ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 906 พ่อแม่หมาป่ากลับมาแล้ว

พอได้ยินคำเรียกของคนคนนั้น ฉินสือโอวก็อึ้งไปทันใด บอสเหรอ? เขาต่างหากที่เป็นบอส โอเค? ทำไมถึงเรียกแซนเดอร์สว่าบอส?
เพียงแต่พอคิดตามเขาก็เข้าใจในทันที อันดับแรก ตัวเขาแต่งตัวเป็นทางการเกินไปเหมือนกับชุดสาวออฟฟิศของทิญา ทั้งสองคนดูเหมือนผู้ช่วยชายหญิงพอดี อีกอย่างท่าทีตัวเขาดูสบายๆ เกินไป ต่างกับแซนเดอร์ส ทำอะไรก็บุคลิกดี พอดูก็เหมือนคนที่อยู่เหนือคนทั่วไป
ที่สำคัญที่สุดก็คือก่อนหน้านี้เขาเป็นคนต้อนรับพวกนั้น ส่วนข้างๆ แซนเดอร์สมีทิญาคอยตาม แบบนี้ดูๆ แล้ว แน่นอนว่าคนที่เป็นบอสคือแซนเดอร์ส
พอทำความเข้าใจถึงจุดนี้ ฉินสือโอวก็จนใจนิดหน่อย นิสัยของแซนเดอร์สมีความขี้เล่นอยู่เล็กน้อย เขาหยิบประวัติย่อมาปิดหน้าตัวเองแล้วทำยักคิ้วหลิ่วตาให้ฉินสือโอวด้วยท่าทีภูมิอกภูมิใจ
การสัมภาษณ์นั้นเรียบง่ายมาก หลักๆ ก็ทำความเข้าใจนิสัยคนพวกนี้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรของฟาร์มปลา ดูว่าสามารถทำตัวให้ชินกับชีวิตโดดเดี่ยวบนเกาะได้ไหม ส่วนความสามารถ ทั้งห้าคนก็พอๆ กัน นักบัญชีธรรมดา มีใบอนุญาตนักบัญชี ลงทะเบียนสอบนักบัญชี
คนที่สองที่เข้ามาเป็นคนขาว เป็นผู้อพยพคนหนึ่งเช่นกัน มาจากเบลเยียม เพียงแต่ว่าอยู่แคนาดามาสิบกว่าปีแล้ว เรียนการตรวจสอบการเงินที่มหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์ แล้วยังบอกว่าพอจะมีความรู้เรื่องกฎหมายด้วย
หลังจากที่คนนี้เข้ามาก็เรียกแซนเดอร์สว่าบอสเช่นกัน ทำเอาฉินสือโอวเริ่มเซ็ง เข้าใจก็เข้าใจแต่ก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดี
ผู้สมัครคนที่สามมาจากมณฑลส่านซี ชื่อว่าจางเผิง อพยพมาเซนต์จอห์นได้สี่ปีแล้ว เพิ่งผ่านการสอบคุณสมบัตินักบัญชีของแคนาดา ฉินสือโอวให้ความสำคัญกับงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา นั่นก็คือตกปลา แล้วยังเป็นสมาชิกสมาคมตกปลานานาชาติอีกด้วย
จางเผิงอายุสามสิบสี่ โครงหน้าเหลี่ยม ตาเล็ก ผมสั้น ดูกระตือรือร้น หุ่นออกเจ้าเนื้อนิดหน่อย หลังจากเข้ามาเขาก็โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็จับมือกับทั้งสองคน สุดท้ายก็พูดกับฉินสือโอว “คุณฉิน สำหรับการทำฟาร์มปลาผมเองก็สนใจมากๆ หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสขอคำแนะนำจากคุณ”
ฉินสือโอวถาม “คุณรู้จักผมเหรอ?”
จางเผิงยิ้มบางแล้วพูดขึ้น “แน่นอนว่ารู้จัก ผมเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับฟาร์มปลาต้าฉิน ก็เลยเข้าใจบ้างครับ”
ฉินสือโอวรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย ในที่สุดก็มีคนที่รู้ว่าตัวเขาเป็นบอสแล้ว แบบนี้ความประทับใจที่มีต่อจางเผิงก็สูงขึ้นมา
แซนเดอร์สมองดูเขาอย่างสนใจแล้วถามขึ้น “งั้นคุณรู้จักผมไหมครับ?”
จางเผิงพูดยิ้มๆ “ศาสตราจารย์แซนเดอร์ส วอร์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุทรศาสตร์โทรอนโต ที่ปรึกษามืออาชีพของฟาร์มปลาต้าฉิน พอรู้จักบ้างครับ”
เจอแบบนี้ฉินสือโอวก็ตกใจ ไอ้หนุ่มนี่มาจากซีไอเอหรืออย่างไร? รู้จักเขาน่ะไม่น่าแปลกใจ เข้าไปหาฟาร์มปลาต้าฉินในเน็ตครู่เดียวก็เจอข้อมูลของเขาแล้ว แต่แซนเดอร์สน่ะ คนทั่วไปไม่น่าจะรู้จักเขานี่
เห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน จางเผิงจึงอธิบายว่า “คุณฉินน่ะผมหาข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ต ส่วนข้อมูลของศาสตราจารย์ผมได้มาจากคุณทิญาที่อยู่นอกประตู นี่เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ใช่เหรอครับ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าพลางตอบว่าใช่ ทำได้ เขารู้สึกว่าจางเผิงเหมาะสมมากกว่าสองคนก่อนหน้า อย่างน้อยเขาก็เตรียมตัวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้อย่างดี ไม่ได้มาตามความเข้าใจส่วนตัว
“คุณน่าจะเห็นข้อมูลที่บูธเราจากมหกรรม จ่ายภาษีเกินสิบล้านติดต่อกันหลายไตรมาส คุณรู้สึกว่าถ้าผมเอาการเงินของฟาร์มปลาใหญ่ขนาดนี้ไว้ในมือคุณ จะวางใจได้ไหม?” ฉินสือโอวถาม
จางเผิงยิ้มบางแล้วเอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าตัวผมเองยังไม่วางใจเลย แต่ผมว่า คุณจ้างนักบัญชีคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อดูแลบัญชีทั้งหมด ผมว่าคุณมีอุตสาหกรรมเล็กๆ ที่คุณเองอาจจะดูแลไม่ไหว แต่ก็ไม่คุ้มถ้าจะให้สำนักงานบัญชีขนาดใหญ่เข้ามาช่วยดูแล ฉะนั้น พวกเราเข้าใจตรงกัน ใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวพลิกดูประวัติของจางเผิงแล้วถาม “นี่ก็คือสิ่งที่คุณหาเจอเหมือนกันเหรอ?”
“วิเคราะห์ออกมาครับ ถ้าต้องดูแลบัญชีหลายสิบล้าน งั้นแน่นอนว่าสำนักงานบัญชีขนาดใหญ่จะน่าวางใจได้มากกว่า ต่อให้จะจ้างนักบัญชีคนหนึ่ง ก็ไม่น่าจะจ้างพวกที่มีทักษะแบบพวกเรา ผมกับข้างนอกอีกสี่คน ทักษะก็พอๆ กัน”
จางเผิงมองดูฉินสือโอวด้วยสายตาซื่อตรง จังหวะพูดไม่ช้าไม่เร็ว ทำให้คนรู้สึกว่าทำอะไรสุขุมจริงจัง
ตอนหลังก็คุยกันต่ออีกหน่อย ฉินสือโอวพอใจมาก เขาเอ่ยขึ้น “โอเค คุณกลับไปรอการแจ้งผลจากเรา ถ้าเหมาะสมพรุ่งนี้ก่อนกลางวันผมจะโทรไป”
จางเผิงถามขึ้น “ผมมีอีกคำถามสุดท้ายจะช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวให้สัญญาณเขาว่าตามสบาย จางเผิงเอ่ย “ผมคิดว่าคุณคงร่วมงานกับพวกสำนักงานบัญชีขนาดใหญ่ ขออนุญาตถามว่าถ้าผมโชคดีได้เป็นนักบัญชีส่วนตัวของคุณ จะสามารถไปเรียนรู้เก็บประสบการณ์ที่สำนักงานบัญชีได้ไหมครับ?”
“นั่นเพราะอะไร?” ฉินสือโอวพูด
จางเผิงคิดๆ ดู แล้วพูดด้วยภาษาจีนกลาง “เรียนรู้จากคนเก่งกว่าไว้เพื่อป้องกันพวกเขา ได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา ลุกขึ้นจับมือกับเขาก่อนจะส่งเขาออกไป
ตอนนี้จางเผิงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ฉินสือโอวกับแซนเดอร์สปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็คิดว่าแบบนั้นเช่นกัน
มีจางเผิงเปรียบเทียบ การสัมภาษณ์ของอีกสองคนต่อมาไม่ค่อยโอเค พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ แต่มีคุณสมบัติมากเกินไป เหมือนนักบัญชีที่ประสบความสำเร็จมากไป เคร่งขรึม จริงจรัง แต่ก็เป๊ะเกินไป
ฉินสือโอวรู้สึกว่าการปฏิสัมพันธ์กับคนแบบนี้จะต้องไม่น่ารื่นรมย์แน่ๆ
มหกรรมจัดหางานจบลง ฉินสือโอวกลับฟาร์มปลาไปก่อน เขาบอกแซนเดอร์สให้โทรหาจางเผิงในวันพรุ่งนี้ตอนกลางวันแล้วพามาฟาร์มปลาด้วยกันเพื่อเข้าทำงาน เรื่องเวลาเดี๋ยวเขาจะเป็นคนกำหนดเอง อย่างน้อยเขาต้องแน่ใจก่อนว่าไข้หวัดของพวกนั้นหายดีแล้ว
กลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ไปดูวินนี่ก่อน แล้วเล่าถึงมหกรรมจัดหางานในครั้งนี้ให้เธอฟัง
ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ด้านนอก วินนี่ให้ฉินสือโอวออกไปเดินเป็นเพื่อนเธอ สวนดอกไม้ของคุณลุงฮิคสันเก็บกวาดได้สะอาดเรียบร้อยมาก เวลาไม่มีอะไรทำวินนี่จะชอบมานั่งอ่านหนังสือหรือเดินเล่นในสวนดอกไม้
ก่อนหน้านี้เคยมีหิมะตก พื้นก็เลยลื่นเล็กน้อย ฉินสือโอวติดนิสัยดึงเสื้อของวินนี่เพื่อปกป้องเธอ
วินนี่รู้สึกว่ามันเหมือนผู้ใหญ่จูงเด็กเลยยื่นมือไปตีมือของฉินสือโอวออกแบบรำคาญแล้วทำเสียงโกรธ “อย่าดึงเสื้อฉันได้ไหมคะ?”
ฉินสือโอวจงใจทำท่าน่าสงสาร “ไหนว่าจะเป็นนางฟ้าของกันและกันไง? คุณไม่เพิ่มคำเรียกหน่อยเหรอ?”
วินนี่ขนวดคิ้วพลางทำท่าดุดัน “คำเรียกอะไรกันคะ?”
“ก็พวกเบบี้ ที่รัก อะไรแบบนี้ไง” ฉินสือโอวพูดด้วยท่าทีที่สื่อว่ามันก็ควรจะเป็นแบบนั้นสิ
วินนี่ให้เขาดึงเสื้อตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ฉินสือโอวดึงอย่างดีอกดีใจ จากนั้นก็ตีลงที่มือเขาอย่างแม่นยำแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม “อย่ามาดึงเสื้อเบบี้ของฉันสิคะ?”
ฉินสือโอวกลืนน้ำลายก่อนจะพูด “คุณฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
วินนี่ลูบท้องที่ยื่นออกมาอย่างถนอมแล้วพูดอย่างภูมิใจ “ก็ตั้งแต่ที่ฉันมีสมองสองอันไง”
สองคนกำลังจู๋จี๋กัน คุณลุงฮิคสันก็เดินออกมาพลางพูดใส่วิทยุที่ชูขึ้น “ฉิน ชาร์คหานายอยู่ บอกว่ามีหมาป่าบุกรุกฟาร์ม ให้นายรีบกลับไปดู”
“ตีให้ตายก็จบแล้วนี่” ฉินสือโอวพูดพลางกอดวินนี่อย่างอ่อนโยน
ตาเฒ่ายักไหล่เดินจากไปก่อนจะโผล่มาอีก “แน่ใจว่าจะให้ตีตาย? ชาร์คบอกว่าเป็นหมาป่าขาวสองตัว? เขาถามว่านายแน่ใจเหรอ?”
“ให้ตายเถอะ พวกมันกลับมาอีกแล้ว? รีบกลับบ้านเร็ว!” วินนี่ร้อนใจไปก่อนแล้ว
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset