา ของเหมาเหว่ยหลงสั่นถี่กว่าใครเพื่อน
“ฉินโซ่ว วันหยุดของฉันออกแล้วนะ วันเด็กจะบินไปหานายที่นั่น ถึงตอนนั้นจะไปฉลองวันเด็กกับนายแล้วกัน”
วันเด็กตรงกับวันที่หนึ่งเดือนมิถุนายน มีเวลาเหลือเพียงอาทิตย์เดียวแล้ว
นอกนั้นก็ยังมีเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกคน ชื่อหลีเหล่ย หมอนี่ทักมาทีไรก็สักแต่ยืมเงิน ถึงแม้จะไม่ได้ขอยืมตรงๆ แต่อ่านจากที่เขาพูดว่าตอนนี้ชีวิตของเขาไม่ค่อยราบรื่น ก่อนหน้านี้ได้ลาออกจากงาน ทำให้ไม่มีเงินใช้แล้ว เมื่อได้ยินว่าฉินสือโอวมีฐานะแล้ว จึงอยากขอเงินมาประทังชีวิตก่อน
เมื่อเห็นข้อความนี้แล้ว ฉินสือโอวส่ายหัวทันที เขาไม่ให้ยืมเงินหรอก ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนตระหนี่ ความจริงสำหรับเขาในตอนนี้เงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น แถมมีพลังโพไซดอนติดตัวอยู่แบบนี้ เขาจะเงินขาดมือได้อย่างไร?
ทั่วทั้งมหาสมุทรก็คือโกดังของเขา ปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ ยังมีหอยทาก Entemnotrochus rumphii ที่เขาเพิ่งค้นพบอีก ปลาพวกนี้ต่างก็มีค่าทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นในห้องนอนของเขายังมีตราประทับที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติแห่งชาติอยู่ด้วยอีก
แต่ว่าเขาในตอนนี้ไม่ควรให้ใครยืมเงิน ขอแค่ให้คนหนึ่งยืม หลังจากข่าวกระจายออกไปแล้ว ทางเขาต้องลำบากอย่างแน่นอน เพราะชีวิตเพื่อนนักเรียนของเขาต่างก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ประเทศจีนตอนนี้ค่าที่แพง ค่าของก็แพง ใครบ้างที่จะเงินไม่ขาดมือ? ถึงตอนนั้นทุกคนต่างก็มายืมเงินกับเขา เขาจะทำอย่างไร?
ให้ยืมเหรอ? หากให้ยืมทุกคน ตัวเขาก็ไม่ใช่มูลนิธิการกุศล แต่หากไม่ให้ยืม อย่างงั้นคงต้องบาดหมางกันแน่!
ฉินสือโอวจำใจตัดใจไม่ช่วยเหลือหลีเหล่ย สมัยมัธยมปลายความสัมพันธ์พวกเขาค่อนข้างดี หลีเหล่ยโตมาโดยในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และเพราะอยู่บ้านนอกด้วยสถานะทางบ้านจึงไม่ค่อยดี
แต่ว่าเขาเป็นคนฉลาด สมัยอยู่มัธยมปลายผลการเรียนของเขาสูงพอๆกับฉินสือโอว เพราะทั้งสองมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกัน ทำให้ได้มาเป็นเพื่อนกัน
หวนนึกถึงเรื่องเก่าในสมัยเรียนมัธยมแล้ว ฉินสือโอวเริ่มใจอ่อนขึ้นมา จากมัธยมปลายจนถึงตอนนี้ เพื่อนที่ติดต่อกันได้ก็มีมากอยู่ แต่เพื่อนที่ยังคุยติดต่อกันบ้างนั้นกลับมีน้อยนัก
ในเวลานี้เอง ขณะที่เขากำลังเลื่อนดูไทม์ไลน์ของเพื่อนๆ อยู่นั้น ก็เห็นมีคนเขียนคำพูดหนึ่งลงไว้ในไทม์ไลน์ว่า
“ตอนเขาเก็บกวาดบ้านอยู่นั้นได้เจอกับทหารของเล่นมากมาย ทหารจิ๋วเหล่านั้นมีชีวิตขึ้นมา เอะอะโวยวายว่าจะไปทำสงครามเพื่อจะเอาเครื่องบิน เขาจึงพับกระดาษเครื่องบินให้หลายลำ พวกเขาดีใจมาก แล้วยื่นรูปมาอีกใบบอกว่าผู้บังคับบัญชาของเขาหายตัวไป คุณเก่งขนาดนี้ ช่วยพวกเขาด้วยเถอะ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง บอกพวกเขาว่าผู้บังคับบัญชาของพวกเธอไม่กลับมาแล้ว ทหารจิ๋วทั้งหลายร้องไห้ ถามเขาว่า ผู้บังคับบัญชาสละชีพแล้วเหรอ? เขาตอบไปเสียงเบาว่า ไม่ใช่ เขาแค่โตแล้ว”
เขาแค่โตแล้ว ฉินสือโอวจ้องมองหน้าจอด้วยท่าทีจังงัง เสมือนมองเห็นใบหน้าของคนที่เป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น เคร่งขรึมบนหน้าจอ ใบหน้านี้ไม่ได้น่ารังเกียจ แต่ว่าไม่หลงเหลือซึ่งความไร้เดียงสาและความไม่ยั้งคิด ทำให้เขารู้สึกไม่อยากยอมรับตัวเองขึ้นมา
ทันใดนั้น ฉินสือโอวรู้สึกเศร้าโศกในใจ เขาเอามือกุมหัวนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้ หู่จือเป้าจือที่เล่นกันอยู่ข้างๆเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็รีบวิ่งเข้ามา เกาะเข่าเขาแล้วยืนขึ้น แล้วแลบลิ้นเลียไปที่ฝ่ามือเขาไปมา
“เด็กดี! เด็กดี! เด็กดี!” ฉินสือโอวกอดหัวเจ้าสองตัวนี้แล้วลูบไปที่ขนบนคอของพวกมัน หู่จือกับเป้าจือก็ใช้ลิ้นเลียไปที่หน้าของเขา ร้องเสียง ’หงิงๆ’อยู่ในลำคอ เสมือนกำลังปลอบใจเขาอยู่
ฉินสือโอวรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เขาเห็นรูปโปรไฟล์เพื่อนสมัยมัธยมปลายคนหนึ่งขื่อสวีเจ๋อเหวินออนไลน์อยู่ จึงกดคลิกไปเพื่อทักทาย “พี่เหวิน ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
สวีเจ๋อเหวินตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า “ฉินโซ่วนี่เอง เฮ้อ จะเป็นอย่างไรได้อีก แรงกดดันจากที่ทำงานเยอะ แรงกดดันจากชีวิตก็เยอะ จะไม่ไหวแล้ว! ได้ข่าวว่านายไปอยู่ที่แคนาดาเหรอ? ดูจากไทม์ไลน์นายกลายเป็นเศรษฐีแล้วนี่ เรื่องเป็นมาอย่างไร?”
“เศรษฐีอะไรกัน ก็แค่มาเรียนรู้วิธีเลี้ยงปลาจากคนที่นี่ ชีวิตฝรั่งก็อย่างนี้ ชอบสังสรรค์ จัดปาร์ตี้อะไรพวกนี้ ทำให้ดูเหมือนมีชีวิตที่ดี เอ้อ พี่กับหลีเหล่ยยังติดต่อกันอยู่ไหม?”
“หลีเหล่ยเหรอ? ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ปีที่แล้วไอ้หมอนี่มายืมเงินฉันห้าร้อยหยวนบอกว่าไม่มีเงินฉลองปีใหม่ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ทำไมเหรอ? เขามายืมเงินกับนายใช่ไหม? ให้ตายสิ อย่าให้เขายืมเชียวนะ ไอ้หมอนี่ไม่สู้งาน หัวสูง คิดแต่อยากรวยทางลัด ได้ข่าวว่าตอนนี้ติดลอตเตอรี่หรืออะไรนี่แหละ ไว้ใจไม่ได้”
ฉินสือโอวฟังแล้ว รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในสายตาของเขาหลีเหล่ยถือเป็นคนที่น่าจะประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดาเพื่อนสมัยมัธยม เพราะบ้านฐานะยากจน เขาจึงเด็กที่วุฒิภาวะโตเกินวัย อีกอย่างหลีเหล่ยเป็นคนฉลาดมาก ฉลาดบวกกับลำบากก็ควรจะเท่ากับประสบความสำเร็จ
เสียดายที่เขามองคนผิดไป หลีเหล่ยกลับเป็นคนที่หนักไม่เอาเบาไม่สู้ไปเสียได้
จากที่สวีเจ๋อเหวินเล่า ฉินสือโอวเพิ่งได้รู้ว่าหลังจากหลีเหล่ยเรียนจบปริญญาตรีแล้วได้เปลี่ยนงานมากกว่าสิบบริษัทในเวลาสั้นๆเพียงสี่ปีเท่านั้น และไม่มีงานไหนที่เขาทำงานเกินครึ่งปีด้วย ส่วนมากก็จะลาออกหรือไม่ก็ถูกเชิญออกในช่วงทดลองงานหนึ่งถึงสองเดือน
หลังจากได้รู้เรื่องเหล่านี้แล้ว ฉินสือโอวลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วติดต่อไปหาเหมาเหว่ยหลง บอกวิธีการติดต่อหลีเหล่ยให้เขาแล้วบอกว่า “นี่คือเพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉันคนหนึ่ง มาขอยืมเงินฉัน ฉันไม่สะดวกออกหน้า แกคิดหาวิธีส่งเงินให้เขาสักพันสองพันหยวนนะ”
เหมาเหว่ยหลงเข้าใจถึงสถานะของฉินสือโอวในตอนนี้ จึงพูดอย่างทันทีว่า “ได้ รอดูนะ พอฟ้าสางฉันตื่นนอนแล้วจะจัดการให้แกทันที”
“ที่นั่นยังเป็นตอนกลางคืนอยู่เหรอ?” ฉินสือโอวเพิ่งนึกขึ้นได้
“พับผ่าสิไอ้ฉินโซ่ว นี่แกเพิ่งรู้ว่าเวลาของพวกเรานั้นสลับกันอยู่หรือว่ายังไง? ให้ตายเถอะ ทางนี้กำลังหลับฝันดีฝันว่าได้แต่งหญิงอยู่เชียว แล้วแกก็มาทำให้โทรศัพท์ดังกริ๊งกร๊างขึ้นมา”
“กู้ดไนท์ ขอให้หลับฝันดี” ฉินสือโอวรู้สึกผิดรีบวางสาย ปฏิกิริยาเหมาเหว่ยหลงตอนแรกกับตอนหลังต่างกันมากไป จากประสบการณ์ของเขาหากยังฟังต่อไปเจ้าหมอนี่ต้องเปิดฉากด่าว่าไม่หยุดแน่
จัดการเรื่องนี้เสร็จ ในใจฉินสือโอวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ก็เล่นเน็ตต่ออีก ผ่านไปสักพัก หู่จือและเป้าจือที่เล่นหยอกล้อกันอยู่ก็หูผึ่งแล้ววิ่งออกไปพร้อมกัน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าตกใจของฉงต้าที่ดัง ‘อู้อู้’
ขณะที่ฉินสือโอวกำลังแปลกใจว่าใครมาหา ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กคนหนึ่งดังมาเข้าหูเขา
……………………………………………