ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 107 ยินดีต้อนรับบอลหิมะ

บทที่ 107 ยินดีต้อนรับบอลหิมะ
โดย
Ink Stone_Fantasy

ความมั่นใจในการโต้คลื่นทะเลกำลังค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับน้ำแข็งหิมะที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ไม่มีผิด
นีลเซ็นไม่ได้พูดเกินความจริงเลยแม้แต่น้อย ความยากของกีฬาโต้คลื่นนั้นแตกต่างกับการเล่นเจ็ทสกีน้ำราวฟ้ากับดิน แค่ฉินสือโอวพายกระดานโต้คลื่นไปหายอดคลื่นทะเลก็เสียเวลาไปแล้วครึ่งชั่วโมง กระดานโต้คลื่นได้ถูกน้ำทะเลที่ขึ้นลงซัดจนพลิกคว่ำตลอดเวลาและตัวเขาก็ถูกซัดจนลอยขึ้นอย่างเบาหวิว
สุดท้ายก็พายมาถึงบริเวณรอบๆยอดคลื่น ฉินสือโอวเพิ่งจะปีนขึ้นไปบนกระดานโต้คลื่น ผลคือเขาไม่สามารถที่จะออกแรงปีนขึ้นไปได้และถูกซัดจนพลิกคว่ำลงไปในน้ำอีกครั้ง
หลังจากที่เล่นอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวก็ได้เผยให้เห็นปฏิกิริยาต่างๆที่น่าตลกของนักโต้คลื่นมือใหม่ สุดท้ายเมื่อหมดปัญญา เขาจึงใช้การเรียกจิตสำนึกโพไซดอนออกมา
จิตสำนึกโพไซดอนสามารถรับรู้ถึงจังหวะของคลื่นทะเล ทำให้เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของน้ำทะเลได้ก่อน นอกจากนั้นยังสามารถทำได้แม้กระทั่งทำให้น้ำทะเลขึ้นลงตามความคิดของเขา ขณะที่เขาขึ้นไปบนกระดานโต้คลื่นลมในทะเลก็ได้สงบลง ทำให้ในระยะแรกที่ยืนก็ได้ถูกคลื่นเล็กๆผลักเคลื่อนไหว แต่หลังจากที่ยืนได้อย่างคงที่แล้วนั้นคลื่นทะเลลูกใหญ่ก็ได้เคลื่อนที่ขึ้นลงเข้ามา…
นี่คือการกระทำที่ทุจริตและเมื่อมีคนอยู่มากๆจะไม่สามารถใช้มันได้ เมื่อถูกคนอื่นพบว่าคลื่นที่อยู่รอบข้างเขามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแปลกประหลาดก็จะทำให้เกิดความยุ่งยาก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ!
หลังจากที่จิตสำนึกโพไซดอนปรากฏขึ้น บอลหิมะ ปลาทูน่าครีบเหลืองและปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว
ปลาทูน่าครีบเหลืองและปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือยังพอที่จะปรากฏตัวออกมาได้เพราะพวกมันซ่อนตัวอยู่ในน้ำทะเล แต่บอลหิมะนั้นซุกซนมาก มันโผล่หัวขึ้นมาและร้อง ‘อู้อู้’ ว่ายล้อมรอบฉินสือโอวไว้อย่างต่อเนื่อง มันใช้ปากพ่นน้ำทะเลขึ้นไปและพ่นลงมาที่ใบหน้าของฉินสือโอว ฉินสือโอวถูกมันพ่นน้ำใส่จนเกือบจะตกลงไปในน้ำ เขาจึงรีบนั่งลงบนกระดานโต้คลื่น บอลหิมะเห็นเขานั่งลงไปจึงนึกว่าเขาอยากที่จะเล่นสนุกกับตัวเอง มันจึงเอาปลาคาร์ฟพุ่งขึ้นมาจากน้ำและใช้หน้าผากถูไปที่ตัวของฉินสือโอว ชนให้เขาตกลงไปในน้ำ
“อู้อู้ อู้อู้” บอลหิมะมีความสุขที่ได้ชำระล้างอยู่ในน้ำทะเลกับฉินสือโอว ในแววตาของมันปรากฏให้เห็นถึงความเปล่งประกายด้วยความสุขและล้อมไปมาที่ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง มันมักจะใช้หน้าผากชนเขาหรือใช้หางตีเขา
ฉินสือโอวอยู่ในน้ำและปลอบบอลโยนหิมะไว้ นานแล้วที่เจ้านี่ไม่เจอกับเขาจึงรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ทำให้เขาใจไม่แข็งพอที่จะใช้จิตสำนึกโพไซดอนขับไล่มันออกไป
เด็กทั้งสี่คนที่อยู่บนฝั่งได้เห็นวาฬเบลูกาน้อยเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เห็นบอลหิมะที่เจริญเติบโตภายใต้การปรับแก้อย่างเป็นพิเศษจากจิตสำนึกโพไซดอน
ผิวของมันมันวาวเกลี้ยงเกลา ผิวขาวราวหิมะเมื่อปรากฏบนพื้นผิวน้ำ แค่ถูกแสงของดวงอาทิตย์ส่องก็เกิดความแวววาวระยิบระยับ ราวกับสวมชุดอัญมณีเพชรไม่มีผิด ดูแล้วน่ารักอย่างสุดขีด
“ว้าว สวยมากจริงๆ นี่คือโลมาเผือกเหรอ?” กอร์ดอนจ้องมองอย่างตาโตและตะโกนออกมา
มิเชลล์จ้องมองที่ความน่ารักเจ้าตัวขาวอย่างไม่กะพริบตาและเอ่ยขึ้นว่า “ไอ้โง่ โลมาเผือกจะใหญ่ขนาดนี้เหรอ? นี่คือวาฬเบลูกาน้อย!”
โดยปกติเมื่อซีมอนสเตอร์ ชาร์คและคนอื่นๆได้ออกเรือไปในทะเลก็สามารถพบเห็นวาฬเบลูกาน้อยได้บ่อยๆ ดังนั้นเขาจึงเห็นจนชินตา และพวกเขายังรู้อีกว่ามันชื่อ ‘บอลหิมะ’ บอลหิมะปฏิบัติต่อคนอย่างเป็นมิตร เมื่อเจอกันพวกมันจะกระโดดออกมาและร้อง ‘อู้อู้’ เพื่อเป็นการทักทาย
โดยทั่วไปเมื่อออกทะเล พวกเขาจะบรรทุกกุ้งแม่น้ำเอาไว้บนเรือบ้างเล็กน้อย บอลหิมะชอบกินสิ่งนี้มาก ซีมอนสเตอร์และชาร์คป้อนให้มันกินสามสี่ครั้งจนได้รับมิตรภาพที่ดีจากมัน มันจะเป็นฝ่ายเข้ามาใกล้เรือเองและเล่นกับพวกเขา
เมื่อเห็นพวกเด็กๆชอบ ชาร์คเลยพูดแนะนำเล็กน้อยและสุดท้ายก็เอ่ยออกมาว่า “ฉันจะพาพวกเธอเข้าไปดูใกล้ๆ บอลหิมะเป็นมิตรมากนะ”
“มันจะชอบพวกเราไหม?” เชอร์ลี่ย์เอ่ยถามอย่างกังวล
ถึงอย่างไรชาร์คก็เป็นพ่อคนแล้วจึงยังคงมีความรักแบบพ่อ เขานั่งยองๆลง สางผมให้กับเชอร์ลี่ย์และเอ่ยขึ้นว่า “พวกเรายังชอบเธอเลย บอลหิมะก็ต้องชอบพวกเธอเหมือนกัน”
เจ็ทสกีนั้นลำใหญ่และกว้าง หลังจากที่ชาร์คติดเครื่องแล้วก็เอาเด็กสองคนนั่งอยู่ข้างหน้าตัวและอีกสองคนนั่งอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็ขับเข้าไปในทะเล
นีลเซ็นก็ได้ขับเจ็ทสกีเข้าไปใกล้บอลหิมะเช่นกัน และโบกมือเอ่ยทักทายขึ้นว่า “ฮาย บอลหิมะ มาอาบน้ำให้ฉันหน่อย!”
บอลหิมะจึงดำลงไปในน้ำและปรากฏตัวขึ้นมาที่ข้างๆนีลเซ็น มันเปิดปากพ่นน้ำทะเลขึ้นไป นีลเซ็นจึงหัวเราะชอบใจออกมา
เมื่อชาร์คได้ขี่เจ็ทสกีเข้ามาใกล้ ฉินสือโอวจึงว่ายเข้าไปอุ้มเชอร์ลี่ย์ลงมา พวกเด็กๆต่างก็ว่ายน้ำได้หมด แต่ถึงอย่างไรกำลังในร่างกายของเด็กก็ยังน้อย เด็กผู้ชายทั้งสามคนก็ได้กระโดดลงมาจากเจ็ทสกี
บอลหิมะชะโงกมองและว่ายน้ำเข้ามา ฉินสือโอวให้เชอร์ลี่ย์ขี่หลังเขาไว้และตะโกนออกมาว่า “บอลหิมะ ว่ายช้าๆลงหน่อย นี่คือเชอร์ลี่ แกจะต้องจำเธอไว้!”
ผิวของวาฬเบลูกาจะมีน้ำเมือกเคลือบอยู่หนึ่งชั้น ข้อแรกก็เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปกป้องพวกมัน ให้พวกมันได้ขึ้นมาบนผิวน้ำและรับแสงจากดวงอาทิตย์ อีกข้อหนึ่งคือเพื่อลดค่าประสิทธิ์แรงเสียดทานจากน้ำทะเลซึ่งจะทำให้พวกมันว่ายน้ำได้อย่างสบายตัว
แต่ด้วยเหตุนี้ คนจึงไม่สามารถนั่งอยู่บนตัวของมันได้อย่างมั่นคง ฉินสือโอวทำได้แค่จับเชอร์ลี่ย์ไว้ เมื่อบอลหิมะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำถึงจะให้เธอนั่งได้อย่างคงที่
พาวลิสและเด็กอีกสองคนจึงได้ว่ายน้ำเข้ามา เมื่ออยู่ตรงหน้าของบอลหิมะพวกเขาจึงมีจิตใจที่ไร้เดียงสาแบบเด็กๆ พวกเขาคลูบคลำบอลหิมะอย่างใกล้ชิด บอลหิมะจึงว่ายน้ำส่ายไปมาซ้ายขวากับพวกเขา มีทั้งเสียงหัวเราะ ‘ฮิฮิ’ และ และเสียงร้อง ‘อู้อู้’ อย่างเบิกบานใจ
เมื่อเล่นได้สักครู่ ฉินสือโอวจึงอุ้มเชอร์ลี่ย์ลงมา ตีไปที่หัวของบอลหิมะและเอ่ยขึ้นว่า “โอเค เจ้าเพื่อนยาก ไปพักผ่อนเถอะ วันหลังค่อยเล่นกันใหม่!”
ในตอนนี้ได้เกิดลมแรงและมีคลื่นสูง ในทะเลจึงมีความอันตรายมากและเมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้รู้สึกเหนื่อยมากเวลาว่ายน้ำ บอลหิมะยังอยากที่จะเล่นสนุกกับเด็กทั้งสี่คนอยู่จึงทำให้เหนื่อยล้ามากยิ่งขึ้น
เด็กทั้งสี่คนก็เหนื่อยจนหายใจหอบกันหมดแล้ว จนต้องกลับไปพักที่เจ็ทสกีอยู่หลายครั้ง เมื่อได้ยินฉินสือโอวบอกว่าเลิกเล่นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอาลัยอาวรณ์แต่ก็ได้เชื่อฟังเป็นอย่างดี พวกเขาจึงโบกมือให้กับบอลหิมะแล้วตะโกนพร้อมกันขึ้นว่า “ลาก่อน เจ้าบอลหิมะ เจอกันครั้งหน้าพวกเราจะเอาของอร่อยมาให้แกกิน”
จากนั้นฉินสือโอวก็พาเด็กๆขึ้นไปบนฝั่ง นีลเซ็นอยู่บนเจ็ทสกีและเอ่ยถามขึ้นว่า “บอสยังอยากจะโต้คลื่นอีกไหม?”
ลมได้พัดแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้คลื่นทะเลสูงห้าหกเมตรได้ก่อตัวขึ้นแล้ว คลื่นทะเลเช่นนี้ทำให้ดูแล้วน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง หากซัดเข้ามาที่ตัวคนสามารถทำให้คนหมดสติได้ ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและเอ่ยออกมาว่า “ช่างมัน กลับไปกันเถอะ ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว”
การเล่นอยู่แบบนี้ ทำให้เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับอาหารเช้ายังเลือนรางอยู่ตรงหน้าแต่ก็มาถึงช่วงเวลากลางวันเสียแล้ว
พฤติกรรมการบริโภคอาหารของแคนาดาเหมือนกับอเมริกาไม่มีผิด พวกเขาให้ความสำคัญกับโภชนาการของอาหารเช้าโดยหลักๆจะบริโภคอาหารที่มีโปรตีนและให้พลังงาน แต่ในตอนกลางวันนั้นค่อนข้างจะง่ายๆเพียงแค่กินให้อิ่มก็ใช้ได้แล้ว และเพราะว่าต้องทำงานและใช้ชีวิตมาทั้งวัน มื้อเย็นจึงเป็นอาหารมื้อหลักที่กินอย่างจริงจังที่สุด
ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจอาหารกลางวันสักเท่าไรและพวกผู้ชายก็เลือกที่จะดื่มเบียร์กันทุกคน ส่วนพวกเด็กๆกินน้ำผลไม้หรือนมวัว ส่วนอาหารที่พวกเขากินคือพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์หรือบะหมี่น้ำเกรวี่ของแคนาดา นอกจากนั้นก็ยังทำสลัดผลไม้อีกด้วย
เชอร์ลี่ย์กับมิเชลล์ไปเก็บผลไม้ พาวลิสและกอร์ดอนไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์และพิซซ่า ที่ฉินสือโอวให้พวกเขาไปทำงานแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าตัวเองขี้เกียจ แต่เป็นเพราะเขาได้พบว่าเด็กทั้งสี่คนขาดความมั่นใจในตัวเอง ค่อนข้างรู้สึกต้อยต่ำ จึงจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังให้พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
การติดต่อสื่อสารและการลงมือทำงานจึงเป็นวิธีการปลูกฝังเรื่องความมั่นใจในตัวเองได้อย่างดี
เมื่อถือลูกเบอร์รีกลับมาหนึ่งตะกร้า มิเชลล์ลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายก็เขินอายและก้มหน้าลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เชอร์ลี่ย์จึงพูดขึ้นมาว่า “ฉิน เหมือนกับต้นกล้าผักของพวกเราจะถูกตัวอะไรขโมยกินแล้ว ใบผักหลายใบได้แหว่งไปจนเกือบหมด”
“อะไรนะ?” ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย และพาชาร์คไปดูที่สวนผัก
หลังจากที่ใช้พลังโพไซดอนปรับแก้แล้ว ผักเหล่านี้ก็เจริญงอกงามอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นดินของฟาร์มปลานั้นมีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเต็มอิ่มไปด้วยน้ำฝน ต้นกล้าของผักเหล่านี้จึงเหมือนได้ใส่ปุ๋ยและเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แผ่นใบอ่อนช้อยเขียวขจี ดูแล้วเหมือนมีพลังที่น่าดึงดูด
ก่อนหน้านี้ในแปลงผักมีตั๊กแตนอยู่เยอะมาก หลังจากที่เขาได้เลี้ยงลูกไก่เพื่อเอาไว้จับพวกมันอยู่หลายวัน ตั๊กแตนก็ได้หายสาบสูญไปหมดแล้ว จึงไม่น่าจะยังมีอะไรมากินผัก
เมื่อพวกเขาไปเห็นที่สวนผัก ใบของต้นกล้าผักก็ฉีกขาดจนเละเทะไปบ้างแล้วจริงๆ ต้นกล้าของแตงกว่า ขึ้นฉ่าย ถั่วแขกและต้นกล้าของมะเขือเทศก็ถูกก่อกวนแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรง แต่เมื่อฉินสือโอวมองดูก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างต่อเนื่อง
“แบบนี้นี่ตัวอะไรทำ?” ฉินสือโอวเอ่ยถามอย่างกลัดกลุ้มใจ
ชาร์คนั่งยองๆบนพื้นและมองดูอย่างละเอียด จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อวานฝนเพิ่งตก พื้นดินชื้นขนาดนี้ น่าจะยังมีรอยเท้าทิ้งไว้ เดี๋ยวผมลองหาดู ได้แล้ว อยู่ตรงนี้ หาเจอแล้ว!”
ฉินสือโอวจึงตามเข้าไปดู รอยเท้าเล็กๆหลายรอยปรากฏอยู่ที่ในสวน น่าจะเป็นรอยที่ตัวการสำคัญได้ทิ้งไว้
 …………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset