ฉินสือโอวเตรียมอาหารทั้งโต๊ะอย่างตั้งใจ เขาตักต้มฟักกระดูกหมูขึ้นมาให้วินนี่แล้วตะโกนเรียกพวกเออร์บักมากินข้าว
ตอนกินข้าววินนี่บอกว่าเธอติดต่อเจนนิเฟอร์ให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้พ่อแม่และเชิญพวกเขามาฉลองปีใหม่ที่เกาะแฟร์เวลแล้ว
ตอนนี้ปลายเดือนมกราคมแล้วห่างจากวันตรุษจีนแค่ครึ่งเดือนกว่าๆ และก็เป็นช่วงเตรียมของตรุษจีนของที่บ้านเหมือนกัน ถ้าฉินสือโอวไม่เชิญทั้งสองมาฉลองตรุษจีนพวกเขาก็จะกำลังซื้อข้าวของเตรียมฉลองตรุษจีนอยู่ที่บ้าน
พูดถึงเจนนิเฟอร์ฉินสือโอวก็เสียดายอยู่นิดหน่อย สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่ได้เจอเจนนิเฟอร์เสียที มาตรฐานงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสครั้งนี้สูงมาก พนักงานบริการลูกค้าจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้างาน
อีกอย่างคนอเมริกันมองหน้าที่บริการเป็นหลักสำคัญ พวกเขาจ่ายเงินไปมากพอแล้วก็ต้องได้รับการบริการที่คู่ควร ไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณพนักงาน ใช่ว่าบริษัทเอ็กซ์เพรสจะไม่จ่ายเงินเดือนพวกเขา
ครอบครัวของพี่สาวต้องอยู่ฉลองตรุษจีนที่บ้านครั้งนี้เลยเป็นพ่อและแม่ของฉินสือโอวที่มา เจนนิเฟอร์ช่วยติดต่อสนามบินให้แล้ว พวกเขาแค่ต้องมาที่สนามบินเท่านั้น ส่วนกระบวนการทั้งหมดให้พนักงานต้อนรับเป็นคนรับผิดชอบมาส่งที่นครเซนต์จอห์นโดยตรง
ครอบครัวของวินนี่กลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน รอให้เธอคลอดค่อยมาอีกทีเพื่อให้ครอบครัวฉินสือโอวมีเวลาฉลองตรุษจีนได้อย่างเต็มที่
ฉินสือโอวอยากชวนมิแรนดาและมาริโอ้ให้อยู่ต่อ ปู่ของวินนี่เป็นชาวจีนพวกเขาก็ให้ความสำคัญกับวันตรุษจีนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเขาเลยชวนพวกเขามาด้วย คนเยอะก็ยิ่งคึกคัก
แต่ครอบครัวของวินนี่ปรึกษากันแล้วคู่ของมิแรนดาตัดสินใจฉลองตรุษจีนที่บ้านเพราะปู่ย่าของวินนี่เดินทางไม่สะดวก พวกเขาต้องติดต่อคนจีนในชุมชนมาจัดงานตรุษจีนแล้วพวกเขาต้องไปช่วย
แบบนี้ก็ดี ฉินสือโอวรู้สึกว่ามีแต่ครอบครัวของตัวเองพ่อแม่จะสบายใจกว่า
เที่ยวบินของพ่อแม่ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงมาถึงนครเซนต์จอห์นในเวลาพอๆ กัน หลังจากที่งานเลี้ยงประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสจบลง พอมีเวลาว่างเหล่าเพื่อนซี้เลยนัดเล่นไพ่กันสองวัน พวกเหมาเหว่ยหลงและบิลลี่แฝงตัวตามหลังเขาไป ถือเป็นการไปทำให้ทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตาสักหน่อย
แบบนี้ฉินสือโอวเลยขับเรือสปีดโบ๊ทกับคนอีกสองสามคนไปรับพวกเหมาเหว่ยหลงก่อน กระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ล้วนเป็นสินค้ามาจากออสเตรเลีย
พอเจอฉินสือโอวเหมาเหว่ยหลงก็ชี้ไปที่กระเป๋าใบใหญ่ที่สุดแล้วพูด “อย่าหาว่าเพื่อนรักไร้น้ำใจ ใบนั้นเตรียมมาให้แก!”
ฉินสือโอวตบไหล่เหมาเหว่ยหลงพร้อมยิ้มอย่างพอใจ “ไม่เลวๆ ก้าวหน้าขึ้นเยอะนะพวก”
บิลลี่หัวเราะแล้วพูด “พวกเราไม่ได้เตรียมหรอก เป็นของขวัญที่บริษัทเอ็กซ์เพรสส่งมาน่ะ”
ฉินสือโอวพูด “ไร้ค่า”
เบลคยักไหล่อย่างจนใจแล้วพูด “ใครจะมีเวลาไปซื้อของกันล่ะ? พวกเรารีบใช้เวลาคุยกับพวกคนใหญ่คนโต อย่างน้อยๆ ก็โปรโมทตัวเองไปให้พวกเขาจำชื่อพวกเราได้”
ฉินสือโอวทำปากยื่นแล้วพูด “ฉันว่างานเลี้ยงประจำปีครั้งนี้พวกนายต้องกอบโกยมาได้มากกว่าฉันแน่ๆ”
เขารู้ว่าวันสุดท้ายของงานเลี้ยงประจำปีเป็นงานราตรีที่ให้ผู้ใจบุญได้สานสัมพันธ์กัน โดยพื้นฐานแล้วผู้ร่วมงานก็จะแวะเวียนทำความรู้จักกัน สำหรับพวกหน้าใหม่แล้วนี่คือผลประโยชน์มหาศาล
แต่พอได้ยินแบบนี้เบลคก็โมโห เขาชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูด “คำพูดแบบนี้นายก็พูดออกมาได้เหรอ? คนที่ทำร้ายคนอื่นคือใคร? คนที่ช่วยเหลือคนอื่นคือใคร? คนที่รับเด็กฝึกงานคือใคร? คนที่จีบเจ้าหญิงคือใคร?”
บิลลี่ช่วยพูด “ก็ใช่น่ะสิ บัดซบ ตอนที่พวกเราแนะนำตัว พวกเขาจำชื่อเราไม่ได้เลย จำได้แค่ว่า ว้าว คุณคือเพื่อนของหนุ่มชาวจีนที่ชื่อฉิน?”
ฉินสือโอวรีบโบกมือพูด “พวกนายนี่ไร้คุณธรรม ใครจีบเจ้าหญิงกัน? พูดมั่วๆ ฉันแค่ไปดำน้ำกับเธอแค่ครั้งเดียวเอง!”
เบลคพูดปากยื่น “งั้นเหรอ? อย่างนั้นทำไมหลังจากที่นายออกจากงานเลี้ยงไปแล้วเจ้าหญิงน้อยถึงรีบร้อนออกไปล่ะ? อย่าบอกนะว่าบังเอิญ! บังเอิญบ้าบออะไร?!”
“ซาลามาห์ก็ออกจากงานเลี้ยงประจำปีก่อนเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ เรื่องนี้เขาไม่รู้จริงๆ
บิลลี่พูดพลางเล่นหูเล่นตา “โอ้วๆๆ ซาลามาห์ เรียกซะสนิทสนมกันจริงๆ พวกเราต่างก็เรียกกันว่าเจ้าหญิงน้อย!”
“ก็ได้ เจ้าหญิงน้อย โอเค? ว่าแต่เจ้าหนูแบรนดอนเป็นยังไงบ้าง? ดูท่าเขาคงไปจีบสาวแล้ว”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง พูดเรื่องของนายกับเจ้าหญิงน้อยต่อ!”
“ไสหัวไป พ่อแม่ฉันมาแล้ว! อย่าพูดไปเรื่อย พวกเขาจะคิดจริงจัง”
พอพ่อแม่ของฉินสือโอวลงจากเครื่องบินแล้ว พนักงานต้อนรับก็ยกกระเป๋าเดินทางและพาทั้งสองมายังห้องรับรองวีไอพีที่ฉินสือโอวอยู่
พอเจอพ่อแม่ ฉินสือโอวก็สังเกตสีหน้าของพวกเขาก่อนเป็นอย่างแรก อืม พ่อแม่สีหน้าไม่เลวเลย ผมสีดอกเลากลับเป็นสีดำแล้ว ดูท่าช่วงนี้พวกเขาคงสุขสบายดี พลังโพไซดอนก็ยอดเยี่ยมพอที่จะทำให้คนชรากลับไปเยาว์วัยได้?
คิดได้แบบนี้ฉินสือโอวก็หยุดแผนการที่จะใช้พลังโพไซดอนบำรุงร่างกายของพ่อแม่ ถ้าอ่อนวัยขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายดูไม่ต่างจากเขาเท่าไรจะทำอย่างไร?
รับกระเป๋าเดินทางของพ่อแม่มาแล้วเขาก็พูดพลางหัวเราะ “พ่อแม่ อยู่ที่บ้านกินยาวิเศษอะไรเหรอครับ ผมเป็นสีดำหมดแล้ว”
พ่อของฉินสือโอวมองเขาพูดอย่างฮึกเหิม “กินยาวิเศษบ้าอะไร ก่อนมาฉันกับแม่แกไปย้อมผมมา! แม่แกยังไปทำผมเลียนแบบพวกคุณนายแก่ๆ ทำเสียอย่างกับซาลาเปาโดนหมาแทะ”
“ไม่ใช่มั้ง สีผมนี่เป็นสีย้อมเหรอ?”
พ่อของฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจ “แน่สิ แกคิดว่าไงล่ะ มันจะกลับมาเป็นสีดำเองได้เหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะพลางลูบจมูก โอเค พลังโพไซดอนยังคงดำเนินต่อไป
บิลลี่ต้องรีบกลับอเมริกา ส่วนเบลคต้องบินไปโทรอนโต ฉินสือโอวจับมือลาทั้งสองแล้วพูดรั้ง “รีบกลับไปทำไม? อยู่เที่ยวที่นี่สักสองสามวันสิ ใช่สิ ตอนตรุษจีนอย่าลืมมาอวยพรพ่อแม่ฉันด้วยนะ”
เบลคทำมือโอเคแล้วอธิบาย “ฉันต้องกลับไปจัดการงานประมูลฤดูใบไม้ผลิ เดี๋ยวก็ต้องเริ่มแล้วแต่งานโฆษณายังอยู่ในช่วงดำเนินการอยู่เลย”
บิลลี่พูด “ฉันจะกลับไปศึกษาเรื่องเรือแร่ทองคำของโซมาเลียที่จมอยู่ต่อ ฉินนายรีบพาเจ้าวาฬเบลูกาน้อยออกทะเลไปหาเรือที่จมอยู่ลำนั้นเร็วๆ จะได้เอาแร่ทองขึ้นมาดูหน่อย”
หลังจากแยกย้ายกันแล้วพวกฉินสือโอวก็ขับเรือกลับ พอเข้าเขตฟาร์มปลาแล้วฝูงปลาค็อดฝูงหนึ่งก็ว่ายมาจากใต้น้ำ น้ำทะเลใสและปลาค็อดก็อยู่ใกล้กับผิวน้ำ พอแสงแดดส่องไปในน้ำตัวสีดำๆ ที่เห็นอยู่ด้านล่างล้วนแต่เป็นปลาตัวอ้วน…
พ่อแม่ของฉินสือโอวมองผ่านกระจกออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าตะลึง “โอ้โห เสี่ยวโอว เจ้าปลานี่มีเท่าไร? ปลาที่เลี้ยงในทะเลไม่เหมือนกับในสระน้ำเล็กๆ ของพวกเราเลย!”
ฝูงปลาค็อดเป็นฝูงปลาที่ใหญ่ที่สุดในฟาร์มปลามาแต่ไหนแต่ไร ฉินสือโอวพาพ่อแม่เดินออกไปแล้วเอากล้องส่องทางไกลให้พวกเขาใช้ดู ทอดตามองไปไกลๆ ฝูงปลาค็อดที่ยิ่งใหญ่ภายใต้แสงแดดที่ส่องนั้นดูราวกับว่าท้องทะเลผืนนี้ถูกฝูงปลาค็อดจำนวนมากมายปิดกั้นไว้แล้ว!
ฉินสือโอวผิวปากให้ชาร์คที่เป็นคนขับเรือ ชาร์คเดินออกมาพร้อมข่ายจับปลา เขาชูด้ามแล้วตักลงไปในทะเลครู่หนึ่ง ปลาค็อดตัวใหญ่สองตัวก็เข้ามาอยู่ในตาข่าย
พอเอาขึ้นมาจากผิวน้ำเจ้าปลาค็อดก็ดิ้นสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ปลาค็อดตัวใหญ่ยาวกว่าแปดสิบเซนติเมตรทั้งสองดิ้นรนขนาดนี้ ข้อมือของชาร์คที่ถือด้านจับไว้ก็รับไม่ไหว!
…………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 976 ฝูงปลาค็อดที่ยิ่งใหญ่
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!