ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 522 สมาคมตกปลา

‘แชะ’ ‘แชะ’ พอแสงแฟลชส่องสว่าง รอยยิ้มของฉินสือโอวก็ถูกหยุดไว้บนภาพถ่าย
เขาวางป้ายเช็คลง ฉินสือโอวถามเบิร์ดเสียงเบาว่า “ทำไมฉันถึงต้องถ่ายรูปด้วยล่ะ?”
เบิร์ดยิ้มอย่างมีความสุขแล้วบอกกับเขาว่า “แบบนี้พวกเราถึงจะได้ดื่มด่ำกับความสุขจากการสร้างสถิติโลกด้วยกันยังไงล่ะครับ”
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือความยาวสี่เมตรที่ตกขึ้นมาได้ในครั้งนี้ สำหรับเพื่อนในวงการนักตกปลาแล้วนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ประธานสมาคมตกปลานานาชาติถึงกับออกโรงด้วยตัวเอง รีบเดินทางจากฮาวายเพื่อมามอบประกาศนียบัตรให้กับพวกนีลเซ็น
ประธานสมาคมตกปลานานาชาติชื่อว่า โรเบิร์ตสัน มีม เป็นชายชาวอังกฤษอายุราวๆ ห้าสิบปี แต่กลับดูไม่แก่เลยแม้แต่นิดเดียว เส้นผมดกดำ ผิวพรรณเปล่งปลั่งใบหน้ามีเลือดฝาด น้ำเสียงเวลาพูดก็ดังเหมือนระฆัง สภาพร่างกายยังแข็งแรงดี
“ยินดีด้วยนะ นีลเซ็น เพื่อนยาก นายทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก” หลังจากนั่งลงแล้วโรเบิร์ตสันก็คุยกับนีลเซ็นไปพลางกับดื่มกาแฟไปพลาง
นีลเซ็นยิ้มอย่างมีความสุขแล้วตอบกลับไปว่า “ขอบคุณที่ชมครับ ท่านประธานสมาคม เป็นโชคดีมากที่ตกราชาทูน่าขึ้นมาได้ แต่เมื่อได้รับการยอมรับจากสมาคมตกปลานานาชาติ ก็ถือว่าเป็นโชคดียิ่งกว่า”
โรเบิร์ตสันรู้ว่าฉินสือโอวเป็นเจ้านายของนีลเซ็น ต่อจากนั้นจึงหันว่าพูดกับเขาว่า “ผมเคยได้ยินเรื่องของคุณมาก่อน มิสเตอร์ฉิน คุณเคยสร้างตำนานไว้ที่ท่าเรือเมืองกลอสเตอร์ การท้าพนันระหว่างคุณกับชาวประมงพวกนั้นยังถูกคนในพื้นที่เล่าต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้”
“พวกชาวประมงต่างก็พากันเรียกคุณว่าคำสาปลึกลับจากตะวันออก เพราะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ชาวประมงพากันตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจากเมืองกลอสเตอร์ไม่ได้เลย” คนวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วย ช่วยพูดเสริม
ฉินสือโอวคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีชื่อเสียงในวงการนักตกปลามากขนาดนี้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่ชื่อเสียงในด้านที่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดว่า “ต้องเป็นแค่เรื่องล้อเล่นอยู่แล้วล่ะครับ ไม่คิดว่าเพื่อนๆ พวกนั้นจะคิดกันจริงๆ แถมพวกเขาทำเต็มที่แล้วแต่ก็ยังล้มเหลว น่าเสียดายจริงๆ”
“การตกปลาก็เป็นแบบนี้ บางครั้งก็ไม่มีปลาตัวไหนยอมกินเหยื่อของคุณเลย พวกมันจะอยู่ห่างออกไปจากคุณ ราวกับว่ามันได้กลิ่นลมหายใจของนักฆ่าที่คุณปล่อยออกมาผ่านน้ำทะเล” โรเบิร์ตสันหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ไม่ถือสาความขัดแย้งของฉินสือโอวกับสมาคมตกปลาที่เมืองกลอสเตอร์เลยแม้แต่น้อย
ใช้ท่าเรือเมืองกลอสเตอร์เป็นจุดเริ่มต้น ทุกๆ คนดื่มน้ำชายามบ่าย ลิ้มรสซูชิชิ้นเล็ก ทาโกะยากิ ลูกชิ้นปลาอาหารขึ้นชื่อชนิดต่างๆ ของโตเกียวไปพร้อมๆ กับการพูดคุย
ในตอนท้ายโรเบิร์ตสันก็ถามนีลเซ็นว่า “คิดว่าปลาตัวนี้น่าจะทำเงินให้นายมากกว่าห้าล้าน เพื่อน นายเคยคิดไว้บ้างไหมว่าจะจัดการกับเงินก้อนนี้ยังไง? อย่างซื้อเรือเป็นของตัวเองแล้วออกไปหาปลารอบโลก?”
นีลเซ็นโบกมือปัดแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ๆๆ ท่านประธานสมาคม ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ ฟาร์มปลาของพวกเรากำลังจับปลากันแล้ว หลังจากนี้น่าจะยุ่งมากๆ สำหรับการใช้สอยของเงินก้อนนั้น ผมจะลองปรึกษาเจ้านายของผมดู เพราะเขาเป็นมหาเศรษฐี เขามีประสบการณ์มาก่อน ใช่ไหมครับเจ้านาย?”
โรเบิร์ตสันตบบ่าของฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาพร้อมทั้งหัวเราะเสียงดัง “ผมเห็นแล้วล่ะ เพื่อน คุณเป็นเจ้านายที่ดีคนหนึ่งเลย ดูสิ คุณเอาชนะใจเจ้าหนุ่มนี่ได้แล้วล่ะ พูดกันตามตรง ถ้าอยู่ๆ ผมหาเงินได้ถึงห้าล้าน ผมจะซื้อเรือไม้แสนรักสักลำแล้วพามันออกไปตกปลาทั่วโลกสักรอบหนึ่งแน่นอน”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วบอกกับเขาว่า “ที่จริงผมไม่ใช่เจ้านายที่เป็นที่รักแบบนั้นหรอกครับ แค่เพราะเจ้างั่งนีลเซ็นติดเงินผมอยู่เป็นล้าน เขารู้ว่าถ้าเอาเงินพวกนี้มาจ่ายหนี้แล้ว เขาก็จะยังถังแตกเหมือนเดิม ใช่ไหมเพื่อน?”
นีลเซ็นยกนิ้วโป้งให้เขาหลังจากกินทาโกะยากิเข้าไปแล้วหนึ่งคำ ไม่รู้ว่ากำลังชมรสชาติของทาโกะยากิหรือชมมุกตลกของฉินสือโอว
ในตอนค่ำโรเบิร์ตสันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร พวกเขาพากันไปที่ร้านยูคิมูระร้านอาหารแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงของโตเกียว
ร้านยูคิมูระเป็นหนึ่งในสิบสี่ร้านอาหารของโตเกียวที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาว เชฟใหญ่ยูคิมูระ จุน เกิดในครอบครัวอาหารญี่ปุ่น ตั้งแต่อายุแปดขวบเขาก็เริ่มศึกษาวิธีทำอาหารจากพ่อ ในช่วงฤดูร้อนของปี 2000 เขาก็พาร้านอาหารของครอบครัวจากคิตะคิวชูมาเปิดที่โตเกียว
เหมือนกับร้านอาหารสามดาวทุกร้าน ร้านยูคิมูระต้องจองคิวไว้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ ทว่าโรเบิร์ตสันเป็นถึงประธานสมาคมตกปลา มีคอนเนคชั่นอยู่หลากหลาย แค่ยกโทรศัพท์ครั้งเดียวก็จองโต๊ะได้แล้ว ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ก็นับว่าได้ประโยชน์ไปด้วย
ตอนที่โรเบิร์ตสันและคนอื่นๆ มาถึงร้านอาหาร ชายวัยกลางคนสวมเครื่องแต่งกายของเชฟใหญ่พร้อมทั้งผูกผ้าโพกไว้บนหัวก็กำลังรออยู่ที่หน้าประตูร้านด้วยความเคารพ พอเห็นพวกเขาก็โค้งคำนับหนึ่งครั้ง แล้วตะโกนออกมาว่า “อิรัชชัยมาเสะ!” (ยินดีต้อนรับครับ)
โรเบิร์ตสันตอบกลับไปตามมารยาทว่า “อาริกาโต!” (ขอบคุณครับ)
ฉินสือโอวไม่เข้าใจประเพณีของญี่ปุ่น ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามผู้รู้ โรเบิร์ตสันทำยังไงเขาก็ทำอย่างนั้น
ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ใช้ไม้ซุงกับกระดาษในการตกแต่ง ร้านเต็มไปด้วยบรรยากาศของความโบราณและความเรียบง่ายในร้านมีเพียงที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ทั้งหมดเก้าที่นั่งกับที่นั่งแบบโต๊ะกลมอีกหนึ่งตัว โรเบิร์ตสันจองที่นั่งแบบโต๊ะกลมเอาไว้
นีลเซ็นพูดยิ้มๆ ว่า “ท่านประธานสมาคมมีหน้ามีตาจริงๆ สามารถจองโต๊ะอาหารแบบนี้ได้ด้วย”
โรเบิร์ตสันยิ้มน้อยๆ พร้อมทั้งตอบกลับไปว่า “ไม่เท่าไรหรอก ก่อนหน้านี้ฉันโทรไปหาอธิบดีกรมประมงโตเกียวน่ะ เขาต่างหากที่มีหน้ามีตา นายดูสิ เมื่อกี้นี้เจ้าของร้านถึงกับออกมาต้อนรับพวกเราด้วยตัวเอง นั่นเป็นเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากอธิบดีท่านนั้นนั่นแหละ”
เอกลักษณ์ของร้านยูคิมูระก็คือความหลากหลาย เชฟใหญ่เจ้าของร้านถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ที่มีความชำนาญในการใช้วัตถุดิบทั้งสี่ฤดู ทุกๆ ปีวัตถุดิบที่ใช้แทบจะไม่ซ้ำกันเลย จะทำแค่อาหารที่เหมาะกับฤดูกาลนี้เท่านั้น
ร้านอาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาสั่งอาหาร เพียงแค่บอกเชฟเรื่องลักษณะการกินหรือบอกว่าอยากจะชิมอะไร เชฟก็จะทำอาหารตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การเป็นเชฟใหญ่ของร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากต้องทำอาหารเป็นแล้ว ยังต้องรังสรรค์เมนูได้ด้วย
โตเกียวมีวิธีเรียกการรับประทานปูในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ นี่ไม่เหมือนกับฤดูกาลสำหรับการจับจ่ายของจีน ปูเป็นอาหารประเภทเย็น ชาวญี่ปุ่นทานปูในปลายฤดูใบไม้ผลิ มีความหมายเกี่ยวกับการเตรียมตัวต้อนรับฤดูร้อนที่รุนแรง อาหารจานหลักที่ยูคิมูระ จุนเตรียมไว้ให้พวกเขาก็คือปูนั่นเอง
แค่ครู่เดียวอาหารคาวแต่ละจานก็ถูกนำมาเสิร์ฟ นอกจากผักดองแล้ว อาหารที่นำขึ้นโต๊ะเป็นอย่างแรกเลยก็คือกระดองปูที่ถูกจัดวางลงบนถ้วยใบเล็ก
ขณะที่นำอาหารมาเสิร์ฟ ยูคิมูระ จุนก็ตั้งใจเข้ามาแนะนำอาหารด้วยตัวเอง พนักงานผู้ติดตามจึงช่วยแปลให้ฟังว่า “เชฟบอกว่า ชาวญี่ปุ่นมีวิธีพูดเกี่ยวกับการทานปู เรียกว่า ‘ในหนึ่งชีวิตต้องทานปูไทซากานิสักครั้ง’ สิ่งสำคัญสำหรับปูไทซากานิก็คือปูหิมะกับปูทาราบะ เขาขอเชิญให้ทุกๆ คนลองชิมดูก่อน”
ฉินสือโอวหยิบกระดองปูขึ้นมาหนึ่งชิ้น ข้างในมีเนื้อปูนุ่มละเอียดเหมือนเต้าหู้สีขาวอยู่สองชิ้น ตรงกลางมีไข่ปูสีเหลือง ใช้ก้ามปูตักขึ้นมาชิม รสชาติสดอร่อยเจือรสหวาน โดดเด่นมากจริงๆ
นอกจากเมนูปูไทซากานิแล้ว เมนูที่ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจมากๆ ก็คืออาหารขึ้นชื่อประจำร้าน คือปูไทซากานิเคล้ารากโกโบ
เจ้าของร้านอธิบายว่ารากโกโบที่เขาใช้เป็นของขึ้นชื่อของโฮริคาวะ ปูที่ใช้ยังคงเป็นปูไทซากานิทั้งหมด
พอโรเบิร์ตสันได้ทานก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก เจ้าของร้านก็แย้มยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับพูดว่าชมกันเกินไปไม่หยุด
ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ชอบ จึงขอให้เจ้าของร้านช่วยสอนวิธีทำเมนูนี้ เจ้าของร้านคนนี้ก็ไม่ได้หวงวิชา พาเขาเข้าครัวด้วยตัวเองแล้วสอนเขาจนทำออกมาได้หนึ่งจาน
ฉินสือโอวตั้งใจเรียน เอาปูไปต้มให้สุกแล้วแกะกระดองออกก่อน เอารากโกโบไปหมักเหล้า เตรียมซุปปลาโบนิโต เหยาะซอสถั่วเหลืองรสอ่อนผสมกันเพื่อปรุงอาหาร หลังจากนั้นก็ใส่เหล้าลงไปก่อน เติมซุปปลาโบนิโต ใส่มิรินกับผักเคียงที่หมักด้วยซอสถั่วเหลือง หลังจากนั้นก็ใส่เหล้าใสที่ทำขึ้นพิเศษลงไปบนรากพืชบางส่วน ผสมกันให้ได้ตามปริมาณก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หลังจากได้เห็นวิธีทำฉินสือโอวก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของร้านไม่กลัวว่าคนอื่นจะลอกสูตร ฝีมือการทำอาหารชนิดนี้นอกจากว่าเจ้าของร้านที่ฝึกฝนด้วยความเอาใจใส่ ก็คงทำออกมาให้เหมือนรสชาติดั้งเดิมของมันได้ยาก ซุปปลาโบนิโต ซุปปลาโบนิโตคือส่วนผสมลับ!
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset