ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 628 ในที่สุดก็ต้องจากกัน

หู่จือกับเป้าจือก็เตรียมพร้อมจะลงมือกินปลาทอดเหมือนกัน ฉินสือโอวจึงดึงต้าป๋ายที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนขอบกะละมังลงมาแล้วรีบบอกให้พวกมันนั่งกันดีๆ
เขาหยิบกะละมังข้าวของเหล่าสัตว์เลี้ยงออกมา ไม่จำเป็นต้องจัดแบ่งเขาก็โยนกะละมังลงไปบนพื้นทันที ของใครเป็นของใครก็พากันเข้ามาคาบไปเองแล้วกัน
เหล่าสัตว์เลี้ยงมีจิตสำนึกต่อการปกป้องอาณาเขตที่แข็งแกร่งมาก วินนี่เคยวิเคราะห์ให้ฉินสือโอวฟัง เธอบอกว่าพวกมันไม่ได้ปกป้องอาณาเขต แต่ปกป้องอาหารต่างหาก นอกจากนี้เนื่องจากพวกมันอาศัยอยู่ด้วยกัน พวกมันจึงไม่มีจิตสำนึกเรื่องอาณาเขต แต่เปลี่ยนจิตสำนึกการปกป้องอาณาเขตของสัตว์ป่าไปเป็นการปกป้องกะละมังข้าวของตัวเอง
ฉินสือโอวนำไข่แดงที่แยกออกมาก่อนหน้านี้ลงไปทอดในกระทะ จากนั้นก็แบ่งให้เหล่าสัตว์เลี้ยงทีละตัว หลัวปอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของวินนี่ ฉินสือโอวจึงมองข้ามมันไปแล้วเอาส่วนของมันไปให้ฉงต้า
พอหลัวปอเห็นอย่างนั้นก็ร้องครวญครางขึ้นมาทันที มันดันวินนี่ออกแล้วกระโดดลงมาจากอ้อมอกของเธอ มันคาบกะละมังของตัวเองเอาไว้แล้วเข้าไปหาฉินสือโอว พอวางลงแล้วก็ร้องอ๋าวๆ ใส่ไข่แดงทอดที่อยู่ในมือของฉินสือโอว
“โอเค โอเค ของแกไม่หมดหรอก!” ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา ทำไมเขาถึงเลี้ยงพวกมันออกมาจนตะกละได้ขนาดนี้นะ?
พอแบ่งไข่ทอดเสร็จแล้ววินนี่ก็พยักหน้าให้ สัตว์เลี้ยงทั้งห้าตัวจึงติดเครื่องด้วยความรวดเร็วทันที พวกมันเลียกะละมังจนเสียงดัง ‘แผล็บๆ ’
ฉินสือโอวแบ่งปลาที่ทอดเสร็จแล้วให้กับสัตว์เลี้ยงทั้งห้าตัวอีกครั้ง ต้าป๋ายค่อนข้างสนใจไข่ทอด ปลาทอดและเนื้อทอดอะไรพวกนั้นไม่น่ากินเลยสำหรับมัน มันกินปลาตัวเล็กไปสองตัวก็ย่นจมูกดมๆ ดูแล้วจึงแบ่งปลาทอดทั้งหมดให้ฉงต้า
ฉงต้ากินได้ทุกอย่าง พอกินของตัวเองจนหมดแล้วก็แอบมองกะละมังข้าวของสัตว์เลี้ยงตัวอื่น มันอาศัยช่วงที่หลัวปอเผลอยื่นหัวเข้าไปกัดกินปลาทอดมาหนึ่งคำ
พอหลัวปอเห็นว่ากะละมังใส่อาหารของตัวเองถูกฉงต้าแตะต้อง มันก็ร้องขึ้นมาด้วยความไม่พอใจทันที มันส่งเสียงร้องออกไปพร้อมกระทืบเท้าด้วยความโกรธสุดขีด
วินนี่ตามไปหิ้วหูกลมๆ ของฉงต้ามาอยู่ข้างหน้าหลัวปอแล้วแกล้งทำเป็นฟาดก้นของฉงต้าแรงๆ หลายครั้งหลัวปอถึงได้รามือไป มันคาบกะละมังของตัวเองไปที่ด้านหลังฉินสือโอวแล้วค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ ด้วยความระแวดระวัง
ช่วงกลางคืนฉินสือโอวก็เลือกปลาปากแหลมตัวใหญ่ที่อ้วนที่สุดมาสองตัว ตัวหนึ่งเอามาคลุกน้ำมัน ส่วนอีกตัวก็เอามานึ่งซอส ปลาสองตัวนี้ล้วนแล้วแต่มีความยาวหนึ่งเมตรครึ่งทั้งคู่ หลังจากหันเป็นท่อนๆ แล้วก็ได้เนื้อปลาที่ทั้งขาวทั้งนุ่มเหมือนเต้าหู้ออกมา
นีลเซ็นเอาเบียร์มาหนึ่งถัง บนถังเบียร์มีตัวหนังสือคำว่า ECLIPSE ไว้หนึ่งแถว ฉินสือโอวรู้จักวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของอเมริกากับแคนาดาไม่ลึกซึ้งเท่าไร ปกติถ้ามีเบียร์อะไรเขาก็ดื่มอันนั้น เขาดื่มเหล้าเอาบรรยากาศไม่ใช่เพราะรสชาติ
แต่พอพวกซีมอนสเตอร์เห็นถังเบียร์ก็พากันผิวปากขึ้น ฉินสือโอวถามว่าเบียร์ยี่ห้อนี้เป็นยังไงบ้าง เบิร์ดจึงเล่าให้เขาฟังว่า “นี่คือเบียร์บ่มถังเหล้าของอิมพีเรียลสเตาท์ (imperial-stout) เป็นเหล้าที่เพื่อนทหารของเราส่งมาให้ เขาทำฟาร์มอยู่ที่เทือกเขาเซียร์รา เนวาดา เลยมีลู่ทางทำเบียร์แบบนี้ได้”
อิมพีเรียลสเตาท์ ฉินสือโอวเคยรู้จักชื่อเรียกเฉพาะนี้มาก่อน เขาสามารถเข้าใจได้ว่ามันเป็นเบียร์เอลรสชาติร้อนแรงที่ทำขึ้นเพื่อราชวงศ์โดยเฉพาะ เป็นคราฟท์เบียร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของอเมริกา ผับดาราประกายก็มีเบียร์ชนิดนี้เหมือนกัน แถมยังราคายังสูงมากด้วย
สำหรับเบียร์เอลรสชาติรุนแรงชนิดนี้ ฉินสือโอวไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก พอเห็นสีดำเข้มข้นของเบียร์ ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไรแล้ว
แต่ยังไงนี้ก็เป็นเบียร์ที่เพื่อนทหารของนีลเซ็นกับเบิร์ดตั้งใจส่งมาให้โดยเฉพาะ เขาจึงต้องลองดื่มดู ชาร์คช่วยเปิดขี้ผึ้งที่ใช้ปิดถังเบียร์ออกแล้วเทเบียร์สีดำปิ๊ดปี๋ดังตู้มๆ ๆ แบ่งใส่แก้วใบใหญ่หลายใบ
ซีมอนสเตอร์หยิบขี้ผึ้งปิดปากถังขึ้นมา เขามองดูมันแวบหนึ่งแล้วเป่าปากพูดขึ้น “จุ๊ ผนึกสีม่วงเอไลจาห์ เครกถังหมัก 12 ปี? นี่เป็นของดีจริงๆ ตอนนี้จะหาพวกมันในตลาดของนิวฟันด์แลนด์ก็ยากมากๆ แล้ว”
ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขามีความพิถีพิถันไม่น้อย แต่เขาไม่ได้อยากทำความเข้าใจมันจึงยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มลงไปหนึ่งอึก ปรากฏว่าพอลองชิมดูแล้วเขากลับสัมผัสได้ถึงรสชาติบางๆ ของซอสถั่วเหลือง……
เขาไม่คุ้นชินกับการดื่มเบียร์เอลชนิดนี้จึงส่งให้อีวิลสันแทน ส่วนเขาก็ไปยกเบียร์บัดไวเซอร์มา เบียร์ระดับล่างแบบนี้ยังถูกปากเขามากกว่า
เหมาเหว่ยหลงข้ามมาหยิบเบียร์บัดไวเซอร์ไปหนึ่งขวดแล้วเอาขวดเบียร์ชนกันกับฉินสือโอว หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ผิวน้ำทะเลพร้อมพูดขึ้นมา “โอวหยางติดต่อฟาร์มให้ฉันแล้วหลายที่ ฉันต้องเตรียมตัวไปดูแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงต้องออกเดินทางแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวดื่มเบียร์เข้าไปหนึ่งอึกให้รู้สึกคึกคัก “อยู่ที่ไหน? ที่ราบแพร์รีเหรอ? ให้ฉันไปดูเป็นเพื่อนนายไหม?”
เหมาเหว่ยหลงหันมามองเขาแล้วส่ายหน้าพูด “ไม่ใช่ อยู่ที่รัฐมอนตานา”
ฉินสือโอวเบิกตากว้างทันที เขาถามด้วยความประหลาดใจ “อเมริกา? นายจะไปทำฟาร์มที่อเมริกาเหรอ? ที่แคนาดาไม่ดีเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงยักไหล่เล็กน้อยแล้วตอบเขา “ก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก รัฐมอนตานาเป็นพื้นที่รอบนอกของรัฐมอนตานา อยู่ใกล้กับนิวฟันด์แลนด์ของพวกนายยิ่งกว่าที่ราบแพร์รีซะอีก โอวหยางบอกว่าที่นั่นมีเมืองเล็กๆ ที่ทำฟาร์มอยู่ เหมือนจะเป็นคนเชื้อสายจีนแบบพวกเราทั้งนั้นเลย ฉันเลยอยากลองไปดูสักหน่อย”
“ลองดูที่แคนาดาโอเคไหม? นายอยู่ที่มอนตานา ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาฉันที่อยู่ทางนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นที่แคนาดา ฉันมีกลุ่มเพื่อนที่ช่วยได้เยอะแยะเลย” ฉินสือโอวให้คำปรึกษา
เห็นฉินสือโอวเหนี่ยวรั้งอย่างสุดความสามารถ เหมาเหว่ยหลงก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไป “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ โอวหยางบอกว่าเขาดูฟาร์มที่เขตโกลเด้น ฮอร์สชูให้ฉันไว้สองที่ พวกเราหาเวลาไปดูก็ได้”
ฉินสือโอวค่อนข้างพึงพอใจผลลัพธ์แบบนี้แล้ว เขายกขวดเบียร์ขึ้นมาชนกับเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “พี่ชาย ฉันพูดจริงๆ เลยนะ นายอยากทำฟาร์มจริงๆ เหรอ?”
เขาเดาว่าจนถึงทุกวันนี้เหมาเหว่ยหลงก็น่าจะยังไม่เคยทำงานเกษตรเลยสักครั้ง คุณชายตระกูลองครักษ์เสื้อแพรจะทำงานพวกนี้ได้เหรอ? นอกเสียจากจะมีดัชนีทองคำแบบฉินสือโอวน่ะนะ
แต่ทว่าในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้มีสิ่งนี้
เหมาเหว่ยหลงพูดออกมายิ้มๆ “ฉันแค่อยากทำฟาร์มเล็กๆ ไม่ได้ต้องการความร่ำรวยอะไร ได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลิวซูเหยียนอย่างมั่นคงและปลอดภัยในทุกๆ วันก็พอ นอกจากนี้ตั๋วตั่วก็ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มากๆ ถึงตอนนั้นฉันก็จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างหมากับหมีเหมือนกัน ใช้ชีวิตแบบนั้นก็ดีมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ?”
ในเมื่อเหมาเหว่ยหลงทางสายนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ทำได้เพียงอวยพรให้เขาก้าวเดินต่อไปได้อย่างปลอดภัย เขารู้ว่าพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนนี้ไม่สามารถอยู่ที่ฟาร์มปลาและกินดื่มเอ้อระเหยไปวันๆ ได้ตลอดไป ถึงยังไงผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับหน้าตาและเกียรติยศอยู่ดี
แต่เหมาเหว่ยหลงก็ยังอยากไปรัฐมอนตานาก่อน เมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากเกรตฟอลส์ โอวหยางไห่ช่วยเขานัดกับเจ้าของฟาร์มเพื่อเข้าไปเยี่ยมชมและเจรจาต่อรองราคาแล้ว
ฉินสือโอวช่วยเหมาเหว่ยหลงทำวีซ่าไว้เรียบร้อยแล้ว อเมริกากับแคนาดาเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง ของแค่มีวีซ่าของประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็จะเข้าไปอีกประเทศได้อยากง่ายดาย ถ้าหากมีกรีนการ์ดของประเทศหนึ่ง ก็จะยิ่งได้รับการละเว้นวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ
ช่วงบ่ายเหมาเหว่ยหลงก็นั่งเครื่องบินไปที่เกรตฟอลส์ หลิวซูเหยียนพาตั๋วตั่วไปอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาชั่วคราว หลิวซูเหยียนทำงานอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังทำได้ไม่เลวเลย คนในเมืองต่างก็ชอบเรียกสาวสวยชาวจีนบุคลิกสง่างามคนนี้ว่าคุณครูหลิว
พลบค่ำฉินสือโอวก็นั่งเล่นกับหู่จือและเป้าจืออยู่ในสวน จากนั้นรถคัมรี่ของแฮมเล็ตก็ขับเข้ามา
หลังจอดรถแล้วเขาก็ยื่นหัวออกมามองดูว่ามีห่านขาวอยู่รอบๆ ไหม พอมั่นใจแล้วว่าปลอดภัยถึงได้ลงมาจากรถ ข้างๆ ตัวเขาคือคนเก่าแก่ที่คุ้นเคยกันดี ดอน แพตตัน นักวิจัยกรมทรัพยากรธรณีแห่งชาติแคนาดา
ก่อนหน้านี้ดอนเคยยืมเรือยอชต์ของฉินสือโอวออกทะเลไปตกปลาตอนกลางคืน ครั้งนี้มาถึงเมืองนี้อีกครั้งเขาจึงตั้งใจนำของขวัญมาเยี่ยมฉินสือโอวเพื่อขอบคุณน้ำใจที่ให้เขายืมเรือเมื่อครั้งที่แล้ว
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset