ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 927 ครึ่งปี? หมื่นปี?

เขาคุยกับแซนเดอร์สเรื่องสถานการณ์ทั่วไปในฟาร์มปลา พอคุยแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉินสือโอวก็อยากจะกลับไป แต่ก่อนไปเขาก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ในเมืองจะมีเล่นสกีกัน ถ้าพวกคุณสนใจก็ไปดูได้นะครับ น่าจะสนุกไม่น้อยเลย”
แซนเดอร์สเผยสีหน้าตกใจให้เห็นเหมือนตอนที่ฉินสือโอวรู้ข่าวนี้เหมือนกัน “ที่นี่ก็มีลานสกีด้วยเหรอครับ?”
แต่ทีญามีปฏิกิริยาโต้กลับที่ไวกว่า มองไปที่เทือกเขาเคอร์บัลแล้วถามอย่างสงสัยว่า “น่าจะจัดที่นั่นใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพยักหน้ารับ นี่ไม่ใช่การแข่งขันสกีอย่างเป็นทางการ แค่ทุกคนมาร่วมสนุกกันเท่านั้นเอง
กิจกรรมบันเทิงในเกาะเล็กๆ มีไม่มาก เมื่อก่อนประชาชนในเมืองก็ไม่มีเงิน นอกเสียจากเที่ยวเตร่เป็นครั้งคราว เวลาที่เหลือก็จะอาศัยอยู่ในบ้านดูทีวี ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอย่างอื่นแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาอะไรทำเพื่อความบันเทิงให้ตัวเอง
เมื่อเทือกเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะ ประชาชนในเมืองก็จะไปที่เทือกเขาเคอร์บัล หาที่ที่เป็นทางเปิด แล้วทุกคนก็จะมารวมตัวเล่นสกีกัน
ปีที่แล้วสามารถหารายได้จากนักท่องเที่ยว จึงไม่มีใครทำกิจกรรมที่เรียบง่ายจนถึงธรรมดาแบบนี้ แต่ปีนี้หิมะตกหนัก สายการบินต้องหยุดทำงานชั่วคราว ไม่มีนักท่องเที่ยวมา ประชาชนจึงเริ่มมีเวลาว่างอีกครั้ง
นอกจากนี้แล้ว ปีนี้หิมะมีมากพอ จึงเหมาะที่จะเล่นสกี
พอกินข้าวเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็เริ่มนำจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกสู่ทะเลอีกครั้ง จิตสำนึกทั้งสี่แบ่งออกไปสี่ทิศทาง ออกตระเวนไปทางทิศเหนือใต้ออกตก เพื่อดูสถานการณ์ทั่วไปของฟาร์มปลา
หลังจากที่ดำเนินการเสริมแคลเซียมที่ก้นทะเลเรียบร้อย ปริมาณสารอาหารทางธรณีวิทยาของฟาร์มปลาก็ได้รับการเติมเต็ม สาหร่ายทะเลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิรอบที่สอง ขนาดของฤดูใบไม้ร่วงก็ขยายไปมาก โลกใต้ทะเลตอนนี้เขียวชอุ่มไปหมด สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาก็สมบูรณ์แบบ
ปลาทะเลขนาดเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาในพุ่มสาหร่ายทะเล อาหารที่สมบูรณ์ทำให้เกิดความมั่นใจในการเติบโตของพวกมันได้ดี ร่างกายอวบอ้วนแข็งแรง มีฝูงปลามากมาย
หลังจากที่หัวใจโพไซดอนดูดซึมพลังงานไปครั้งนี้ มันก็พัฒนาเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวมีความสามารถในการโจมตี สามารถสร้างคลื่นลมทะเลยักษ์บนผิวน้ำหลากหลายวิธีได้ตามต้องการ และสามารถก่อคลื่นความเร็วสูงใต้ทะเลได้อีกด้วย
เขาลองมาสักพัก ตอนนี้เขายังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมกว่า นั่นก็คือการกวนน้ำทะเลให้หมุนไปในทิศทางเดียวซึ่งสามารถสร้างกระแสน้ำวนที่มีขนาดไม่เลวเลยทีเดียว!
ราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นที่ถูกใจ ฉินสือโอวพอไม่มีอะไรทำก็ก่อคลื่นขนาดมหึมาหรือไม่ก็สร้างกระแสน้ำวนเล็กบ้างใหญ่บ้าง เพื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ตนเองมีอยู่
สัตว์ตัวผู้ตามธรรมชาติสุดท้ายแล้วก็ตามล่าพลัง ที่ไม่ใช่พลังแรงกายทั่วไป แต่ยังรวมไปถึงความเร็ว พลังระเบิด ความอดทน ทักษะในการต่อสู้ เป็นต้น ซึ่งเป็นพลังที่มาจากภายในอย่างหนึ่ง
ยิ่งมีพลังมากเท่าไร สัตว์ตัวผู้ก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น เมื่อก่อนฉินสือโอวเข้าใจว่าหัวใจโพไซดอนช่วยเขาในการเลี้ยงปลา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เขาสามารถพึ่งพลังนี้ในการเปลี่ยนโลกได้!
ตอนนี้ไม่ได้ติดปัญหาที่ว่าสามารถทำได้หรือเปล่า แต่เขาคิดจะทำหรือเปล่า
จุดสำคัญก็คือเช็กดูแขนขาของคราเคนที่ถูกตัดขาดไป ฉินสือโอวพบว่ารอบๆ บาดแผลเริ่มมีเนื้อแดงๆ งอกขึ้นมาใหม่ ซึ่งเนื้อที่งอกใหม่นี้ก็ค่อยๆ ผสานกัน ดูๆ แล้วก็แอบคลื่นไส้ แต่ก็ทำให้เขาโล่งใจเพราะว่าหนวดของคราเคนกำลังจะเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่
พอผ่านจุดรอยแยกใต้ทะเลที่คราวที่แล้วมีหินหนืดไหลออกมา ฉินสือโอวก็รู้สึกตกใจ เพราะรอยแยกไม่ได้ผสานเข้าหากัน แถมบางครั้งยังมีหินหนืดทะลักออกมาอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นหลายครั้งฉินสือโอวผ่านหลายรอบแต่ไม่เคยสังเกต ครั้งนี้หินหนืดสีแดงบางส่วนค่อยๆ ทะลักออกมาจากรอยแตกหินปูนที่เย็นตัวพอดี แต่พวกมันก็ไหลไปได้ไม่ไกล เพราะถูกน้ำทะเลทำให้แข็งตัว
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ใต้ทะเลมีรอยแยก ภาพที่หินหนืดไหลออกมายังมีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเขาไม่ทันได้สังเกต นึกว่าจะเหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่พอระเบิดเสร็จก็กลายเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว
เขาลืมนึกไปว่า นี่มันไม่ใช่ภูเขาไฟใต้ทะเล แต่เป็นรอยแยกใต้ทะเล
ซึ่งกำลังแรงที่ไหลออกมาก็มีมาก หินหนืดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เป็นเวลานานกว่าครึ่งปีแล้ว หลังจากเย็นตัวก็จะกลายเป็นหินปูน ซึ่งหินปูนพวกนี้ก็ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ จนตอนนี้จะกลายเป็นภูเขาเทือกน้อยๆ แล้ว
ถ้าหากเจาะรูตรงกลางบนเทือกเขาน้อยๆ นี้ หินหนืดก็คงพ่นออกมากลายเป็นภูเขาไฟใต้ทะเลแล้ว
ฉินสือโอวว่ายวนรอบภูเขาหนึ่งรอบ แล้วก็มีการค้นพบที่น่าประหลาดใจว่า ตอนนี้ที่นี่มีระบบนิเวศเกิดขึ้นแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
แน่นอนว่า หินหนืดเป็นบริเวณต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต ยกเว้นพวกแบคทีเรียกำมะถันบางชนิด ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ยากที่จะอาศัยอยู่รอดในสภาวะแวดล้อมแบบนี้ แต่ธรรมชาติก็มักจะมีมนต์ขลัง เพราะหลังจากที่หินหนืดแข็งตัวกลายเป็นภูเขาหินปูนน้อยๆ กลับปรากฏว่าบริเวณรอบๆ ของมันมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตอยู่
ไม่รู้ว่าเป็นพวกปลาที่กินสาหร่ายทะเลแล้วขับพวกเมล็ดที่ไม่ย่อยออกมา หรือเป็นเมล็ดสาหร่ายทะเลที่น้ำวนหอบเอามา หลังจากนั้นก็มีสาหร่ายทะเลที่มีลักษณะคล้ายไม้เลื้อยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางหินปูนบนเนินเขา มีทั้งสีน้ำตาลและสีฟ้า
ปูจำนวนหนึ่งปีนขึ้นปีนลงอยู่บนหินปูน ปูพวกนี้น่าจะเป็นปูราชินี แต่กลับมีสีเทาขาว ราวกับว่าบนตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยปูนขาวอย่างไรอย่างนั้น
ตรงตีนเขาที่มีหินปูนอยู่นั้น มีฟองน้ำทะเลสีขาวอาศัยอยู่ ฉินสือโอวไม่เคยเห็นฟองน้ำทะเลชนิดนี้มาก่อนในฟาร์มปลา พวกมันเหมือนกับลูกรักบี้ มีลักษณะบางทั้งสองข้างแต่ตรงกลางหนา ตั้งแต่ 10 กว่าเซนติเมตรถึง 1-2 เมตร
ฉินสือโอวไม่รู้จักฟองน้ำทะเลชนิดนี้ เขาเปิดคอมเขียนรูปร่างของมันลงไป แต่ก็ยังหาไม่เจอข้อมูลใดๆ
พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเพิ่งความสงสัยใคร่รู้ในตัวเขา เขานึกถึงแซนเดอร์สขึ้นมาจึงโทรศัพท์ไปหา เพื่อถามว่านี่เป็นฟองน้ำทะเลชนิดไหน
ผู้เชี่ยวชาญอย่างไรก็ดีกว่าค้นหาในกูเกิล แซนเดอร์สพูดแบบสบายๆ ว่า “นั่นเป็นฟองน้ำแก้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในฟองน้ำทะเลที่ลึกลับที่สุดในตอนนี้ อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือสามารถเจอได้ตามบริเวณน่านน้ำแถบแอนตาร์กติก”
“ฟองน้ำชนิดนี้จะมีในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือไหม?” ฉินสือโอวถามขึ้น
แซนเดอร์สลังเลเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ ว่า “มหาสมุทรนั้นลึกลับและกว้างใหญ่มาก ลักษณะภูมิภาคของสิ่งมีชีวิตในทะเลก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน การที่ไม่เคยพบฟองน้ำแก้วที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็ไม่ได้แสดงว่าที่มหาสมุทรนี้จะไม่มีฟองน้ำแก้ว”
“จริงสิ คุณถามถึงฟองน้ำแก้วทำไม? คุณพบฟองน้ำทะเลชนิดนี้เหรอ?”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดความจริง แต่อธิบายง่ายๆ ว่า “เพื่อนผมเจอแล้วเขาก็ไม่รู้จัก เขารู้ว่าผมเลี้ยงปลาอยู่ที่แคนาดา คิดว่าผมมีความรู้กว้างขวาง จึงขอให้ผมช่วยดูให้หน่อย”
แซนเดอร์สเอ่ย ‘โอว’ ออกมา แล้วถามต่อว่า “ฟองน้ำแก้วที่เขาเห็นใหญ่มากไหม? นี่เป็นชนิดของฟองน้ำทะเลที่พบยากมาก เรียกได้ว่าเป็นฟอสซิล ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาจับฟองน้ำทะเลชนิดนี้ เพราะพวกมันโตช้ามาก ความยาว 1 เมตรต้องใช้เวลากว่าหมื่นปีเลยนะ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
เหตุผลที่เขาพูดแบบนี้เพราะว่า ฟองน้ำแก้วนั้นน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่หินหนืดใต้ทะเลกลายเป็นภูเขาหินปูนขึ้นมา แต่หินหนืดเพิ่งพบประมาณครึ่งปีได้ ถ้าเทียบกับหมื่นปีแล้ว ระยะเวลาห่างมากไปหน่อยไหม!
แซนเดอร์สไม่ได้โต้เถียงกลับ เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น อย่างน้อยการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่เติบโตช้ามาก ช้ามากจริงๆ”
ฉินสือโอววางสายด้วยความฉงนสงสัย เขาไปดูตรงตำแหน่งของภูเขาน้อยๆ ที่มีหินหนืดอีกรอบ หรือเขาอาจจะบอกลักษณะผิดไป สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ฟองน้ำแก้ว? แต่ถ้าเป็นไอ้สิ่งนี้จริง ที่นี่มีฟองน้ำประเภทนี้อยู่หลายตัว แล้วที่ยาว 1 เมตรก็ไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย!
นอกจากนี้แล้ว เขาค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติม ฟองน้ำแก้วจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่หนาวเย็น มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมีความเย็น แต่ทว่าตรงนี้มีหินหนืดไหลออกมา อุณหภูมิของน้ำจะสูงมาก
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset