ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 104 ใต้ท้องทะเลอันรุ่งเรือง

บทที่ 104 ใต้ท้องทะเลอันรุ่งเรือง
โดย
Ink Stone_Fantasy

ขณะที่ขบเคี้ยวเนื้อของเพรียงอยู่นั้น น้ำที่อยู่ในเนื้ออันสดอร่อยก็แตกกระจายออกมาข้างในปาก ถึงแม้ฉินสือโอวจะคุ้นเคยกับการกินอาหารทะเลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงคิดว่ารสชาตินี้ยอดเยี่ยมมาก มากจนกระทั่งตัดใจกลืนลงไปไม่ลง
มิน่าล่ะของน่าเกลียดขนาดนี้ยังสามารถขายได้กิโลกรัมละหนึ่งร้อยยูโร คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายจริงๆ
ในความรู้สึก คิดว่าเพรียงตีนเต่าเป็นอาหารทะเลที่มีราคาแพงที่สุด แต่เมื่อมองให้ดีแล้วกิโลกรัมละหนึ่งร้อยยูโรก็ไม่แพงเท่าไร เพราะปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ หอยเป๋าฮื้อ ปลาจวดและหอยงวงช้าง ต่างก็มีราคาที่สูงกว่าเพรียงตีนเต่ามาก
แต่คุณจะต้องรู้ว่าเปลือกด้านนอกของเพรียงตีนเต่านั้นทั้งหนาและหนัก ในความเป็นจริงแล้วเพรียงตีนเต่าหนึ่งกิโลกรัมสามารถมีเนื้อสดๆออกมาได้หนึ่งร้อยกรัมก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
ฉินสือโอวกินเนื้อเพรียงไปแล้วสองคำ ทันใดนั้นก็หันมาเห็นว่าหลังจากที่เชอร์ลี่ย์แกะเพรียงของตัวเองแล้วก็ได้เอาเนื้อแบ่งให้กับหู่จือและเป้าจือ
เจ้าสองตัวนั้นจะรู้จักการลิ้มรสได้ที่ไหนกัน? สุนัขที่หิวอย่างพวกมันเมื่อกินเข้าไปในปากก็กลืนเข้าไปทั้งอันแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็สามารถชิมความอร่อยของเจ้าสิ่งนี้ได้ หลังจากนั้นพวกมันก็ใช้ลิ้นเลียปากและมองไปที่เชอร์ลี่ย์อย่างเฝ้ารอ
 “สายน้อย ของนี่ไม่มีพิษ ไม่จำเป็นต้องให้สุนัขมาชิม” ซีมอนสเตอร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดหยอกล้อ
สีหน้าของเชอร์ลี่ย์จึงเขินอายขึ้นมาทันทีทันใด เธอพูดอธิบายด้วยเสียงเบาๆ “วันนี้พวกสุนัขก็ไปช่วยด้วย พวกมันทำงานแล้ว ก็ควรจะได้เสพสุขกับผลลัพธ์จากงานที่ทำ ไม่ใช่เหรอคะ?”
เออร์บักมองเธออย่างชื่นชม เขายิ้มและพูดออกมา “เธอพูดถูก ลูกเอ้ย สิ่งที่เธอทำก็ถูกต้องมาก”
พาวลิสและเด็กคนอื่นๆก็เอาเนื้อเพรียงที่อยู่ในมือแบ่งให้กับสุนัขเช่นกัน หู่จือและเป้าจือจึงดีใจ หมุนซ้ายทีขวาที กินจนลุ่มหลงและเพลิดเพลินในความสุข
เมื่อถึงเวลากินข้าวจะขาดฉงต้าไปไม่ได้เลย เจ้าหมีที่ไม่รู้ว่าตอนเช้าไปหลบอยู่ที่ไหนก็ได้วิ่งมาอย่างรวดเร็วด้วยสี่ขาที่สั้นและเล็ก ส่งเสียงร้อง “โฮก โฮก และกอดไปที่ขาของฉินสือโอวแกว่งไกวไปมา
ฉินสือโอวแคะเนื้อเพรียงออกมาหนึ่งชิ้นและวางไว้ตรงหน้าของฉงต้า ดวงตาที่เล็กของฉงต้าได้จ้องมองจนตาจะกลมเป็นลูกบอลอยู่แล้ว มันอ้าปากอันใหญ่และอยากที่จะกลืนกิน
แต่สุดท้าย ขณะที่มันกำลังจะกัดถึงเนื้อเพรียง ฉินสือโอวก็ได้รีบเก็บกลับมา และค่อยๆวางเข้าไปในปากของตัวเอง เขามองไปที่ฉงต้า หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ตอนเช้าแกไม่ได้ทำงาน ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับแก แกกินสเต๊กเนื้อวัวน่าจะดีกว่า”
ฉงต้ากะพริบตาปริบๆอย่างซื่อบื้อและกลิ้งไปมาอยู่ที่พื้นเพื่ออ้อนวอนขออาหารอย่างไม่ลังเลใจ
มิเชลล์จึงเอาเนื้อเพรียงในส่วนของตัวเองแบ่งให้กับฉงต้า ฉงต้าก็ยังรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ดูเหมือนมันก็รู้ว่าพฤติกรรมก่อนหน้านี้ที่ได้ทำให้เด็กเหล่านี้ตกใจกลัวนั้นน่าอายมาก มันจึงเข้าไปอย่างช้าๆและคาบเนื้อเพรียงกินลงไป ซึ่งไม่เหมือนกับเวลาที่มันเผชิญหน้ากับฉินสือโอวที่สามารถสู้หน้าได้เต็มที่
แต่ว่าความอร่อยของเพรียงนั้นเอาชนะมันได้อย่างราบคาบ ตุ่มรับรสของหมีสีน้ำตาลเป็นสิ่งที่พัฒนาที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดาสัตว์ มันสามารถจำแนกความแตกต่างของรสชาติเลือดระหว่างปลาแซลมอนตัวผู้และปลาแซลมอนตัวเมียได้
ความสดอร่อยของเพรียงได้โจมตีกับตุ่มรับรสของมัน ฉงต้าจึงบ้าไปแล้วจริงๆ มันกรีดร้องและจ้องมองเนื้อเพรียงที่อยู่ในมือของคนสี่ห้าคนจนลานตาไปหมด
ความอยากอาหารของหมีสีน้ำตาลนั้นมีเยอะมากอย่างแน่นอน หากจะให้มันกินอิ่ม เอาเพรียงเหล่านี้ให้มันกินหมดก็คงจะไม่พอ ฉินสือโอวมีวิธีมากพอ เขาเอาเพรียงอันหนึ่งโยนให้มัน ฉงต้าตะครุบเพรียงไว้แล้วยื่นลิ้นออกมาเลีย คิดหาทุกวิถีทางที่จะได้กินเนื้อที่อยู่ข้างใน แต่ทว่ามันแกะออกมาไม่ได้ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกินได้
พาวลิสกินเพรียงไปแล้วสองตัว และยังคีบเห็ดหอมป่าผัดน้ำมันอีกเล็กน้อย หลังจากที่กินเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกว่าอร่อยยิ่งขึ้น จึงพูดกับพวกเพื่อนๆขึ้นว่า “หึ อันนี้อร่อย หอมมาก หอมกว่าสเต๊กไก่เยอะมาก!”
ในขณะที่พวกเขาเป็นเด็กเร่ร่อนอยู่นั้นก็ได้ตกปลาจับหอยทะเลกิน ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้สึกสนใจกับอาหารทะเลมากนัก แต่เห็ดหอมป่าแบบนี้พวกเขาไม่เคยกินมาก่อน รสชาติจะอร่อยขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้
เมื่อกินดื่มกันจนอิ่มแล้ว เด็กทั้งสี่คนก็ได้ตระหนักที่จะทำความสะอาดด้วยตัวของพวกเขาเอง ฉินสือโอวยกมือปฏิเสธ “พวกเธอไม่ต้องทำงานพวกนี้ เพื่อนทั้งหลาย พวกเธอเป็นเจ้าของของที่นี่ ไม่ใช้คนรับใช้”
“ถ้าไม่มีคนรับใช้ เรื่องต้อนรับแขกไม่ได้เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านต้องทำเหรอ?” กอร์ดอนตอบกลับอย่างเฉลียวฉลาด
เออร์บักตบโต๊ะและเอ่ยออกมา “ทำความสะอาดสิ่งของของตัวเอง เอาแบบนี้แหละ!”
อากาศในช่วงบ่ายยังคงมืดครึ้ม ฉินสือโอวจึงไม่สามารถที่จะออกไปที่ทะเลได้ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่บ้านดูทีวีหรือเล่นอินเทอร์เน็ต พวกนีลเซ็นสามคนนั้นรวมตัวเล่นไพ่กัน ส่วนฉินสือโอวก็แชทเล่นในอินเทอร์เน็ต
หนึ่งวันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ฉินสือโอวขี้เกียจที่จะทำอาหารเย็นจึงให้นีลเซ็นเข้าเมืองไปซื้อพิซซ่าและแซนด์วิชมากิน กินเพื่อประทังชีวิตสักหน่อยก็พอแล้ว
ในช่วงเวลากลางคืนได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก มีทั้งฟ้าร้องและฟ้าแลบออกมา ฉินสือโอวกังวลว่าเด็กทั้งสี่คนจะหวาดกลัวจึงเรียกพวกเขาเข้ามาในห้องของตัวเองและสอนให้พวกเขาเล่นเกม call of duty (เกมแนวต่อสู้และยิงกัน) จากนั้นก็ได้ผลัดกันเล่น
มิเชลล์ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดใจ ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นคนที่ขี้อายและขาดความมั่นใจแต่กลับให้ความสนใจกับของสิ่งนี้มากที่สุด เขาลงมือจัดการได้อย่างรวดเร็วมากซึ่งมีความเลือดเย็นและไร้ความรู้สึกเล็กน้อย เป้าหมายในการเล่นเกม call of duty ของเขาไม่ใช่คือการผ่านด่านแต่เป็นการลงมือไล่ฆ่า ซึ่งเขาจำเป็นต้องไล่ฆ่าทุกคนที่เห็นปรากฏตัวขึ้น จากนั้นถึงจะยอมที่จะผ่านด่านนั้นไป
ฉินสือโอวคิดว่าสภาพจิตใจของมิเชลล์อาจจะมีปัญหา ดังนั้นในเวลาที่เขาไม่ได้เล่นเกมแล้วจึงเข้าไปโอบกอดเขาไว้และเล่นกับฉงต้า หู่จือและเป้าจือ เพื่อพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเขา
ก่อนเข้านอนจิตสำนึกโพไซดอนของเขาก็ได้ออกไปเดินเล่นในฟาร์มปลา ลมพายุที่มาในครั้งนี้ได้ส่งผลดีต่อฟาร์มปลา น้ำทะเลที่โหมซัดได้พัดพาสาหร่ายทะเลและแพลงก์ตอนลอยมามากขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเพิ่มอาหารปลาให้กับฟาร์มปลา
เขตน่านน้ำของฟาร์มปลาของเขาตั้งอยู่ในกระแสน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโก กระแสน้ำอุ่นจึงได้ไหลมาอย่างรวดเร็วตามแรงลมพายุของทะเลและพัดพาปลาต่างๆที่เป็นอาหารของปลามาที่ฟาร์มปลาของเขาอีกด้วย
ในตอนนี้ใต้ท้องทะเลน่าจะครึกครื้นมาก สาหร่ายสีน้ำตาล[1]ที่กำลังลอยอยู่ในน้ำจำนวนมากราวกับเป็นป่าไม้ในทะเลได้กลายมาเป็นกำลังหลักในการให้ออกซิเจนกับฟาร์มปลา ให้ที่อยู่อาศัยของแพลงก์ตอนและให้สภาพแวดล้อมที่พึ่งพาได้กับหอยทะเลหลากหลายชนิด
ถึงแม้ว่าสาหร่ายสีน้ำตาลจะดูโอ่อ่าและสวยงาม แต่สิ่งที่สำคัญโดยแท้จริงก็คือมันเป็นสาหร่ายในสกุลSagassum ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์มีทั้งสีฟ้า สีเขียวและสีน้ำตาล  พวกมันเป็นอาหารของปลาแฮร์ริ่ง เต่า ปลาหมึกกล้วยและปลาหมึกกระดอง ขอเพียงแค่เป็นปลาที่กินพืชเป็นอาหารหรือปลาที่กินอาหารทุกชนิดต่างก็กินพวกมันเป็นอาหาร
เหล่าปูก้ามดาบและปูเสฉวนกำลังปีนไต่อยู่ที่ใต้ท้องทะเล พวกมันจำเป็นต้องขึ้นฝั่งเป็นครั้งคราวเพื่อหายใจ บนชายฝั่งและชายทะเลทุกที่ต่างก็เต็มไปด้วยร่างเงาของพวกมัน
ปลาหมึกกล้วยและปลาหมึกกระดองต่างกระจัดกระจายกันออกไป พวกมันดูเพลิดเพลินไปกับกระแสน้ำในทะเลที่กำลังโหมซัดอยู่เป็นอย่างมาก เพราะว่ากระแสน้ำอุ่นได้พัดพาอาหารมาให้พวกมันมากขึ้นและเป็นโอกาสดีที่พวกมันจะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่อื่น
เหล่าปลาแฮร์ริ่งและปลาแมกเคอเรลได้ลอยไปลอยมาอยู่ในน้ำอย่างรวดเร็ว พวกมันมีจำนวนเยอะที่สุด ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและมักจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันเป็นกลุ่มปลาหลายพันหลายหมื่นตัว
ปลาค็อดกำลังไล่ล่าฝูงปลาแฮร์ริ่งและปลาแมกเคอเรล พวกมันคือกำลังหลักของฟาร์มปลา ปลาที่กินเนื้อเป็นอาหารอย่างพวกมันเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่ภายใต้การควบคุมให้ดีขึ้นของพลังโพไซดอน การเจริญเติบโตจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษและเป็นธรรมชาติ ซึ่งความต้องการล่าเหยื่อเป็นอาหารก็มากขึ้นเช่นกัน
ฉินสือโอวกำลังมองดูเหล่าปลาค็อดที่โตจนตัวยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตรกำลังไล่จับปลาแฮร์ริ่งและปลาแมกเคอเรลเป็นอาหาร หากจะต้องซื้อพวกปลาแฮร์ริ่งอีก จำเป็นต้องให้แน่ใจว่าปลาชนิดนี้มีจำนวนที่มากพอ คงมีเพียงวิธีนี้ที่พวกมันอาจจะสามารถเติบโตได้ ไม่เช่นนั้นในช่วงเวลาที่เป็นลูกปลาก็จะถูกปลาค็อดจับกินไปจนหมด
เมื่อเอาพลังงานโพไซดอนทั้งหมดถ่ายทอดไปที่ในน้ำทะเลของฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและนอนหลับไป
น้ำฝนหยดติ๋งๆ ตลอดทั้งคืน ลมทะเลพัดแรงเป็นอย่างมากในช่วงหลังเที่ยงคืน ฉินสือโอวได้ยินเสียง ’ครืนๆ’ ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง ในตอนนั้นไม่ได้สนใจจึงนอนหลับต่อไป เมื่อฟ้าสว่างแล้วจึงได้เดินออกไปดู พบว่าหลังคาของโรงเก็บของห้องหนึ่งถูกลมทะเลพลิกเปิดลอยออกไปแล้ว……
เมื่อฝนตกลมแรงได้ผ่านไปแล้วหนึ่งคืน ในวันนี้อากาศจึงดีขึ้นมาก แต่ทว่าความแรงของลมก็ยังคงสูงมาก คลื่นทะเลที่อยู่ไม่ไกลมากเคลื่อนที่เป็นลูกเข้ามาโหมซัดหาดทรายและซัดเข้ามากระทบกำแพงริมฝั่งจนสะอาด ทำให้เกิดความรู้สึกที่ผวา
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจโรงเก็บของและออกไปวิ่งตามปกติ กลับมาก็พบว่าฉงต้าที่ก่อนหน้านี้เล่นสนุกอยู่ที่ห้องรับแขกได้หายไปแล้ว แต่กลับมีกลิ่นหอมโชยออกมาจากในห้องครัว เมื่อเขาเดินเข้าไปดูก็เห็นเชอร์ลี่ย์กำลังทอดไข่และไส้กรอกด้วยท่าทางที่งุ่มง่าม ฉงต้านอนฟุบน้ำลายไหลอยู่ที่ประตู
เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานขณะที่เขาทำอาหารอยู่ เชอร์ลี่ย์ได้อยู่ข้างๆและแอบจดจำการใช้เครื่องครัวเหล่านี้อย่างเงียบๆ เธอไม่เพียงแค่ดูวิธีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ยังเรียนรู้วิธีการทอดไข่อีกด้วย
“ฮาย เชอร์ลี่ย์ ของพวกนี้ให้ฉันทำก็ได้ เธอไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้หรอก” ฉินสือโอวเห็นบนจมูกของเชอร์ลี่ย์เต็มไปด้วยเหงื่อจึงลากเธอออกมาด้วยความสงสาร เขารู้ว่าเธอไม่ได้เหนื่อยแต่เธอรู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าสาวน้อยพึ่งใช้เครื่องครัวแบบนี้เป็นครั้งแรกในการทำอาหารเช้า
เขาถือโอกาสฉีกกระดาษทิชชูสามสี่แผ่นเช็ดปากที่เต็มไปด้วยน้ำลายให้กับฉงต้าไปด้วย
เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนนอนหลับสนิทมาก เตียงนอนสบายมาก ผ้าห่มก็นุ่มนวลมาก หมอนก็นิ่ม เพราะแบบนี้เลยทำให้ตื่นเช้า ทุกวันนอนแค่แปดชั่วโมงก็เยอะมากแล้ว”
ในตอนเช้าเธอน่าจะตื่นนอนเวลาไล่เลี่ยกันกับฉินสือโอว หลังจากที่ฉินสือโอวออกไปวิ่ง เธอก็ไปที่ห้องครัวเตรียมอาหารเช้า ในตอนนี้แผ่นขนมปังร้อนได้ที่แล้ว สลัดผลไม้ก็คลุกเคล้าเสร็จแล้ว ไข่ทอดและไส้กรอกก็ได้ทำไว้แล้วหนึ่งจาน โดยพื้นฐานก็ถือว่าทำเสร็จหมดแล้ว
“คือหนูทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น ไข่ทอดก็เลยไหม้ไปหมดแล้ว” เชอร์ลี่ย์พูดด้วยความเศร้าอีกครั้ง
ฉินสือโอวล้างมือและหยิบไข่ทอดเข้าปากหนึ่งชิ้น และแสร้งพูดอย่างแปลกประหลาดใจขึ้นว่า “ไม่นะ ไม่ไหม้เลย รสชาติอร่อยมาก ทั้งหอมและนุ่ม เธอมีพรสวรรค์ในการทำอาหารมาก”
“ใช่เหรอคะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มออกมาอย่างหวานชื่น
จากนั้นคนอื่นๆก็ทยอยกันตื่น ในขณะที่กินข้าวเช้า ฉินสือโอวก็ได้พูดออกมา “อาหารเช้ามื้อนี้เชอร์ลี่ย์เป็นคนเตรียมให้กับพวกเธอ ดังนั้น พ่อหนุ่มทั้งหลาย ก่อนกินอยากจะพูดอะไรหน่อยไหม?”
พาวลิสกอดเชอร์ลี่ย์หนึ่งทีและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณนะน้องสาว”
กอร์ดอนทำหน้าตาตลกๆและเอ่ยออกมาว่า ”อร่อยมากเลย ฉันชอบมาก ขอบคุณเชอร์ลี่ย์มากๆ”
มิเชลล์เป็นคนที่มีจิตใจดีที่สุด เขายิ้มอย่างเหนียมอายและเอ่ยขึ้นว่า “พี่เชอร์ลี่ย์ พรุ่งนี้ผมจะทำอาหารเป็นเพื่อนพี่”
ฉินสือโอวจึงรีบยกมือและเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ต้องไม่ต้อง อาหารเช้าฉันเป็นคนเตรียมก็ได้ พวกเธอนอนหลับให้สบายก็พอแล้ว”
………………………………………….

[1] สาหร่ายสีน้ำตาล (Macrocystis pyrifera) สาหร่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset