ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 905 สัปดาห์การพัฒนาแรงงาน

ฉินสือโอวเดินหงอยคอตกกลับมา แซนเดอร์สเห็นเขาแปลกไปจึงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะตอบว่า “ผมไปทำแบบสำรวจหางานเพื่อหางานที่เหมาะกับผมมา นอกจากจะไปทำงานก่อสร้าง ก็ไปทำงานแรงงานในทะเล สรุปคือนอกจากงานใช้แรงงานผมก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย”
แซนเดอร์สยักไหล่แล้วเอ่ยขึ้น “เพราะฉะนั้นคุณคิดดูนะ ผู้ให้คำปรึกษาก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง เวลาแค่ไม่กี่นาทีพวกเขาจะเข้าใจคนคนหนึ่งได้สักแค่ไหนกันเชียว? รัฐบาลทำแบบนี้ไปก็ช่วยผู้สมัครไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจผิดไปในทางใดทางหนึ่ง”
ฉินสือโอวมองศาสตราจารย์สูงวัยอย่างประหลาดใจแล้วเอ่ยถาม “ทำไมคุณถึงไม่คิดว่าพวกเขาพูดถูกล่ะ? บางที ผมอาจจะเป็นพวกคุณหนูบ้านรวยที่มาเปิดฟาร์มปลาที่เซนต์จอห์นก็ได้?”
แซนเดอร์สยิ้มออกมาแล้วตบไหล่เขาพลางพูดขึ้นมาว่า “คุณคิดว่าผมจับฉลากมาทำงานที่ฟาร์มของคุณเหรอไง? ผมหาข้อมูงดูสถานการณ์ฟาร์มปลาของคุณมาแล้ว คุณสามารถช่วยฟาร์มปลาที่ใกล้จะล้มละลายให้กลับมาได้ คุณเก่งมากนะ”
เขาเว้นช่วงไป แล้วมองดูฉินสือโอวด้วยสายตาชื่นชม “อีกอย่างอีกจุดที่ดีมากอย่างหนึ่งก็คือความสามารถในการคุมลูกน้องของคุณที่โดดเด่นมาก คุณสามารถดูแลชาวประมงยี่สิบกว่าคนโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย อย่างน้อยเป็นก็ผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ไม่มีปัญหา”
โดนแซนเดอร์สชมแบบนี้ ความทระนงในใจของฉินสือโอวก็โลดแล่นขึ้นมาทันที ความมั่นใจที่ถูกเหยียบย่ำกลับมาอีกครั้ง นั่นน่ะสิ ตัวเขาไม่ใช่พวกไร้ความสามารถ ต่อให้ไม่มีหัวใจโพไซดอน…ช่างเถอะ อย่าคิดดีกว่า ไม่มีหัวใจโพไซดอนตัวเขาก็ไม่ได้มาแคนาดาแน่ๆ!
งานมหกรรมจัดหนึ่งวัน แต่ฉินสือโอวเก็บประวัติย่อไปครึ่งวันก็เตรียมแยกย้าย เขาแค่ต้องการนักบัญชีคนเดียว ประวัติย่อที่ได้มามีตั้งสี่สิบใบแล้ว พอที่จะเลือกคนที่เหมาะสมออกมาแล้ว
ตอนที่เตรียมตัวกลับ ชายวัยกลางคนในชุดสูทและรองเท้าหนังก็มาขวางฉินสือโอวไว้ คนคนนี้เป็นผู้รับผิดชอบงานมหกรรม ข้าราชการคนหนึ่งของทรัพยากรบุคคลเซนต์จอห์น คนที่กล่าวคำปราศรัยบนเวทีเมื่อเช้าก็คือเขา
“คุณฉิน? ผมคือกรีน ทรีอินน์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายวัยกลางคนส่งนามบัตรใบหนึ่งให้ฉินสือโอว
ฉินสือโอวเกิดความนับถือขึ้นมา กรีน ทรีอินน์? เขาจำได้ว่านี่เป็นโรงแรมแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงในจีนนี่ เขาเลยพูดล้อเล่นแกมหยอก “ธุรกิจโรงแรมของตระกูลคุณเยี่ยมมาก ที่จีนน่ะทำตลาดได้มากกว่าโรงแรมฮิลตันเสียอีก”
ปรากฏว่าเขารู้จักโรงแรมกรีน ทรีอินน์จึงยิ้มสบายอารมณ์ “ผมรู้ ผมก็เคยคิดจะปกป้องสิทธิ์อยู่เหมือนกัน พวกเขาละเมิดสิทธิ์ในการใช้ชื่อของผมไม่ใช่หรือครับ?”
พอล้อกันเล่นทั้งสองก็รู้สึกเชื่อมกันขึ้นมาอีกนิด กรีน ทรีอินน์บอกเขาว่า ท่านนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตเพิ่งผ่านการลงมติในสภาเมืองเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปทุกสัปดาห์แรกของเดือนที่นครเซนต์จอห์นจะมีสัปดาห์การพัฒนาแรงงาน
เขาถามฉินสือโอวว่าจะเข้าร่วมไหม ถ้าเข้าร่วมตอนนี้จะสามารถเป็นบริษัทน่าเชื่อถือกลุ่มแรกได้ ถ้าจ้างคนงานก็จะได้พวกส่วนลดในการจ่ายภาษีด้วย
ฉินสือโอวชักเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว ภาษีแคนาดาสูงมากไป ถ้าเป็นที่จีน ภาษีที่เขาจ่ายในสองปีที่ผ่านมานี่พอซื้อพวกสาวสวยดาวคณะดาวมหาลัยแล้ว กิจกรรมที่ลดภาษีถ้าไปได้เขาก็ควรไป
เขาทำความเข้าใจสักหน่อย สัปดาห์แรงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์การพัฒนากำลังคน ‘ทำงานเป็นหนึ่งเดียว’ ที่จัดโดยรัฐบาลกลางแคนาดา เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์รัฐบาลกลางกำลังจะโปรโมทโปรเจคนี้อีก
จุดประสงค์ของโปรเจคนี้มีอยู่สามอย่าง หนึ่งคือสร้างการเข้าถึงข้อมูลงานสำหรับชาวเมืองที่ตกงาน สองคือเผยแพร่ข่าวรับสมัครงานให้ทางบริษัท สามคือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีค่าที่สุดระหว่างนายจ้าง ผู้ว่างงาน และชุมชนซึ่งจะนำจัดโดย ‘ศูนย์การจ้างงานและบริการสังคม’ ของแคนาดา
พอทำความเข้าใจเสร็จ ฉินสือโอวก็บอกว่าเขาจะกลับไปคิดดู ตอนนี้เขายังไม่มีแผนจะจ้างคนอย่างแน่ชัด ต้องกลับไปพิจารณาดูก่อนถึงจะให้คำตอบได้
เมื่อออกจากงานมหกรรม ฉินสือโอวกับแซนเดอร์สก็หาร้านอาหารจานด่วนนั่งกินข้าวกัน เป็นร้านอาหารเสฉวนที่ขึ้นชื่อมากร้านหนึ่ง
ฉินสือโอวใช้ภาษาจีนสั่งอาหาร พนักงานมีไหวพริบมากจึงบอกพ่อครัวว่าด้านนอกมีพวกเดียวกับเราอยู่ เนื้อต้ม ปลาทอดซอสเผ็ด เนื้อพะโล้ทอดกับเนื้อคลุกข้าวคั่วนึ่งที่ยกมาล้วนแล้วแต่เป็นอาหารจีนรสดั้งเดิม
แซนเดอร์สเป็นผู้อพยพชาวอเมริกากลางเลยกินเผ็ดได้มากอยู่เหมือนกัน ทั้งสองคนต่างกินกันจนเหงื่อแตกท่ามกลางฤดูหนาว ตาเฒ่ายกนิ้วโป้งขึ้นใหญ่พลางอุทานว่า ‘อร่อย’ ฉินสือโอวสอนให้เขาใช้ภาษาจีนพูดว่า ‘เจ๋ง’ หลังจากนั้นในร้านก็มีเสียงตะโกนดังว่า ‘เจ๋ง’ อยู่เป็นพักๆ
ตอนที่กินข้าวทั้งสองคนก็ดูประวัติย่อไปด้วย แซนเดอร์สพูดขึ้นว่า “ตอนนี้มีอยู่ปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือคุณอยากหาคนจีนหรือว่าคนจากชาติอื่น?”
