บทที่ 109 ก้าวที่พลาด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวคิดถึงรสชาติของเพรียงตีนเต่าเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น เขายังตื่นตาตื่นใจกับราคาอันสูงลิ่วของมันด้วย
เนื่องจากเพรียงตีนเต่านั้นไม่อาจทำการผสมเทียมได้ จะหาได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่สมดุลของมัน ทั้งค่าความเป็นกรดด่างของน้ำ การเกิดของแพลงก์ตอนและปริมาณแร่ธาตุในน้ำต้องมากพอต่อการอยู่อาศัยและเติบโตของสัตว์ชนิดนี้
เพรียงทะเลนั้นจะว่าไปแล้วก็เปรียบเหมือนกาฝากสำหรับมนุษย์และสัตว์น้ำทั้งหลาย เพราะด้วยตัวมันเองแล้วไม่สามารถหาอาหารได้ ต้องอาศัยเกาะตามท้องเรือ และบนตัวสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในทะเลอย่างปลาวาฬ ฉลาม กระดองเต่า แม้กระทั่งหอย ฯลฯ ซึ่งถ้าพูดถึงประโยชน์ของมันแล้วเรียกได้ว่าหาไม่ได้เลย จะจำกัดออกก็ลำบากแสนเข็ญ
ส่วนใหญ่แล้วเพรียงทะเลชนิดที่พบเห็นกันจะเป็นรูปทรงกรวยธรรมดา ไม่นิยมนำมาทำอาหาร เพราะทานยากและรสชาติไม่อร่อยเอามาก ๆ คนสิ้นไร้ไม้ตอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารนี้
เพรียงตีนเต่านับเป็นดาวเด่นของในตระกูลเพรียง มีเพียงร้านอาหารชั้นนำเท่านั้นที่จะสามารถลิ้มรสอาหารชนิดนี้ได้ เพรียงตีนเต่าโด่งดังและมีความนิยมมาก จนมีคำพูดที่นำมาเปรียบเปรยถึงอาหารชนิดนี้ อย่างในยุโรปแล้วถึงกับพูดว่า’เพรียงตีนเต่าเป็นอาหารยอดนิยมที่ร้อนแรงที่สุดราวกับบึงไฟนรก’ และชนเผ่าจีนโบราณตอนกลางของจีนหรือหัวเซี่ยนั้นก็ได้มีคำพูดเปรียบเปรยว่า‘ยอมต่อสู้จนตายเพื่อให้ได้เพียงลิ้มรสปลาปักเป้า’
ฉินสือโอวมีความต้องการจะเพาะพันธุ์เพรียงตีนเต่า และคิดจะใช้ตอม่อท่าเรือให้เพรียงตีนเต่าใช้อาศัยยึดเกาะ อย่างไรแล้วท่าเรือนี้จะมีการสร้างส่วนขยายไปอีกหกร้อยเมตรและทอดยาวลงไปสู่ทะเล ซึ่งจะเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยแพลงก์ตอนและสาหร่ายที่แผ่ปกคลุมอย่างหนาแน่น เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเพรียงตีนเต่าชนิดนี้
ณ ปัจจุบัน การสร้างท่าเรือยังไม่แล้วเสร็จ ฉินสือโอวจึงวางแผนใช้แนวปะการังเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของเพรียงตีนเต่าก่อน แล้วสุดท้ายค่อยย้ายกลับไปที่ท่าเรือ
ใครที่กังวลว่าเพรียงตีนเต่าจะสามารถอยู่รอดบริเวณแนวปะการังได้หรือไม่นั้น ฉินสือโอวผู้นี้ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับปัญหานี้แม้แต่น้อย เพราะด้วยพลังควบคุมของโพไซดอน เขาสามารถหอบเจ้าเพรียงตีนเต่านี้ไปยังแม่น้ำและทำให้พวกมันมีชีวิตรอดต่อไป
เราสามารถเห็นได้ชัดถึงพลังอำนาจของพลังโพไซดอนที่สามารถควบคุมอารมณ์จิตวิญญาณและความอุดมสมบูรณ์ของหมู่สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล เขาเองก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อเช่นกันว่าภายภาคหน้าเพรียงตีนเต่านั้นจะเป็นอย่างไร หลังจากได้รับพลังอำนาจไปแล้ว
เวลานี้ฉินสือโอวต้องรีบเร่งดำเนินการให้สร้างท่าเรือจนเสร็จ เนื่องจากว่าเมื่อจะถึงฤดูผสมพันธุ์ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน จะได้หอบย้ายตัวอ่อนทั้งหมดกลับมายังท่าเรือก่อนถึงกำหนด เพราะถ้าหากเพรียงตีนเต่าโตเต็มวัยแล้ว จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลับมาได้ สิ่งที่เขาคิดฝันไว้ก็จะพังทลายลง
ความแรงของคลื่นในหลายวันนี้ มีส่วนช่วยในการขนย้ายตัวอ่อนของเพรียงตีนเต่าได้เป็นอย่างดี
ทะเลในตอนนี้ ตามโขดหินจะเต็มไปด้วยซากตัวเต็มไวของเพรียงตีนเต่าที่ทำการย้ายไปไม่ได้ ส่วนในทะเลเต็มไปด้วยตัวอ่อน ลักษณะของพวกมันก็เหมือนกับแพลงก์ตอนทั่ว ๆไปที่ยังไม่มีเปลือกห่อหุ้ม ดูแล้วก็คล้ายๆลูกอ๊อด แต่มีส่วนเพิ่มมาคือขาสามคู่ ซึ่งตอนนี้บ้างก็กำลังแหวกว่ายอยู่กลางทะเล บ้างก็ลอยลิ่วไปตามแรงคลื่นอย่างสนุกสนาน
แม้จะมีคำพูดว่าผู้หญิงเรานั้นจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพได้อย่างชัดเจนช่วงในวัยสิบแปดปีนั้น เขายังนึกภาพไม่ออกเลยว่าตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าที่ขยับไปมาเหล่านี้ เมื่อเติบโตขึ้นมันจะไม่สามารถขยับไปไหนราวกับภูเขาทื่อๆได้อย่างไร
จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวได้ปกคลุมตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าเป็นวงกว้าง เขารวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าที่กำลังแหวกว่ายอยู่นั้นไปยังแนวปะการัง
การดูแลเพรียงตีนเต่านั้นต้องใช้ความละเอียดและพิถีพิถัน เนื่องจากการเติบโตที่มีความสลับซับซ้อนของมัน ที่จะต้องอาศัยกระบวนการการเติบโตตั้งแต่เป็นตัวอ่อนจนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยถึงเจ็ดขั้นตอนเลยทีเดียว!
เพรียงตีนเต่าเมื่อถูกย้ายมายังแนวปะการังแล้ว พวกมันก็จะเริ่มหาที่ของมันเพื่อรอการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ จนมีตัวอ่อนออกมา ถึงจะย้ายกลับมาอาศัยอย่างถาวรที่ท่าเรืออีกที
ตัวอ่อนของเพรียงตีนเต่านั้นอาศัยอยู่โดยกินพืชจำพวกไดอะตอมหรือสาหร่ายเซลล์เดียวเป็นหลัก เมื่อร่างกายเติบโตขึ้นก็จะค่อย ๆ สร้างเปลือกหุ้มแข็งๆสองชิ้นขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวอันอ่อนนิ่มของพวกมัน และขณะเดียวกันก็จะเริ่มสร้างเมือกเหนียวเพื่อยึดเกาะกับหินปะการังไว้
ตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าได้ถูกลำเลียงไปแล้วประมาณสี่หมื่นถึงห้าหมื่นตัว สร้างความพอใจให้กับฉินสือโอวเป็นอย่างมาก จนเขาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งสบาย เพราะตามทฤษฎีแล้ว อัตราการอยู่รอดของมันตั้งแต่เริ่มกระบวนการการเจริญเติบโต มีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ ก็คล้าย ๆ กับสัตว์ทะเลทั่ว ๆ ไป ดังนั้นการแพร่พันธุ์จึงต้องผลิตตัวอ่อนออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อดำรงไว้ซึ่งความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของมัน
พูดได้ว่าจิตสำนึกโพไซดอนนั้นเหมือนกำลังเล่นกลโกงในการนำเพรียงตีนเต่าเหล่านี้มาแพร่พันธุ์ยังแนวปะการัง พลังทำให้สิ่งมีชีวิตนี้ให้แข็งแรง ไม่สูญพันธุ์ง่ายและอยู่รอดปลอดภัยจากศัตรู
เมื่อผนวกพลังของเขาและลักษณะการขยายพันธุ์เข้าด้วยกัน ทำให้อัตราการอยู่รอดที่มีอันน้อยนิดของเพรียงตีนเต่า กลับเพิ่มขึ้นถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ฉินสือโอวก็ได้ติดตามปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือไปยังทะเลลึก เพื่อหวังจะหาเปลือกหอยทากทะเลลึกที่มีขนาดใหญ่อย่างหอยนมสาวทะเลยักษ์ แต่สุดท้ายก็ได้เพียงเปลือกหอยเชลล์ธรรมดาและหอยไข่มุกเท่านั้น ส่วนเปลือกหอยที่มีค่าอะไรนั่นเขาไม่สามารถหาได้เลย
เขาได้นำจิตสำนึกโพไซดอนไปใช้กับปลาทูน่าครีบเหลือง นับว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีทีเดียว สหายปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนี้ได้พาเขาไปเจอกับกลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮ
ปลาแซลมอนโคโฮ เป็นสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลของวงศ์ปลาแซลมอน ซึ่งปกติพันธุ์นี้จะพบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาแซลมอนโคโฮนั้นเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีราคาค่างวด ราคาของมันจัดว่าสมเหตุสมผล ความยาวของลำตัวเมื่อโตเต็มวัยสามารถยาวได้ถึงหกสิบเซนติเมตร ส่วนกลุ่มที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้มีความยาวราว ๆ ครึ่งเมตรเลยทีเดียว
ปลาแซลมอนโคโฮ ตามธรรมชาติแล้วจะอาศัยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แต่ที่เห็นอยู่นี้นั้นไม่จัดว่ามากนัก เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆจำนวนราวๆสองพันตัว เท่านั้น ซึ่งท่าทางของพวกมันดูลุกลี้ลุกลน ว่ายไปว่ายมาในทะเลลึกราวกับหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง หรือว่า นี่พวกมันกำลังหนีอะไรกันอยู่นะ!
เนื่องด้วยเนื้อของปลาแซลมอนโคโฮนั้นหวานอร่อย มีลำตัวอ้วนท้วน อาศัยกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีหลากหลายสายพันธุ์ และด้วยธรรมชาติของพวกมันที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ จึงทำให้ปลาแซลมอนโคโฮเป็นเป้าหมายสำคัญของนักล่าอาหารทะเลอันโอชะ ซึ่งความหวานอร่อยของเนื้อปลานั้นไม่ใช่ความผิดใดๆของปลาเลย แต่ผิดที่ความอร่อยของมันนั้นมีค่าราวกับหยกอันล้ำค่า ที่ใคร ๆ ก็หมายปอง
ทุกครั้งที่กลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮปรากฏตัวนั้น จะต้องพบว่าพวกมันกำลังถูกไล่ล่าโดยกลุ่มฉลามจำนวนหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ได้พบเห็นกลุ่มของฉลามหัวบาตรมาพร้อมกับกลุ่มของฉลามพยาบาลราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบตัว โดยไล่หลังตามมาติด ๆ พวกมันจะกินจากหางปลาไล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและน่าสยดสยอง
ในตอนนั้นเองมีปลาทูน่าครีบเหลืองกำลังหิวโหย มันว่ายน้ำหาอาหารด้วยความเร็ว เจ้าฉลามที่อยู่บริเวณนั้นเห็นเข้าก็อยากจะจับปลาทูน่าครีบเหลืองมาเป็นอาหารเช่นกัน โดยต้องอาศัยช่วงที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัวแล้วบุกเข้าโจมตีเหยื่อตัวนั้นอย่างรวดเร็ว จะนึกภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับเสือชีต้าที่รอเวลา ค่อย ๆ ย่องเข้าไป ให้ใกล้ตัวละมั่งให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเข้าตะครุบเหยื่อของมัน นั่นก็คือเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากฉลามคิดจะไล่ตามปลาทูน่าครีบเหลือง ที่ทิ้งระยะห่างออกไปเป็นสิบกิโลเมตร
เมื่อกลุ่มสังหารจ้องเป้าหมายอย่างแน่วแน่แล้ว ความเป็นไปได้ที่เหล่าปลาแซลมอนโคโฮจะมีชีวิตรอดไปได้ เรียกว่าสิ้นหวังเท่านั้น ต่อให้เจสัน แสตนสันขับรถสปอร์ตอย่าง อาวดี้ อาร์ 8 ผ่านมา ก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน
ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ายวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮ ปลาทูน่าครีบเหลืองมีความว่องไวกว่ามาก ดังนั้นเวลาจับเหยื่อกินทีเรียกได้ว่าสั่งได้อย่างใจเลยล่ะ
ขณะที่ฉินสือโอวมองไปยังกลุ่มปลาแซลมอนโคโฮอยู่นั้น เขาก็คิดที่จะพาพวกมันไปไว้ในฟาร์มปลาของตัวเองทันที จึงทำการควบคุมพลังของฉลามทั้งหมดตรงนั้นให้หนีไปให้พ้นทาง แล้วค่อยๆนำปลาแซลมอนโคโฮให้ว่ายไปที่ฟาร์มปลา
ขณะที่เขากำลังนำปลาแซลมอนโคโฮไปยังฟาร์มปลา ทันใดนั้นหู่จือและเป้าจือ สุนัขทั้งสองของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น ตาของมันเป็นประกาย หูที่ตั้งเป็นปกติก็เริ่มลูบแนบชิดกัน พวกมันปีนมาจนชิดกระจกหน้ารถเพื่อจ้องมองเจ้านายและเหล่าฝูงปลาที่อยู่บริเวณสวนผัก พร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ
ฉินสือโอวเห็นแล้วว่าเจ้าบ้านมา
เขาจึงได้ให้ปลาทูน่าสีดำรับช่วงต่อในการนำทางให้กับบรรดาปลาแซลมอน ส่วนเขานั้นได้หันมาเตรียมตั้งรับกับสหายที่กำลังรออยู่ด้านนอก
เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เขาได้เตรียมปืนเออาร์-15 ไว้ ทำการบรรจุกระสุนอย่างเรียบร้อย ถือไว้อย่างระแวดระวัง และตั้งกลไกอัตโนมัติไว้ติดต่อกันสามครั้งต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง สี่ถึงห้านาทีต่อมา จู่ ๆ ไฟใหญ่หน้ารถก็สว่างขึ้น ประตูรถเริ่มแง้มออก
ทันทีที่ประตูเปิดออก หู่จือและเป้าจือต่างพากันคำรามอย่างบ้าคลั่ง กระโจนออกมาอย่างหื่นกระหาย ความเร็วของมันราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่กำลังยิงออกมาหลายๆนัด
ท่าทางของฉินสือโอวเหมือนกับทหารที่พร้อมรบในสมรภูมิ เขาเหนี่ยวไกปืนอย่างแน่วแน่ เอียงศีรษะเล็กน้อย กำหนดเป้าหมายเล็งไว้อย่างแม่นยำ ท่าทางเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
“ไปๆๆ ! ไปสิ ไป!” ฉินสือโอวร้องตะโกนระหว่างวิ่งไปพลาง แล้วเขาก็ยิงปืนขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณเตือน
บางตัววิ่งใกล้จะมาถึงสวนผักแล้วก็ตกใจชะงักไป เอ๊ะ? ทำไมแป๊บเดียวฟ้าก็สว่างแล้วล่ะ? แล้วจู่ ๆ ยังมีเจ้าสุนัขวิ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำไมพวกมันวิ่งกระโจนออกมาแบบนี้นะ?
ที่ชาร์คเอ่ยมานั้นไม่ผิดเลยสักนิด ตรงนั้นมันรังของเม่นนี่ ตรงนั้นมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ คาดว่าคงจะเป็นแม่และลูกอ่อนของมัน
ครั้งแรกที่หู่จือและเป้าจือเห็นความอวบอ้วนของเม่น ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปท้าทายและพิสูจน์ความอร่อยของมันทันที แถมยังไม่ฉุกคิดถึงพิษสงที่ตัวเองกำลังจะได้รับด้วย
ในที่สุดวันนี้สุนัขนักล่าทั้งสองกำลังจะพ่ายแพ้ ณ สมรภูมิของตัวเอง!
ขณะเดียวกันที่ตะวันสาดแสง เจ้าเม่นเริ่มนิ่งเงียบแล้วรวมตัวกัน โดยแม่จะนำอยู่ข้างหน้า ลูก ๆ ตามติดอยู่ข้างหลัง ทั้งหมดพองขนชันยืนประชันหน้า ราวกับกองทัพเรือที่ชำนาญการรบ
หู่จือและเป้าจือบุกโจมตีเม่นอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าไปแล้วกระโดดขึ้นใส่ในทันใด!
ฉินสือโอวไม่รู้มาก่อนเลยว่า สุนัขแลบราดอร์ที่แสนน่ารักเหล่านี้ จะกลายร่างเป็นลูกแมวในฉับพลัน ปากมันเต็มไปด้วยขนเม่น ความเจ็บทำให้มันกระโดดดีดไปมาด้วยความสูงราว ๆ เมตรนึงได้เลยทีเดียว!
“เอ๋ง เอ๋ง! เอ๋ง เอ๋ง……” สุนัขทั้งสองตัวร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่มันล้มฟุบไปที่พื้น มันอ้าปากร้องอย่างทรมาน เพราะมันไม่สามารถหุบปากของมันลงได้ แค่กัดไปครั้งเดียวก็ทรมานแสนสาหัส
ฉินสือโอวทรมานแทบขาดใจ ที่เขาลืมฝึกฝนพวกมันให้ดีเสียก่อน ฉินสือโอวได้สะพายปืนขึ้นแล้วโอบอุ้มเจ้าสุนัขทั้งสองไว้ พร้อมกับเป่าลมไปที่ปากของพวกมัน แล้วปลอบประโลมว่า “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็หายแล้ว เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะ”
เสียงเห่าหอนของทั้งสองตัวได้ไปปลุกฉงต้าเข้า มันปีนลงมาจากบนรถด้วยท่าทางที่งัวเงีย มันนึกว่าที่นี่คือห้องนอน มันจึงก้าวออกมาและเหยียบพลาดพลัดกลิ้งตกลงมา
ฉินสือโอวผู้ซึ่งยังเสียใจกับสุนัขของตัวเอง แต่กลับมาเจอเหตุการณ์อันชวนตื่นเต้นขึ้นทันใด จึงร้องไห้ไม่ออก นี่เรากำลังเลี้ยงสัตว์อะไรอยู่บ้างนะ?
…………………………………………………………….