เมื่อเห็นคอมเมนต์ตั้งแต่เต่าเทพยงเจ้งจนราชานักเต้นแห่งเอเชียนิโคลัส จอช ฉินสือโอวก็หลุดหัวเราะ ดูแล้วสายตาตัวเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่พอดูดีๆ เขาก็เริ่มหัวเราะไม่ออก ไอ้พวกนี้ไม่ไหวเลยเอาแต่ล้อเลียนเขาทั้งนั้น ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ขนาดสัตว์อนุรักษ์ชื่อดังอย่างเต่ามะเฟืองพวกเขายังไม่รู้จักเลย
ฉินสือโอวไปที่หน้าหลักเวยป๋อเลื่อนดูผ่านๆ จนเจอข่าวต่างประเทศ ที่แท้เวยป๋อมันสนุกเพราะอย่างนี้นี่เอง มีทั้งหัวข้อข่าว บันเทิง ความงาม อาหารและมากมายให้ดู
เวยป๋อมีประโยชน์มากจริงๆ ไม่ใช่แค่ฆ่าเวลาได้ แต่ยังสามารถหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้หลายอย่างด้วย ขณะฉินสือโอวเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ก็เจอข่าวเด่นหนึ่งเข้า
“กระทรวงการประมงจีนรายงานว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โควตาการจับลูกปลาทูน่าครีบน้ำเงินแปซิฟิกประจำปีจะให้จับได้ไม่เกิน 4007 ตัน ขณะที่ทางเม็กซิโกในปีนี้ได้กำหนดพื้นที่การจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินแปซิฟิกไว้โดยมีโควตาจับได้ไม่เกิน 5000 ตัน…”
การจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเป็นหนึ่งในปัญหาที่กวนใจเจ้าของฟาร์มปลาแคนาดามากที่สุด ทุกปีพอถึงฤดูจับปลาทูน่าเจ้าของฟาร์มประมงต้องตรวจสอบฟาร์มตัวเองอย่างละเอียดว่าปลาทูน่าจะทำเงินคุ้มค่าหรือไม่
ฉินสือโอวได้อ่านก็ไม่แปลกใจว่าทำไมข่าวปลาทูน่าถึงดัง ที่แท้เดี๋ยวก็จวนจะถึงกำหนดฤดูจับทูน่าที่อเมริกาเหนือแล้วนี่เอง
ทว่าไม่เห็นมีข่าวเกี่ยวกับการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินแอตแลนติก ที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับฉินสือโอวเลย
ฉินสือโอวเปิดกูเกิ้ล หา ICCAT [1]คณะกรรมาธิการว่าด้วยการอนุรักษ์ปลาทูน่าในแอตแลนติก ที่รับผิดชอบคุ้มครองทรัพยากรปลาทูน่าในทะเลแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ออกข้อตกลงในการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาเมื่อวาน
ICCAT ยังคงเป็นไปตามสนธิสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์ปลาทูน่าครีบน้ำเงินในแอตแลนติกของปี 2010 ซึ่งปีนี้โควตาการจับปลาชนิดนี้ยังอยู่ที่ 14900 ตัน
แต่ทาง ICCAT กล่าวว่าจากการที่ทรัพยากรปลาทูน่าในพื้นที่ทะเลแอตแลนติกค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าปีหน้าอาจเพิ่มโควตาเป็น 23000 ตัน ภายในสามปีโควตาการจับปลาทูน่าต่อปีในทะเลแอตแลนติกตะวันออกก็จะเพิ่มเป็น 20% และ 14% ในทะเลแอตแลนติกตะวันตก
สำหรับฉินสือโอวการที่โควตาจับปลาทูน่าฝั่งแอตแลนติกทั่วโลกเพิ่มขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดี เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรการประมง โควตาที่ตั้งไว้จึงให้อยู่ในระดับอิ่มตัวทั้งหมด หรือก็คือ ทุกปีจะมีการตั้งมาตรฐานโควตาไว้ก่อนหมดช่วงฤดูจับปลาทูน่า
พอเป็นอย่างนั้นเวลามีคนจับทูน่าครีบน้ำเงินได้ ก็จะไม่สามารถส่งขายตามช่องทางทั่วไปได้ หรือต่อให้ไปขายในตลาดมืดราคาก็ยังต่ำเกินไปซึ่งไม่คุ้มเลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็กลับไปเลื่อนดูในเวยป๋ออีก แต่ก็ไม่พบข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์ เขาจึงถอดรองเท้าเดินเล่นไปบนชายหาดในฟาร์มปลา
แสงต้นฤดูร้อนอันอบอุ่นสาดส่อง ทำให้ทรายเนียนละเอียดอุ่นตาม เท้าที่เหยียบย่างสัมผัสได้ถึงความร้อนจากพื้น ให้ความรู้สึกสบาย
ลมทะเลจากแอตแลนติกพัดผ่าน ฉินสือโอวถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนตัวเพื่อรับลมทะเลเต็มที่
เหนือผิวน้ำไม่ไกลนัก ฝูงนกนางนวลเล็กๆ กระพือปีกบินว่อน พร้อมส่งเสียงร้องกังวาน
ฉินสือโอวชูเสื้อในมือขึ้น ลมทะเลพัดมันจนปลิวไหว โดยมีหู่จือกับเป้าจือมองตามอย่างสนใจ อยากกระโดดใส่เสื้อ แต่ฉินสือโอวก็ยกแขนหลบทุกครั้งที่พวกมันพยายามกระโดดขึ้นมา เจ้าแลบราดอร์สองตัวเลยทำไม่สำเร็จ
หู่จือครางหงิงหงิงด้วยความขัดใจ ฉินสือโอววิ่งถอยหลังพลางสะบัดเสื้อล่อทั้งสองตัวให้ไล่ตาม
น้ำทะเลที่ฟาร์มปลาใสเสียจนเหมือนเยลลี่สีเขียวใหญ่ยักษ์ มองลงไปก็เห็นสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลแถวชายฝั่งอย่างปลาเล็ก สาหร่าย หรือกุ้งอาร์กติกที่ผ่านมา
ฉินสือโอววิ่งหยอกหู่จือกับเป้าจืออยู่สักพัก ทิ้งรอยเท้าไว้มากมายบนหาด ทันใดปูเสฉวนที่ซ่อนอยู่ในพื้นทรายก็โผล่ขึ้นมา เจ้าปูหน้าตาประหลาดลอบสังเกตสถานการณ์โดยรอบ ก่อนจะผวารีบมุดกลับลงไป
หู่จือและเป้าจือที่เจอของเล่นน่าสนใจกว่าต่างหยุดไล่ตามฉินสือโอว แล้วใช้อุ้งเท้าขุดทรายอย่างมุ่งมั่น จนเจอปูเสฉวน ปูนิ่ม และปูก้ามดาบอีกหลายตัว พวกมันเล่นกันสนุกสนาน
ฉงต้าวิ่งเหยาะอยู่บนชายหาด มันเงยมองทะเลอย่างเศร้าสร้อย ค่อยๆ นึกถึงแซลมอนชัมของฟาร์มปลา เป็นอาหารที่อร่อยแท้ๆ แต่มันกลับไม่สามารถดำน้ำลงไปหากินเองได้
หลัวปอมองมันด้วยสายตาเย้ยหยันก่อนกระโดดลงน้ำว่ายไปไกลชิลๆ น้ำทะเลใสแจ๋วจนเห็นสาหร่ายทุ่นกับโนริน่าอร่อยชัดเจน มันรีบดำลงไปและกลับขึ้นมาพร้อมสาหร่ายพวกนั้นในปาก
ฉินสือโอวเห็นฉงต้าไม่ร่าเริงจึงโบกเสื้อไปมาเพื่อหยอกให้มันวิ่งตาม เขารู้ว่าขาสั้นๆ ของฉงต้ายังไงก็กระโดดแตะไม่ถึงเสื้อเขาหรอก
ฉงต้าเริ่มสนใจ มันแลบลิ้นเลียอุ้งมือเหมือนคนยืดเส้นเตรียมตัว จากนั้นก็วิ่งพุ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
ฉินสือโอวจงใจวางเสื้อลงต่ำรอจนฉงต้าก้มตัวจะกระโดดใส่ ก็รีบดึงเสื้อกลับมาพลางหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ! เจ้าโง่…..เวรแล้ว!”
ฉงต้าไม่ได้คิดจะคว้าเสื้อแต่แรกอยู่แล้ว นั่นมันก็แค่วิธีชั่วคราว มันพุ่งใส่ฉินสือโอวเต็มๆ เจ้าก้อนแป้งหนักร้อยกว่ากิโลกรัมกระแทก ‘โครม’ ใส่เขาเต็มแรง ฉินสือโอวพยายามยืนทรงตัวบนทรายอันอ่อนนุ่ม แต่ก็ไม่ไหว!
พอชนฉินสือโอวล้มเรียบร้อย ฉงต้าก็งับเสื้อแล้วออกวิ่งต่อ
ฉินสือโอวตกใจ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย เมื่อไม่มีเสื้อเขาก็ต้องวิ่งไปทั้งเปลือยท่อนบนพลางตะโกนตามหลัง “ฉงต้าหยุดนะ! เจ้าดื้อแกคิดจะหาเรื่องกันเหรอไง?! หยุดวิ่งได้แล้ว ไว้หน้าพ่อบ้างเถอะ หยุดสักที! ฉงต้า พ่อยอมแล้ว วิ่งช้าๆ หน่อย เอาเสื้อพ่อคืนมา…..”
กว่าจะได้เสื้อคืนอย่างยากลำบาก ฉินสือโอวก็พบว่าเสื้อนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายฉงต้าหมดแล้ว เขาเลยใช้น้ำทะเลซักแก้ขัด สะบัดจนแห้งก่อนเอากลับมาใส่
ช่วงเวลาสงบสุขมักสั้นเสมอ ฉินสือโอวพาเจ้าสามตัวเดินเลียบชายฝั่งมาไกลพอสมควร แต่กลับไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนั้น
ทันใดวิทยุสื่อสารขนาดเล็กที่ห้อยไว้ตรงเอวก็ส่งเสียง เขารู้ว่าคงเกิดเรื่องแล้ว “มีเรือขโมยปลาอีกแล้ว คงต้องลุยเต็มที่แล้วครับบอส คราวนี้มันมาเป็นกองทัพเลย!”
ฉินสือโอวทนไม่ไหวแล้ว มันจะจริงจังอะไรขนาดนั้น? นี่เอาจริงเหรอเนี่ย? ฉันเลี้ยงปลาแต่ละตัวมาอย่างยากลำบาก พวกนายจะมาขโมยกันแบบนี้เลยเรอะ? เพิ่งสงบสุขได้ไม่กี่วันกลุ่มเรือหัวขโมยก็โผล่มาอีกแล้ว
เขาไปดูที่ห้องเรดาร์ รอบนี้มีเรือประมงมาทั้งหมดห้าลำ มีลำหนึ่งเป็นเรือทะเลลึกลำใหญ่พันตัน และที่เหลืออีกสี่ลำไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัน
เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ออกมา ที่ทำฉินสือโอวเหนื่อยใจคือ ไอพ่นแรงดันน้ำของเรือยนต์ความเร็วสูงที่ให้อุตสาหกรรมโพไซดอนไปเปลี่ยนยังไม่เสร็จดี ถ้ามีของน่าสะพรึงพวกนั้นล่ะก็ เหล่าหัวขโมยคงอยากกลับตัวกันก็ได้
ด้วยเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก พอมีเรดาร์แล้วทุกอย่างก็สะดวกขึ้น อย่างน้อยก็พบเรือประมงผู้บุกรุกก่อนพวกมันได้เข้ามาในฟาร์มปลา ซึ่งช่วยเลี่ยงปัญหาได้หลายอย่าง ไม่ต้องให้ฉินสือโอวเปลืองแรง
ตอนเฮลิคอปเตอร์บินโฉบเข้าไปใกล้กองทัพเรือ ฉินสือโอวพลันรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
………………………………………………
[1] The International Commission for the Conservation of Atlantic Tunas
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 673 ขโมยปลาไม่หยุด
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!