ฉินสือโอวก็เคยคิดเรื่องนี้ เขาอยากจ้างคนจีน แม้ว่าผู้คนต่างมีคำกล่าวอย่าง ‘คนจีนคนเดียวเกรียงไกรเป็นมังกร แต่พอจับกลุ่มก็ไม่รอด’ ที่จริงแล้วพออยู่ต่างประเทศก็จะรู้ว่าคนจีนเองก็ค่อนข้างเกาะกลุ่มกัน
บัญชีเป็นเรื่องความลับ แน่นอนว่าใช้คนจีนจะวางใจได้มากกว่า ถ้าเลือกคนจีน ดีที่สุดก็คือพวกที่เพิ่งอพยพมาไม่นาน คนประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับสายเลือดและเชื้อชาติ แต่คนประเภทนี้อาจจะไม่คุ้นเคยกับระบบภาษีของแคนาดา นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
ฉินสือโอวไม่ได้มีมุมมองอะไรกับคนชาติอื่น ชาวประมงกับทหารรับจ้างของเขาถ้าไม่ใช่คนขาวก็เป็นคนผิวดำที่ทุ่มเทและรับผิดชอบต่องานมาก เขาพอใจมาโดยตลอด
แต่พิจารณาสองสามวินาที เขาตัดสินใจว่าในสถานการณ์ที่คล้ายกัน เขาจะจ้างคนจีน
ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เมื่อครู่ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงความยากลำบากของพวกเดียวกันในแคนาดา ช่วยคนกันเองแก้ปัญหาเรื่องหางาน ต่อให้แค่เพียงคนเดียวเขาก็ยังรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
ทั้งสองคนกินไปเลือกไป สุดท้ายก็เลือกมาห้าคนจากสี่สิบคน คนจีนสี่คน คนขาวหนึ่งคน ล้วนแล้วแต่อายุประมาณสามสิบ
นักบัญชีอายุประมาณนี้ค่อนข้างลำบาก ในโลกนี้มีสองอาชีพที่ยิ่งแก่ยิ่งได้เงินเยอะ หนึ่งคือหมอ สองคือนักบัญชี นักบัญชีอายุสามสิบเพิ่งจะผ่านช่วงใจร้อนและประมาทแบบคนอายุน้อย แต่คุณสมบัติไม่พอ ฉะนั้นจึงหางานยากกว่า
เงินค่าแรงที่นักบัญชีอายุเท่านี้ได้มักจะต่ำกว่าที่คาดไว้ พวกเขาเข้าใจถึงข้อนี้ดี เวลาทำงานเลยจริงจัง เพื่อใช้ผลงานมาแลกกับโอกาสได้ขึ้นเงินเดือน
ฉินสือโอวโทรไปแจ้งทั้งห้าคน สถานที่สัมภาษณ์คือห้องประชุมเล็กๆ ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ฉินสือโอวจ่ายไปหนึ่งร้อยดอลลาร์เพื่อเช่ามาสองชั่วโมง
ทั้งห้าคนมาถึงที่โรงแรมตรงเวลาตอนบ่ายสองครึ่ง ฉินสือโอวจัดการให้พวกเขาไปรอที่ห้องนั่งเล่นสักครู่ แซนเดอร์สเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถาม “จะเตรียมสัมภาษณ์หรือยังครับ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า แซนเดอร์สเดินไปทางห้องประชุมเล็ก ทิญาที่อยู่ในชุดสาวออฟฟิศตามมาข้างหลังแล้วยื่นข้อมูลวิเคราะห์ผู้สมัครให้กับแซนเดอร์สแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ตอนกลางวันฉันทำการวิเคราะห์แบบง่ายๆ มาแล้ว อาจารย์ช่วยดูหน่อยเถอะค่ะว่าใช้ได้หรือเปล่า”
มิน่าล่ะแซนเดอร์สถึงชอบพาทิญาออกมาทำธุระด้วย เพราะสาวยูเครนอีคิวสูงมาก ความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ ก็สูง เป็นผู้ช่วยที่ดีสุดๆ อย่างเช่นตอนหลังที่การสัมภาษณ์เริ่มขึ้น ทิญาก็รับผิดชอบไปช่วยแจ้งผู้สมัครให้เข้ามา
คนแรกที่เข้ามาเป็นผู้อพยพจากมณฑลกวางตุ้ง เรียบร้อยสุภาพ พอเข้ามาในห้องก็จับมือกับฉินสือโอวก่อนค่อยจับมือกับแซนเดอร์ส สุดท้ายก็พูดกับศาสตราจารย์เฒ่า “บอส ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset