ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 977 บริษัทดาวเคมิคอลมาอีกแล้ว

ปลาค็อดแหวกว่ายอยู่ที่ผิวน้ำกันอย่างฉวัดเฉวียน ยิ่งใหญ่เกรียงไกร…
พ่อแม่ของฉินสือโอวมองดูภาพเหตุการณ์นี้อย่างตกตะลึง
ต่อมาฝูงปลาก็หมุนกลับแล้วเหล่าปลาค็อดว่ายลงไปในน้ำลึกอีกครั้ง เหลือไว้เพียงคลื่นน้ำกระเพื่อมสั่นไหวเป็นการบอกว่าพวกมันเคยมาถึงที่บริเวณนี้
เรือตรงมาถึงที่ท่าเรือแล้ว แต่จิตใจของพ่อและแม่ของฉินสือโอวยังคงจดจ่ออยู่กับความตะลึงที่เกิดจากปลาฝูงนั้น ฉินสือโอวยืนขึ้นตรงกลางแล้วโอบกอดชายหญิงชราทั้งสอง พูดพลางหัวเราะ “เป็นไงครับ ฟาร์มปลาของลูกชายไม่เลวเลยใช่ไหม?”
แม่ของฉินสือโอวพยักหน้า พ่อของเขามองไปยังฟาร์มปลาที่กว้างใหญ่ด้วยความกังวลแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีตาข่ายถ้าปลาพวกนี้ว่ายไปที่อื่นจะทำอย่างไร? รวงข้าวสาลีร่วงไปในที่คนอื่นยังพูดได้ไม่ชัดเจน นับประสาอะไรกับปลาใหญ่พวกนี้”
ฉินสือโอวพูด “เป็นไปไม่ได้ เลี้ยงปลาก็เหมือนเลี้ยงหมา พ่อดูว่าท้องทะเลล้วนเหมือนกันแต่ในความเป็นจริงก้นทะเลนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงและพืชทะเลก็ไม่เหมือนกัน ปลาที่ฟาร์มของเราเคยชินกับสภาพแวดล้อมและอาหารที่ฟาร์มเรา พวกมันไม่ออกไปง่ายๆ หรอก”
พ่อของฉินสือโอวดูท่าทางจะยังลังเลอยู่
ฉินสือโอวกับพ่อนิสัยเหมือนกัน แม่ของฉินสือโอวใจกว้างมองโลกในแง่ดีและเอื้อเฟื้อ ไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่คนแก่อย่างพ่อฉินสือโอวเวลาเจอเรื่องอะไรก็จะคิดมากได้ง่าย ฉินสือโอวได้นิสัยนี้มาจากเขา
การมาฉลองตรุษจีนปีนี้พ่อแม่ของฉินสือโอวไม่ได้เอาของมามากมาย ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มาพวกเขาจะเอากระเป๋าใบเล็กใบใหญ่มาเป็นกองและมีกระเป๋าเดินทางกับกล่องอีกกว่าสิบใบ แต่ครั้งนี้สะพายกระเป๋ามาคนละใบและลากกระเป๋าหนังมาแค่อีกใบทำให้ฉินสือโอวประหลาดใจมาก
“พ่อแม่ ทำไมครั้งนี้ไม่เอาของมาล่ะครับ?” ฉินสือโอวเปิดดูด้านในมีเพียงเสื้อผ้ากันหนาว
พ่อของฉินสือโอวพูดพลางหัวเราะ “มีประสบการณ์แล้วน่ะสิ ที่นี่แกก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ทีแรกฉันคิดมากไปหน่อย แม่แกบอกว่าฉันกลุ้มใจไปเปล่าๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เอามาแค่เสื้อผ้านิดหน่อยก็พอ”
วินนี่ยกชาร้อนมาให้ทั้งสองคน แม่ของฉินสือโอวรีบรับแล้วให้เธอนั่งลง วินนี่โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร ตอนนี้บางครั้งเธอก็ยังออกกำลังกายเบาๆ
พ่อของฉินสือโอวพูดด้วยความกังวล “ออกกำลังกายช่วงนี้อันตรายนะ เสี่ยวโอว แกนั่งดูโทรทัศน์หรือทำอะไรเป็นเพื่อนวินนี่บ้าง อย่ามัวแต่เตร็ดเตร่ไปทั่ว แกกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ทำไมยังทำตัวตามสบายขนาดนี้?”
แม่ฉินสือโอวตีสามีไปครั้งหนึ่งแล้วพูด “คุณจะรู้อะไร คนท้องนั่งมากๆ น่ะสิถึงจะไม่ดี ต้องเดินต้องขยับให้เยอะ แล้วก็ตอนที่ฉันท้องเสี่ยวโอวกับพี่สาวเขา คุณก็ไม่ได้อยู่นั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนฉันหรือเปล่า? คุณกับแม่คุณยังเรียกฉันไปทำงานอยู่เลย”
พ่อของฉินสือโอวพูดอย่างหงุดหงิด “อะไร ตอนนั้นที่บ้านมีโทรทัศน์ที่ไหน? ขนาดวิทยุยังไม่มีเลย จะให้ผมทำอะไรเป็นเพื่อนคุณเหรอ? แล้วผมก็ไม่ได้บังคับให้คุณทำงานสักหน่อย คุณนั่นแหละที่อยู่ว่างไม่ได้เอง…”
“พูดออกมาได้ ตอนนี้คุณทำตัวเสียชาติเกิดได้เหรอ? ฉันอยู่ว่างๆ ไม่ไหวอย่างนั้นเหรอ? ใครกันจะชอบทำงาน?” แม่ฉินสือโอวเริ่มโต้กลับ ฉินสือโอวนั่งลงบนเก้าอี้ สงครามประสาทสมัยก่อนที่เขาชอบดูเริ่มขึ้นแล้ว พ่อกับแม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นกันอีกแน่
วินนี่มองเขาครั้งหนึ่งแล้วอดใจไม่ไหวเลยรีบพูดออกไป “พ่อแม่เหนื่อยไหมคะ? ไปพักผ่อนกันก่อนไหม? เดี๋ยวหนูกับเสี่ยวโอวเตรียมอาหารกลางวันให้ทานค่ะ”
คราวนี้พ่อกับแม่ของฉินสือโอวถึงได้รู้สึกตัวว่าลูกสะใภ้อยู่ข้างๆ ทั้งสองหยุดสงบศึกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พ่อของฉินสือโอวกระแอมแล้วพูด “ไม่ต้องทำเองแล้วกันนะ? พวกเราไปกินที่ร้านลุงฮิคสันกัน มื้อนี้แม่แกเลี้ยง บ่อเลี้ยงปลาก็ทำเงินได้ไม่ใช่น้อย”
แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องจัดการเอง ฉินสือโอวออกไปสตาร์ทรถแล้วพ่อแม่ของเขาก็ตามขึ้นมา
พ่อฉินสือโอวแอบพูดกับแม่อยู่ที่ด้านหลัง “อยู่กับลูกต้องไว้หน้าผมหน่อยรู้ไหม? แล้วพวกเราก็อย่าทะเลาะกันเพราะเสี่ยวโอวกับวินนี่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ผมดูในโทรทัศน์เขาบอกว่าสภาพแวดล้อมในครอบครัวมีผลกระทบต่อการแต่งงานของลูกเป็นอย่างมาก อย่าให้เสี่ยวโอวเกิดความกลัวการแต่งงานเพราะเราทะเลาะกัน”
ฉินสือโอวยิ้มที่พ่อกับแม่คิดมากกันจริงๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้รู้เห็นเรื่องการแต่งงานและความรักกันแล้ว
ตอนที่มาถึงในเมืองเขาเห็นรถมินิบัสคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน บนรถมีโลโก้สีแดงสดเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนตรงกลางมีตัวอักษรเขียนว่า ดาว
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ เพราะเมืองอยู่ไกลจากฝั่งเลยมีรถภายนอกเขามาน้อยมาก แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวเยอะก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีร้านค้ามาประกาศโฆษณาต่างๆ
แต่พอวินนี่สังเกตเห็นรถมินิบัสคันนี้ก็คิ้วขมวดขึ้นมา ทีแรกเธอจะพูดอะไรสักอย่างแต่เห็นพ่อแม่ของฉินสือโอวอยู่ข้างๆ เลยเงียบไว้
ฉินสือโอวขับรถต่อไปที่ร้านอาหารของลุงฮิคสันทั้งสองฝ่ายสนิทกันแล้ว ชายชรายิ้มพลางพูด “นายอยากมาชิมไอซ์ไวน์ของนายเหรอ? แต่โทษทีนะพวก อีกสองเดือนครึ่งถึงจะหมักได้ที่”
พ่อแม่ของฉินสือโอวเดินเข้ามา ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูด “ผมพาพ่อแม่มาเป็นแขกที่นี่น่ะครับ”
ไม่มีนักท่องเที่ยวร้านเลยค่อนข้างโล่ง พอเห็นพ่อแม่ของฉินสือโอวก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาพูดอย่างลิงโลด “ยินดีต้อนรับๆ เพื่อนๆ ไปนั่งเร็วเข้า ไม่ต้องสั่งอาหารเดี๋ยวฉันจะเตรียมอาหารรสเลิศให้เอง”
ลุงฮิคสันยกน้ำผลไม้ร้อนมาให้แล้วขยิบตาให้ฉินสือโอว “นี่น้ำองุ่นของนาย แต่ฉันใส่วัตถุดิบลับลงไปด้วย รสชาติเลยเปลี่ยนไป ลองชิมดูสิ”
ฉินสือโอวแปลให้พ่อฟังแล้วรินให้พวกเขาดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกาย
ตอนที่พวกเขากำลังรออาหารมาเสิร์ฟประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดแล้วกลุ่มคนขาวที่สวมเสื้อขนสัตว์ก็เดินเข้ามา ฉินสือโอวหันไปมองดูครู่หนึ่งเพราะบนเสื้อขนสัตว์ของพวกเขามีโลโก้ของรถมินิบัสอยู่
ชายชราที่กำลังทำอาหารเดินออกมา พ่อเห็นคนเหล่านั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูด “พวกนายมาทำอะไรอีก?”
พวกคนขาวยิ้ม “พวกเรามากินข้าวไม่ได้เหรอ คุณผู้ชาย ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงไม่ชอบบริษัทของพวกเรานัก”
พอเห็นพวกฉินสือโอวก็มีคนรีบเดินมาถาม “ขอโทษนะ พวกคุณคือนักท่องเที่ยวใช่ไหม?”
ฉินสือโอวส่ายหัว “เปล่า บ้านผมอยู่ที่นี่ ผมอพยพมา”
เมื่อคนนั้นได้ฟังก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วยื่นมือมาพร้อมพูด “สวัสดีครับคุณ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร? ผมชื่อโรบินสัน ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฉินสือโอวยืนขึ้นจับมือพอแนะนำชื่อตัวเองแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปทางฮิคสัน ชายชราส่ายหัวสีหน้าไม่สู้ดีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับคนพวกนี้
คนเหล่านั้นไม่สนใจ โรบินสันจับมือฉินสือโอวพลางพูด “คุณฉิน ขอถามหน่อยว่าคุณคิดอย่างไรกับสภาพเศรษฐกิจของเมืองในตอนนี้? มีความเห็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในเมืองนี้ไหม? อย่างเช่นที่นี่อยู่ไกลจากแผ่นดินใหญ่เกินไป หรืออย่างเช่นการซื้อของหรือรักษาพยาบาลไม่สะดวกอะไรแบบนี้”
ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “ที่นี่ดีมาก ผมชอบที่นี่มาก พอใจมาก ทำไมเหรอ?”
โรบินสันยิ้มอ่อน “ไม่ได้ทำไมครับ ผมแค่คิดว่าพวกเราน่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ไม่ใช่เหรอ? การอยู่ไกลแผ่นดินใหญ่มันไม่สะดวกสบาย คุณดูสิ ตอนนี้ถ้าเครื่องทำความร้อนของพวกคุณมีปัญหา หนาวขนาดนี้คงได้แต่แข็งตาย”
ฉินสือโอวมองคนเหล่านั้นอย่างครุ่นคิดแล้วถามอย่างเรียบๆ “ดาว? พวกคุณมาจากบริษัทอะไร?”
“บริษัทดาวเคมิคอล พวกเขาเป็นคนของบริษัทดาวเคมิคอล” วินนี่พูด
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset