ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 641 นักศึกษาสมัครงาน

ดำน้ำชมก้นทะเลสาบไม่เหมือนการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถควบคุมผืนน้ำทั้งหมดได้ แทนที่จะดู สู้เรียนรู้จากการสัมผัสดีกว่า
ในตอนนั้นฉินสือโอวเป็นดั่งผู้ควบคุมที่อยู่เหนือข้อเท็จจริงของสังคม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ สามารถสังเกตสภาพการเจริญเติบโตของพวกมัน แต่กลับไม่มีความรู้สึกของตัวเขาเอง ตอนนี้เขาดำน้ำอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ ร่างกายของเขาสามารถสัมผัสแรงดันของน้ำได้อย่างชัดเจน มองซ้ายมองขวา ก็มีแต่น้ำใต้ทะเลสาบที่มืดสลัวกับหินกรวดหยาบๆ ใต้ก้นทะเลสาบ นั่นทำให้เขารู้สึกได้ว่าเป็นตัวเขาเองเป็นคนที่อยู่ใต้ทะเลสาบ ไม่ใช่เทพเจ้า
เงินทุนสำหรับปราบปรามปลาคาร์ฟเอเชียจำนวนสองแสนกว่าดอลลาร์ที่เมืองแฟร์เวลได้รับมาก่อนหน้านี้ถูกเอามาใช้เพื่อสร้างระบบนิเวศพืชใต้น้ำของทะเลสาบเฉินเป่าทั้งหมด หลังจากผ่านการสร้างมาเป็นเวลาครึ่งปี ตอนนี้ผลสำเร็จขั้นต้นก็ปรากฏให้เห็นแล้ว พืชน้ำใต้ทะเลสาบเจริญงอกงามจนดูเหมือนสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำเลยทีเดียว
นี่เป็นเรื่องดีสำหรับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ แต่สำหรับนักประดาน้ำแล้วนี่ก็คือสิ่งที่สร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขานั่นเอง ถ้าไม่ระวังจนถูกพืชน้ำพันขา นักประดาน้ำอาจจะถูกพันถึงขั้นเสียชีวิตอยู่ที่นี่ได้
ฉินสือโอวกลับไม่ได้รู้สึกกังวลกับเรื่องพวกนี้ เพียงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกระจายออกไปเล็กน้อย พืชใต้น้ำก็โอนอ่อนผ่อนตามและแผ่ตัวเรียบไปตามก้นทะเลสาบแล้ว เขาร่วงลงมาอยู่ด้านบนอย่างแผ่วเบา จึงไม่ต้องกังวลว่าจุดที่วางเท้าจะมีหลุมเลน
ทว่าบิลลี่กลับรู้สึกเป็นกังวลมาก เขาว่ายน้ำข้ามมาโบกมือด้วยความรวดเร็วแล้วตบๆ หน้ากากดำน้ำของฉินสือโอวเพื่อบอกให้เขาตามตัวเองมา เมื่อว่ายน้ำมาถึงบริเวณกำแพงฟอสซิลตรงแอ่งหลุมใต้ทะเลสาบ เขาก็เกาะอยู่กับก้อนหินหยาบๆ แล้วหยุดตัวลง
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วตามเข้าไป ในตอนนี้เขาสังเกตเห็นท่ามือของบิลลี่ที่อยู่ๆ ก็บอกให้เขาหมอบลง เขาจึงรู้ว่าด้านหลังของเขาน่าจะมีอะไรสักอย่างปรากฏตัวขึ้น เขาจึงปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปควบคุมน่านน้ำบริเวณรอบๆ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ปลาซ่งตัวหนึ่งที่มีขนาดความยาวหนึ่งเมตรว่ายน้ำผ่านไปอย่างมุทะลุดุดัน ลำตัวของปลาตัวนี้ค่อนข้างอวบใหญ่ หัวขนาดใหญ่ของมันดูเหมือนกับตอร์ปิโดใต้น้ำ ถ้าถูกมันชนคงแย่แน่นอน
ฉินสือโอวไม่เห็นมันอยู่ในสายตา เขาแผ่ตัวออกแล้วหมอบแนบลงไปกับก้นทะเลสาบตามคำสั่งของบิลลี่ คราวนี้แผ่นตีนเป็ดของบิลลี่ถีบลงไปบนผาหินหนึ่งครั้งแรงๆ มือขวาชักของที่เหมือนกับตะบองตำรวจอันหนึ่งออกมาจากต้นขา
อาศัยพละกำลังส่วนนี้ บิลลี่บุกตรงเข้าไปหาปลาซ่งตัวนั้น กระบองตำรวจในมือยืดยาวออกไปถึงสองเมตรครึ่งอย่างฉับพลันแล้วปะทะเข้ากับปลาซ่งตัวนั้นจังๆ
ส่วนปลายของกระบองอันนั้นเป็นดาบปลายปืนทรงสามเหลี่ยม เมื่อเสียบลงไปตรงส่วนแก้มของปลาซ่ง จากนั้นปลาซ่งก็สั่นสะบัดอยู่ในน้ำอย่างรุนแรง บิลลี่ปล่อยมือที่จับกระบองทิ้งให้ปลาซ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงนั้น มันดิ้นรนอยู่ไม่กี่ครั้งก็หงายท้องนอนมึนงงอยู่ที่เดิม
คราวนี้บิลลี่จึงชักกระบองยาวออกมา สะบัดข้อมือหนึ่งครั้ง กระบองยาวก็หดตัวจนกลายเป็นกระบองขนาดสั้นอีกครั้งหลังจากนั้นจึงถูกเขานำไปเสียบไว้ข้างๆ ต้นขา
ฉินสือโอวเข้าไปดูใกล้ๆ บิลลี่ไม่ยอมให้เขาจับแล้วทำท่ามือแกว่งไปมาเหมือนโดนไฟดูด แบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่านี่คือกระบองไฟฟ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันมีการทำงานใต้น้ำยังไง
ใต้ทะเลสาบไม่มีอะไรน่าดู ปลาตัวเดียวที่บังอาจเข้ามาใกล้ก็ถูกบิลลี่ใช้ไฟช็อตจนสลบไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงเข้าไปดูฟอสซิลที่หยาบและขรุขระพวกนี้อย่างสบายใจ
ฟอสซิลใต้ทะเลสาบยังไม่ถูกขุด ดังนั้นจึงมีแค่ส่วนเล็กมากๆ ที่ยื่นออกมา พวกเขาทำได้แค่แนบไปตามกำแพงตรงแอ่งหลุมในทะเลสาบเพื่อมองดูฟอสซิลกระดูกปลาหยาบใหญ่แต่ละชิ้น
ที่ฉินสือโอวอยากเห็นคือโมซาซอรัส เขาค่อนข้างรู้สึกสนใจสิ่งมีชีวิตอุปนิสัยโหดร้ายชนิดนี้ที่ได้สมญานามว่าเทพแห่งมหาสมุทรยุคครีเทเชียส สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สมกับคำกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งมหาสมุทรในยุคของพวกมัน ต่อให้ฉลามดุร้ายยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้เพียงอาหารของพวกโมซาซอรัส
บริเวณรอบๆ แอ่งน้ำถูกดอนและคนอื่นๆ ใช้เครื่องสำรวจใต้น้ำตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าได้ค้นพบฟอสซิลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับโมซาซอรัสที่ยังไม่โตเต็มวัยจำนวนสองตัว ตัวหนึ่งอยู่บริเวณส่วนล่างของแอ่งหลุม มีหัวโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง ส่วนตำแหน่งของอีกตัวก็อยู่บริเวณทิศตะวันออกของแอ่งหลุม
ฉินสือโอวเข้าไปดูหัวโมซาซอรัสใต้ทะเลสาบ มันไม่ได้ชัดเจนมากนัก แท้ที่จริงก็คือหินก้อนใหญ่หนึ่งก้อนเท่านั้น
นอกจากโครงกระดูกของโมซาซอรัส ส่วนอื่นก็เน่าเปื่อยจนหมดไปตั้งนานแล้ว ตะกอนดินทรายกับก้อนกรวดถูกเติมเข้าไประหว่างโครงกระดูกก่อนจะถูกกาลเวลาผสมผสานจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างทุกวันนี้ ต้องมองดูดีๆ ถึงจะดูลักษณะของมันออก
ส่วนที่โผล่พ้นออกมาของโมซาซอรัสมีเพียงกระดูกขากรรไกรด้านบนส่วนหน้าทรงกระบอกเท่านั้น นี่คืออาวุธของพวกมัน สามารถใช้มันเพื่อโจมตีและใช้เพื่อล่าอาหารได้ แถมยังสามารถใช้เพื่อต่อสู้กับพวกเดียวกันเองได้เช่นกัน
นี่เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีความดุร้ายทารุณมาก ขอแค่เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าก็จะต้องพบกับการล่าเหยื่อของพวกมัน
ขณะที่ยังไม่ได้หิวโหยมากนัก พวกมันจะล่าปลาทะเลขนาดใหญ่อย่างเม็กกาโลดอนกับสัตว์ประเภทแบ็ททอนิสอย่างเฮสเปอร์รอร์นิสเพื่อเป็นอาหาร แต่ถ้าเป็นตอนที่หิวมาก แม้แต่ อิกทิ โอ ซอ รัส ไลโอพลัวเรอดอนก็สามารถเป็นอาหารของพวกมันได้ทั้งนั้น พวกมันยังอาจจะถึงขนาดล่าโมซาซอรัสขนาดเล็กกับเพลสิโอซอร์เป็นอาหารได้เลยด้วยซ้ำ โหดร้ายป่าเถื่อนจริงๆ !
ฉินสือโอวใช้มือลูบฟอสซิลซี่ฟันแหลมคมในปากของโมซาซอรัสที่ปรากฏให้เห็นเป็นทรงกรวย ตอนนี้มันไม่แหลมคมอีกต่อไปแล้ว ทว่าอำนาจความน่าเกรงขามแบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังทำให้รู้สึกถึงได้อย่างชัดเจน
วนดูรอบๆ แอ่งหลุมไปแล้วหนึ่งรอบ แค่แป๊บเดียวฉินสือโอวก็รู้สึกเบื่อหน่าย พอดีกับที่บิลลี่โบกมือให้เขาเพื่อบอกว่าพวกเขาควรขึ้นไปได้แล้ว
ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วว่ายน้ำตามบิลลี่ขึ้นไปข้างบน
เนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับความดันน้ำ ทำให้หลังจากดำน้ำแล้วจะไม่สามารถโผล่พ้นผิวน้ำได้ทันที ฉินสือโอวกับบิลลี่จึงต้องออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายเพื่อเพิ่มพละกำลังและความกระฉับกระเฉงอยู่ในตำแหน่งความลึกใต้นำประมาณเจ็ดแปดเมตร แบบนั้นจะทำร่างกายให้เกิดความคึกคักอยู่ตลอด จนกระทั่งถึงครึ่งชั่วโมงค่อยโผล่พ้นน้ำและขึ้นเรือไปตามลำดับ
พอโผล่หัวออกไปแล้วถอดสายออกซิเจนออก บิลลี่ก็ยกนิ้วโป้งให้ฉินสือโอวพร้อมกล่าวชมเขา “โฮ่ๆ จัดการได้สวยมากเพื่อน ฉันนึกว่าดำน้ำครั้งแรกนายจะกลัวจนฉี่รดกางเกงซะอีก ตอนนี้เป้าคงไม่ได้เปียกนะ?”
ฉินสือโอวส่งเสียงเหอะอย่างจองหอง “น้ำลึกห้าสิบเมตร มันไม่เห็นจะมีอะไร? ถ้าเป็นน้ำลึกห้าร้อยเมตร บางทีฉันอาจจะรู้สึกกดดันนิดๆ ก็ได้ แต่นี่ไม่เห็นจะมีความแตกต่างระหว่างน้ำลึกกับการอาบน้ำตรงไหนเลย?”
พูดจบเขาก็กางมือทั้งสองข้างออกแรงๆ เขาจับแคมเรือไว้แล้วก็กระโดดขึ้นไปข้างบน
ดอนได้ยินก็ถึงกับกะพริบตาปริบๆ บ้าน่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? เก่งกาจถึงขนาดนี้เลยเหรอ? นั่นเป็นน้ำลึกห้าสิบเมตรนะ ที่จริงการดำน้ำลึกระดับนี้เหมาะสำหรับนักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น เพราะงั้นถึงต้องมีนักประดาน้ำที่มีคุณวุฒิมาให้คำแนะนำไงล่ะ ดังนั้นถึงแม้ว่าทีมกู้ซากฟอสซิลของพวกเขาจะมีนักประดาน้ำมืออาชีพ แต่เขาก็ยังต้องเชิญบิลลี่มาควบคุมสถานการณ์โดยรวมอยู่ดี
พอขึ้นมาบนเรือแล้วก็มีคนส่งบรั่นดีที่เตรียมไว้มา ฉินสือโอวดื่มลงไปครึ่งแก้วเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับผิวหนังที่เยียบเย็น สถานที่ในระดับน้ำลึกห้าสิบเมตร ถึงแม้อุณหภูมิจะไม่ได้ติดลบ แต่เนื่องจากความร้อนที่ไหลผ่านอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอันตรายต่อคนเป็นอย่างมาก
ดำน้ำเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ บิลลี่ยังต้องอยู่ที่นี่ต่อเพื่อเริ่มทำงาน เขาจึงขับรถกลับวิลล่าไปคนเดียว
ช่วงเที่ยงหลังจากทานอาหารเสร็จ เขากำลังจะเตรียมตัวนอนกลางวัน แต่จู่ๆ หู่จือกับเป้าจือที่กำลังเล่นกันอยู่ตรงประตูก็แหงนหน้ามองประตูของวิลล่าที่อยู่ไกลออกไปพร้อมเห่าโฮ่งๆ ๆ ออกมาสองสามครั้ง
ฉินสือโอวลองออกไปดูก็พบกับวัยรุ่นชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู
“มีธุระอะไรหรือเปล่า?” ฉินสือโอววิ่งเข้าไปถาม
วัยรุ่นชายที่ดูมีความมั่นใจเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาก่อน เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ คุณคือมิสเตอร์ฉินสือโอวเจ้าของฟาร์มปลาใช่ไหมครับ? ผมชื่อหวังเหล่ย ส่วนนี่คือเหยาลี่ลี่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม พวกเราเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยเพลสตัน เราอยากใช้ช่วงปิดเทอมใหญ่หาที่ทำงาน ไม่ทราบว่าตอนนี้ที่นี่ต้องการคนทำงานไหมครับ?”
พวกเขาเป็นคนจากภูมิลำเนาเดียวกันทั้งนั้น ฉินสือโอวไม่อยากจะแสดงออกอย่างเย็นชาเกินไปจึงเชิญพวกเขาเข้ามาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ในบ้านก่อน ในความเป็นจริงแล้วทางฝั่งเขาไม่ได้ขาดคนทำงานเลย แถมยังมีชาวประมงกลุ่มใหญ่กำลังต่อแถวรอทำงานอยู่อีกต่างหาก
เพียงแต่เขาเห็นว่าหวังเหล่ยกับเหยาลี่ลี่ดูมีจิตใจที่ไม่เลวเลย อีกทั้งบุคลิก ท่าทาง คำพูดคำจาก็ยังดูมีการศึกษา ดังนั้นเขาจึงพิจารณาที่จะให้โอกาสพวกเขาได้ทำงานระยะสั้น
เขาอยู่ที่นครเซนต์จอห์นมาปีกว่าแล้ว รู้เรื่องในพื้นที่มาพอสมควร เขารู้ว่าหวังเหล่ยกับเหยาลี่ลี่น่าจะเป็นนักศึกษาต่างชาติซ้ำชั้น ตอนนี้น่าจะกำลังต้องการความช่วยเหลือ
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset