ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 121 งมแผ่นเงิน

บทที่ 121 งมแผ่นเงิน
โดย
Ink Stone_Fantasy

ที่แคนาดา เด็กที่มีอายุเต็มหกขวบต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว ไม่ค่อยเหมือนกับที่จีนเท่าไรนัก ที่นี่จะรวมชั้นประถมกับมัธยมต้นเข้าด้วยกันรวมเป็นจำนวนเก้าระดับชั้น ส่วนชั้นมัธยมปลายจะเริ่มตั้งแต่ชั้นปีที่สิบ
ชั่วโมงเรียนชั้นประถมของแกรนท์เป็นไปตามมาตรฐานชั่วโมงเรียนของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ เริ่มเรียนตอนแปดโมงครึ่งถึงแปดโมงห้าสิบ บ่ายสามโมงจึงเลิกชั้นเรียน วิชาพลศึกษา การแสดงละครและกิจกรรมนอกตารางเรียนอื่นๆจะถูกจัดขึ้นหลังเลิกเรียนตอนบ่ายสามที่บริเวณนอกโรงเรียน
ฉินสือโอวกังวลว่าพาวลิสและเด็กๆที่เหลือจะเข้ากับการเรียนในโรงเรียนไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยผ่านการเข้าเรียนมาก่อน และด้วยอายุที่ไม่เท่ากันของแต่ละคนที่มีตั้งแต่แปดขวบถึงสิบขวบ ตามหลักแล้วพวกเขาต้องเข้าเรียนในชั้นปีที่สามจนถึงชั้นปีที่ห้าที่หกแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องมาเริ่มที่ชั้นปีที่หนึ่ง
หลังจากที่แกรนท์ถามอายุของเด็กๆแต่ละคนแล้ว เขาก็ได้จัดการตามนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เด็กๆทั้งสี่คนเข้าชั้นปีที่สองและชั้นปีที่สี่ตามอายุของพวกเขาแล้วกันนะครับ สองคนต่อหนึ่งชั้นเรียน จะได้ช่วยดูแลกัน”
“พวกเขาจะเรียนทันคนอื่นไหมครับ? ผมกลัวว่าถ้าพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเรียนไม่ทันคนอื่นแล้วจะคิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้”ฉินสือโอวถามครูใหญ่ด้วยความกังวล
ตอนนี้ภายในใจของพาวลิส เชอร์ลี่ย์และเด็กๆที่เหลือก็รู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำมากพอแล้ว เหมือนกับว่าพวกเขาจะยังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในฟาร์มปลาไม่ได้เลย ทุกๆวันพวกเขาล้วนแต่สำนึกได้เองว่าตัวเองควรจะทำต้องทำงาน พาวลิสเป็นคนจัดการแบ่งหน้าที่ เขาจะเป็นคนดูแลทำความสะอาด เชอร์ลี่ย์รับหน้าที่ทำอาหารเช้า กอร์ดอนทำหน้าที่ล้างจาน ส่วนมิเชลล์จะรับหน้าที่ดูแลสวนผลไม้เล็กๆ ถ้าหากไม่ยอมให้พวกเขาทำงาน พวกเขาก็จะทานข้าวไม่ลง
ครูใหญ่แกรนท์ยิ้มแล้วพูดปลอบเขาว่า  “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณคิดว่าเด็กๆอายุหกเจ็ดขวบพวกนั้นเรียนถึงไหนกันเหรอครับ? พวกเขาแค่มาที่นี่เพื่อเล่นสนุกเท่านั้นเอง ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนก็ให้คุณครูช่วยสอนเพิ่มหลังจากเลิกเรียนก็พอแล้วล่ะครับ”
จุดเด่นของการศึกษาในแคนาดาแตกต่างกับการศึกษาของประเทศฝั่งตะวันออกอย่างมาก การเรียนของเด็กประถมและมัธยมต้นจะค่อนข้างผ่อนคลาย โดยเฉพาะเด็กประถม จะถูกเน้นความสำคัญที่ “การเรียนรู้ท่ามกลางความสนุกสนาน” ส่งเสริมให้เด็กๆได้เรียนท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ผ่อนคลายและมีความสุข
ที่นี่ การเรียนของเด็กนักเรียนชั้นประถมจะมีความกดดันต่ำมาก ไปตลอดจนถึงชั้นปีที่เจ็ด วิชาเรียนจำพวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมีก็น้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย
การเรียนของเด็กชั้นประถมจะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงและเรื่องที่ช่วยปลูกฝังความสามารถให้กับนักเรียน ที่โรงเรียนไม่สนับสนุนวิธีการสอนที่เกิดจากการบังคับเด็ก การบ้านก็มีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนมีความสนใจต่อวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมากกว่า
นอกจากนี้ วันหยุดเรียนของนักเรียนชั้นประถมก็ยังเยอะเป็นพิเศษ นอกจากการปิดเทอมฤดูร้อนหลังจากสิ้นสุดปีการศึกษาของแต่ละปี ในหนึ่งปีการศึกษานักเรียนก็ยังจะได้ปิดเทอมอีกสองครั้ง รวมถึงหยุดเรียนในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสจำนวนสองสัปดาห์และวันหยุดฤดูใบไม้ผลิในช่วงกลางเดือนมีนาคมระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในระยะเวลาช่วงปิดเทอม นักเรียนสามารถเข้าร่วมทุกกิจกรรมในช่วงปิดเทอมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อีกทั้งหลักสูตรกวดวิชาก็ยังนับว่าเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งของช่วงปิดภาคเรียนอีกด้วย
เชอร์ลี่ย์และมิเชลล์ถูกจัดให้เข้าเรียนในชั้นปีที่สอง ส่วนพาวลิสกับกอร์ดอนถูกจัดให้เรียนในชั้นปีที่สี่ ธุระเรื่องนี้จึงใช้แค่เวลาสั้นๆเท่านั้น
ฉินสือโอวไปยืนเป็นเพื่อนฟังชั้นเรียนอยู่นอกห้องเรียนแค่ครู่เดียว ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าเด็กๆสามารถเข้าเรียนได้อย่างเรียบร้อยดี จึงเดินจากห้องเรียนมา
เขายังต้องเตรียมเอกสารที่ใช้สำหรับการเข้าเรียนของเด็กๆทั้งสี่คน ตามข้อกำหนดของนิวฟันด์แลนด์ จะสมัครเข้าเรียนชั้นประถมจะต้องมีใบรับรองสูติบัตร ใบบันทึกการรักษาพยาบาลและการฉีดวัคซีน ประวัติการเข้ารับการศึกษาและบันทึกที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเอกสารการเงินและประวัติการศึกษาพร้อมทั้งข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องของผู้ปกครองอย่างละเอียด
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ชาร์คก็รายงานกับเขาว่า “ตกลงเรื่องปูเสฉวนบกเรียบร้อยแล้ว วันมะรืนก็เอามาส่งได้แล้วล่ะ”
ฉินสือโอวพยักหน้า “เรื่องนี้ให้นายเป็นคนจัดการก็พอแล้ว ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่กับธุระอื่นน่ะ”
เรื่องที่เขาต้องจัดการก็คือแผ่นเงินมูลค่าแปดสิบล้านที่อยู่บนเรือดังเคิลออสเดียสนั่นเอง
“แล้วเรื่องสัญญาล่ะ?” ชาร์คถาม
ฉินสือโอวตอบโดยใช้จิตสำนึกว่า “ให้คุณเออร์บักมาจัดการ……” คิดไปคิดมา ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้เขายังไม่ได้เจอเออร์บักเลย เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ช่วงนี้คุณเออร์บัก กำลังยุ่งอยู่กับอะไรเหรอ พวกนายมีใครได้เจอท่านบ้างไหม?”
ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นส่ายหัว พอเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ส่ายหัว อีวิลสันก็รีบส่ายหัวบ้าง
ในตอนเช้า ซีมอนสเตอร์ช่วยตัดผมและโกนหนวดเคราที่รกรุงรังของอีวิลสันออก ทีแรกฉินสือโอวนึกว่าจะได้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายน่ากลัวเหมือนใบหน้าของชาร์คและซีมอนสเตอร์ แต่ปรากฏว่าหน้าตาของอีวิลสันกับค่อนข้างเยาว์วัย เพียงแต่ว่าดูเฉื่อยชาไปหน่อย
หลังจากที่ชาร์คอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง เขาถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายร่างกายกำยำสูงสองเมตรคนนี้นั้น เพิ่งจะมีอายุได้เพียงสิบเก้าปี!
ถ้าหากไม่ได้ตัดผม ไม่ได้โกนหนวด แล้วบอกว่าอีวิลสันอายุสี่สิบปี ก็คงมีคนเชื่อ
ฉินสือโอวโทรหาเออร์บัก ครั้งแรกไม่มีคนรับสาย ห่างไปไม่กี่นาทีเขาก็โทรซ้ำอีกหลายครั้ง น้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยล้าของเออร์บักจึงได้ดังขึ้นมา “ฉิน ว่ายังไง?”
“ไม่มีอะไรครับ ไม่ได้เจอคุณนานแล้ว เลยคิดถึงคุณนิดหน่อย ฮ่าฮ่า ช่วงนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ? ได้ยินเสียงของคุณแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะเหนื่อยมากๆเลยนะ”
เออร์บักเงียบไปสักครู่ แล้วจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ฉิน ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของนายนะ ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นห่วงใยนี่ช่างดีเหลือเกิน ฉันอยู่ที่ควิเบก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็กลับไปแล้วล่ะ”
วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเออร์บักดูจะไม่ค่อยปกติเท่าไร ชายชราเป็นคนที่มักจะมองโลกในแง่ดี และเข้มแข็งเป็นอย่างมาก แต่ดูท่าทางของเขาช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยของเขาสักเท่าไรเลย
ความกลัดกลุ้มในตอนที่รับพาวลิสและเด็กๆที่เหลืออยู่มาเลี้ยง ความเปลี่ยนแปลงในสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ เขาคิดว่าครั้งหน้าที่พบกับเออร์บัก คงต้องตรวจสอบดูให้ดีว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา
ในช่วงเที่ยงฉินสือโอวก็เริ่มครุ่นคิดว่าจะงมแผ่นเงินขึ้นมาอย่างไร เขาลองค้นดูในแผนที่ของกูเกิล ตำแหน่งของซากเรืออยู่ห่างจากฝั่งมากกว่าสองร้อยไมล์ทะเล ระดับความลึกมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเมตร แน่นอนว่าอยู่ในเขตทะเลน้ำลึก ในสภาพแวดล้อมแบบนี้กระทั่งทีมกู้ซากเรือมืออาชีพก็ยังงมหาซากเรือและวัตถุอื่นๆได้ยาก
เขานึกไปถึงวิธีที่เขาเคยใช้ให้ปลาทูน่าครีบเหลืองส่งแผ่นเงิน เขาคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นที่เพียงแค่ส่งแผ่นเงินชิ้นเดียวก็ทำให้ปลาทูน่าครีบเหลืองเหนื่อยแทบตายแล้ว ข้อนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคงจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ ถึงจะเป็นบอลหิมะกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวใหญ่ก็คงไม่ไหวเช่นกัน
เขาคิดมาหลายวิธีแต่ก็ยังใช้ไม่ได้ สุดท้ายฉินสือโอวก็ถึงทางสว่าง เขารู้สึกว่าตัวเองโง่ชะมัด แท้จริงแล้วมีวิธีที่ง่ายๆอยู่!
เขาหาสุ่มจับปลามาหนึ่งอัน เป็นของประเภทที่คล้ายกันกับกรงนก แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ยาวขนาดสองเมตร  ส่วนที่กว้างที่สุดมีขนาดหนึ่งจุดสี่เมตร ทำมาจากเหล็กกล้าทั้งอัน ของชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจับปลาทะเลชนิดใหญ่อย่างเช่นปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ และปลาแซลมอนชัม
ปกติแล้วในเวลาจับปลา ถ้าหากตกได้ปลาใหญ่ มีโอกาสสูงมากที่เอ็นตกปลาถูกดึงจนขาด  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อตกได้ปลาตัวใหญ่ก็จะมีสองคนที่ต้องร่วมมือกัน คนหนึ่งดึงเส้นเอ็นเลียบไปตามขอบอย่างคงที่ ส่วนอีกคนต้องนั่งอยู่ในเรือเล็กเพื่อหย่อนสุ่มจับปลาลงไปทางด้านหน้าของปลาใหญ่ เมื่อถึงเวลาก็ให้คนตกปลาปล่อยเส้นเอ็น แรงเฉื่อย จะทำให้ปลาใหญ่ตกลงไปในสุ่มจับปลาได้เองอย่างง่ายดาย
เมื่อนำสุ่มจับปลามาแล้ว ฉินสือโอวจึงได้พานีลเซ็นขับเรือยอชต์ทรอลเลอร์ออกทะเลไป
สาเหตุที่เขาพานีลเซ็นมา ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเจ้าหมอนี่ขับเรือได้ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะว่าเขาเคยเป็นทหาร มีนิสัยที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ถามนั่นถามนี่ และยังเป็นคนปากหนักมากๆ
ภายใต้คำสั่งของฉินสือโอว นีลเซ็นขับเรือยอชต์ทรอลเลอร์ออกไปสู่ทางทิศใต้ของมหาสมุทร บนมหาสมุทรยังคงมีเม็ดฝนเล็กๆที่กำลังตกปรอยๆอยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้มีลมทะเลอะไร ดังนั้นจึงขับเรือไปได้อย่างมั่นคง
ตัวเลือกของฉินสือโอวนั้นถูกต้องแล้ว แม้ว่าจะขับเรือมุ่งสู่ทางใต้มาไกลจนทำให้หัวของนีลเซ็นเต็มไปด้วยละอองน้ำ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา และทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
เมื่อมาถึงผิวน้ำด้านบนของเรือดังเคิลออสเดียส ฉินสือโอวก็ให้นีลเซ็นอยู่ในห้องขับเรือเพื่อบังคับเรือให้เสถียร ส่วนตัวเขาเองไปที่หางเรือเพื่อหย่อนสุ่มจับปลาลงไป
ที่ท้ายเรือมีลูกล้อกลิ้งที่มีเชือกป่านม้วนหนาพันอยู่ สุ่มจับปลาที่ทำมาจากเหล็กกล้าก็หล่นลงไปในน้ำ พร้อมกับเชือกป่านที่ตกลงไปอย่างรวดเร็ว
หย่อนเชือกป่านความยาวขนาดหนึ่งพันห้าร้อยเมตรเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดสุ่มจับปลาก็หยุดลงบนเพดานของซากเรือ
ต่อมา ก็ถึงคราวที่จิตสำนึกโพไซดอนที่ต้องทำงานแล้ว ฉินสือโอวควบคุมหมึกยักษ์ทุกตัวที่หลบซ่อนอยู่ในซากเรือ ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวของลำตัวมากกว่าหนึ่งเมตรครึ่ง ถึงแม้จะห่างไกลกับราชาหมึกยักษ์ในตำนานราวฟ้ากับดิน แต่ก็นับว่าเป็นหมึกยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากๆแน่นอน
หมึกพวกนี้เข้ามายังห้องของกัปตัน พวกมันม้วนเอาแผ่นเงินที่อยู่ในกล่องออกมา แล้วจึงว่ายน้ำมายังด้านบนของดาดฟ้าเรือ จากนั้นพากันต่อแถวเพื่อนำแผ่นเงินลงไปวางไว้ในสุ่มจับปลา
นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวได้คิดเอาไว้ เขาจะใช้สุ่มจับปลาแทนกระดานกระโดดน้ำ แล้วให้พวกหมึกขนของเข้ามา เมื่อถึงเวลาก็ใช้ลูกรอกไฟฟ้าลากมันขึ้นไปก็เรียบร้อยแล้ว
ส่วนจะอธิบายเรื่องที่มาของแผ่นเงินให้ชาร์คและคนอื่นๆนั้น ก็บอกว่าไปเจอมาจากซากเรือลำเล็ก แถวๆเขตน้ำตื้น ยังไงชีวิตของคนเราก็ต้องพึ่งทักษะการแสดงอยู่แล้ว ส่วนทักษะการแสดงของฉินสือโอวนั้นก็สามารถรับรางวัลตุ๊กตาทองคำได้เลยล่ะ
แผ่นเงินมีปริมาณหนาแน่น หนึ่งกล่องที่น้ำหนักถึงสิบตัน โชคดีที่เดิมทีเรือทรอลเลอร์ก็มีไว้เพื่อจับปลา ซึ่งปลาหนึ่งแหก็มักจะหนักหลายตัน ดังนั้นเมื่อรอให้แผ่นเงินถูกวางลงบนสุ่มดักปลาเสร็จ แค่เดินเครื่องลูกลอกไฟฟ้าก็สามารถดึงมันขึ้นมาได้แล้ว
บริเวณครึ่งหลังของเรือทรอลเลอร์คือห้องเก็บของ เมื่อลูกรอกยกสุ่มจับปลาขึ้นมาแล้ว ก็สามารถเอาแผ่นเงินไปวางไว้ในนั้นได้ทันที ทั้งหมดเป็นการเดินเครื่องจักรกล ฉินสือโอวไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น!
นี่คือความสามารถของวิทยาศาสตร์ล่ะ!
ลูกรอกเดินเครื่องเต็มกำลังแรงม้า ในการยกขึ้นลงหนึ่งรอบใช้เวลาจัดการเพียงสี่ห้านาทีเท่านั้น เช่นนี้แล้ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ห้องเก็บของบนเรือก็ถูกเติมเต็มด้วยแผ่นเงินหนึ่งกอง เพียงแต่ว่าตอนนี้แผ่นเงินถูกปฏิกิริยาที่เกิดจากการรวมตัวของออกซิเจนและสารอื่นในทะเลทำให้เปลี่ยนเป็นสีเทาน้ำตาล จึงไม่น่าดูเลยจริงๆ
ระหว่างขั้นตอนนี้ ฉินสือโอวก็ถือเบ็ดตกปลาทำทีว่าเขากำลังตกปลาอยู่โดยตลอด สุดท้ายเพื่อที่จะหาคำอธิบายให้กับนีลเซ็น เขาจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนจับปลากระโทงร่มขึ้นมาสองตัว ปลาแฮดดัคสองตัว แล้วก็ยังมีปลาแฮลิบัตที่มีลำตัวยาวกว่าหกสิบเซนติเมตรอีกหนึ่งตัว
เขาหิ้วเอาปลาพวกนี้ไว้ ฉินสือโอวเดินเข้ามาให้ห้องขับเรืออย่างเชื่องช้า นีลเซ็นที่กำลังใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาถามเพียงว่าต่อไปจะต้องทำอะไร เมื่อรู้ว่าต้องกลับแล้ว เขาจึงหันหัวเรือเพื่อเดินทางกลับไปยังฟาร์มปลาทันที
ฉินสือโอวก็อดที่จะทอดถอนลมหายใจไม่ได้ ในมือของเขามีนายทหารแบบนีลเซ็น จึงทำเรื่องต่างๆได้สะดวกยิ่งนัก
กลับมาถึงฟาร์มปลา เรื่องราวก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์เห็นปลาและคันเบ็ดในมืองของเขา ก็งุนงงไปชั่วขณะ แล้วถามกับเขาว่า “บอส ที่วันนี้คุณออกเรือ เพื่อที่จะไปตกปลานี่น่ะเหรอ?”
ฉินสือโอวแสร้งทำท่าทางราวกับปรมาจารย์ผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความอ้างว้าง เขาเงยหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศาทำทีจ้องมองขึ้นไปยังสรวงสวรรค์ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พันขุนเขาไร้นกบิน ทางทั้งหมื่นไร้ซึ่งรอยเท้าคน เรือน้อยโดดเดี่ยวชายชราสวมเสื้อหญ้าแฝกและหมวกกุ้ยเล่ย ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ!”
ชายร่างกายกำยำทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกงุนงง พวกเขาฟังภาษาจีนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว จึงยิ่งไม่เข้าใจท่วงทำนองการพรรณนาในบทประพันธ์ของกวีเอกหลิ่วจงหยวน ทำได้แต่มองฉินสือโอวตาปริบๆ
ฉินสือโอวกระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง แล้วจึงอธิบายความหมายของบทกวีนี้ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์หันมาสบตากัน แล้วจึงพากันส่ายหัว “นายคิดว่าเลี้ยงปลาตกปลานี่เหมือนกับฉากที่บรรยายในบทกวีไหม? โอ้ พระเจ้า ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันรู้แต่ว่าทางที่ดีคือไม่ควรออกทะเลในวันที่ฝนตก”
ผ่านไปสักพัก ฉินสือโอวเห็นว่าเกือบจะได้เวลาแล้ว เขาจึงขับรถเพื่อไปรับพาวลิสและเด็กๆทั้งสี่คน
ชาร์คขวางเขาไว้ แล้วบอกกับเขาว่า “ที่โรงเรียนมีรถโรงเรียนนะ บอส ผมแนะนำคุณว่าอย่าขับคาดิลแลควัน ไปรับพวกเขาเลย”
ฉินสือโอวลองคิดดู มันก็จริง ว่าถ้าเขาขับรถราคาแพงไปรับเด็กๆ ถ้าเช่นนั้นพวกพาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็จะเข้าหาเพื่อนคนอื่นๆไม่ได้แล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นประโยชน์ต่อความคิดด้านการพึ่งพาตัวเองของเด็กๆ
แล้วก็เป็นเช่นนั้น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถบัสสีครีมหน้ากว้างของโรงเรียนก็เข้ามายังฟาร์มปลา พาวลิสและเด็กๆอีกสามคนก็ลงมาจากรถ พวกเขาบอกลาคนขับรถอย่างมีมารยาท
คนขับรถโรงเรียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาบีบแตรแล้วจึงขับออกไปจากฟาร์มปลา
รอเด็กๆทั้งสี่คนกลับเข้ามาในอาคาร จากนั้นฉินสือโอวก็ถามพวกเขาว่า “เฮ้ เข้าเรียนวันแรก รู้สึกยังไงบ้าง?”
“เยี่ยมยอดไปเลย!”
“ดีมากเลย!”
“ก็งั้นๆแหละ”
“ก็ไม่เป็นยังไง”
ลำดับของคำตอบทั้งสี่เรียงจาก เชอร์ลี่ย์ มิเชลล์ พาวลิสแล้วก็กอร์ดอน
ฉินสือโอวดีดหน้าผากกอร์ดอนหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเข้าด้วยรอยยิ้ม “นายแอบมีความสุขอยู่ในใจล่ะสิ รู้ไหมว่าตอนฉันเรียนประถมเป็นยังไง? ทุกวันต้องแบกกระเป๋าหนังสือหนักห้ากิโล วิ่งขึ้นถนนบนเขาเพื่อไปเรียนหนังสือ แถมยังเริ่มตั้งแต่หกโมงครึ่งในตอนเช้าจนถึงหกโมงครึ่งในตอนเย็นอีกต่างหาก!”
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset