ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 103 คำตัดสิน

บทที่ 103 คำตัดสิน

“เจ้าว่าไงนะ”

ลีกุยที่นั่งอยู่เมื่อได้ยินถึงกับของขึ้นจนต้องลุกขึ้นยืนพลางปลดปล่อยพลังสายเลือดออกมา

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงจ้องมองลีกุยไปด้วยสายตาผ่อนคลาย ราวกับว่ากำลังอาบสายลมเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ

“เจ้าคือลีกุยสินะ ข้ารู้ว่าเจ้าเองอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง ไม่ต้องมาอวดแบบนี้หรอก และกับการที่เจ้ามาตะคอกใส่ข้าแบบนี้ เจ้าก็มีสิทธิตามตำแหน่งของเจ้า แต่เจ้าจงจดจำคำพูดนี้ไว้”

“คนอย่างเจ้า ไม่มีสิทธิจะมาดูถูกกองกำลังเทียนเว่ยของข้า”

“ต่อให้พวกข้ามีเพียงแปดคนแล้วยังไง ในอนาคต กองกำลังของข้าจะมีชื่อเสียงขจรขจายยิ่งกว่ากองกำลังของเจ้าอย่างแน่นอน”

“พี่น้องที่ดี”

เมื่อได้ยินแบบนี้ จางหยวนที่ได้ยินก็เดินมาตบไหล่เฉินเฉียงอย่างหนักและพูดออกมาอย่างวางใจ “เฉินเฉียง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”

“ก็ดี พวกเราได้ถือว่าเป็นพี่น้องกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม ไม่ว่าในอนาคต เฉินเฉียงจะได้เข้ากองกำลังเทียนเว่ยหรือไม่ ยังไงซะเขาก็ถือได้ว่าเป็นคนของพวกเราแล้ว แค่นั้นก็ถือว่าเพียงพอไม่ใช่รึ”

เป็นตอนนี้ที่หลินเฟิงได้ยกมือห้ามปรามสื่อถึงการหยุดคุยถึงเรื่องนี้ และทำการตัดบทเข้าหัวข้อการประชุมเรื่องสุดท้ายในทันที

“เอาล่ะ ขอให้ข้าได้พูดบ้างแล้วกัน”

หลินเฟิงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หวู่เจียง ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังคุนเผิง แต่เจ้า กลับปล่อยให้มนุษย์กลายพันธุ์ใช้สถานะของเจ้าในการลอบสืบข้อมูลของตึกจอมพลจนเป็นเหตุให้พวกเราสูญเสียกำลังพลไปนับไม่ถ้วนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา”

และด้วยเหตุนี้ ข้าจะถอดถอนเจ้าจากตำแหน่ง แต่ระหว่างนี้ให้เจ้าอยู่ในสถานะรักษาการกองกำลังของเจ้าไปก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะลดเบี้ยเลี้ยงของเจ้าเป็นเวลาครึ่งปี

หลังจากนั้น ผู้การหลินเฟิงได้หันไปมองลีกุยที่อยู่ในกองกำลังที่หนึ่งให้ออกมา

“ลีกุย ในฐานะที่คุนเผิงเป็นกองกำลังย่อยของเจ้า เจ้าเองก็ต้องรับโทษไปด้วยถึงจะสมเหตุผล ข้าจะตัดเบี้ยเลี้ยงเจ้าเป็นเวลาหนึ่งปี นอกจากนั้นเจ้าต้องสืบสวนด้วยตัวเองว่ากองกำลังของเจ้ายังมีสายลับหลงเหลืออีกหรือไม่ จะทำได้หรือเปล่า”

“ข้ายอมรับคำสั่ง ข้าจะทำการตรวจสอบทุกคนในกองกำลังเป็นอย่างดี และหากในภายภาคหน้ายังมีเรื่องเช่นนี้อีก ข้าก็ยินดีที่จะยอมรับโทษเช่นเดียวกัน”

เจ้าหน้าหนวดลีกุยได้กล่าวคำสาบานออกมา

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว หลินเฟิงก็พยักหน้ารับอย่างพอใจก่อนที่จะให้หวู่เจียงและนายพลคนอื่นๆออกไปจากห้อง

ในตอนนี้เหลือเพียงหลินเฟิง จางหยวน และเฉินเฉียงที่อยู่ในห้องประชุมเพียงเท่านั้น

“จางหยวน เรื่องในครั้งนี้ กองกำลังของเจ้าไม่เพียงจะประสบความสำเร็จในภารกิจสอดแนมแล้ว แต่พวกเจ้ายังตรวจพบสายลับอย่างเจิ้งตี้ได้อีก นี่เท่ากับว่าเป็นการป้องกันการสูญเสียให้กับพวกเราตึกจอมพลได้อย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงคิดว่าจะมอบรางวัลให้กับพวกเจ้าเป็นแก่นคริสตัลระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นจำนวนพันก้อนสำหรับคุณงามความดีที่พวกเจ้าได้กระทำ”

หลังจากพูดจบ หลินเฟิงได้รอให้จางหยวนกล่าวคำขอบคุณสักพักหนึ่งตามธรรมเนียม แต่เมื่อเห็นว่าจางหยวนไม่มีท่าทีจะขอบคุณ แต่กลับยืนนิ่งไม่ไหวติง นี่ทำให้เขาสงสัยไม่น้อย

หากว่าเขานั้นไม่ได้เห็นทรัพยากรจำนวนมหาศาลในแหวนของเฉินเฉียงมาแล้วก็คงจะกระดี๊กระด๊าไม่น้อยเหมือนกัน แต่กับจำนวนแต่นี้ทำให้เขานั้นรู้สึกสงบนิ่งอย่างประหลาด

หลินเฟิงทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าก่อนที่จะได้พูดออกมา “เอาล่ะ แต่เดิมแล้วพวกเรานั้นตึกจอมพลมีกฎอยู่ว่าใครก็ตามได้สินสงครามอะไรมาก็ให้คนที่ได้เป็นคนเก็บเอาไว้”

“แต่เจ้าก็พอจะรู้ว่าแผ่นพลังงานนี้แตกต่างจากสินสงครามอื่น เมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้แผ่นพลังงานมา เจ้าต้องส่งมอบให้พวกเราเพื่อส่งไปให้เขตกันหนันได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาวิธีรับมือกับพวกกลายพันธุ์”

“และด้วยเหตุนี้ จางหยวน เจ้าเองก็สมควรจะส่งมอบแผ่นพลังงานของเจิ้งตี้ให้กับพวกเรา”

“ไม่สิ ข้าต้องให้เจ้าส่งมาให้ข้าเท่านั้น”

จางหยวนได้ลอบถอดถอนลมหายใจยาวๆในจิตใจ ก่อนที่จะโค้งตัวลงต่ำแบบสุดๆและไม่ให้น่าเกลียดเกินไปนัก พร้อมกับกล่าวขอโทษออกมา “ท่านผู้การ ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แผ่นพลังงานของเจิ้งตี้นั้นได้สูญหายไปในระหว่างที่พวกข้ามาพบกับท่าน”

“ห้ะ หายไปเหรอ”

หลินเฟิงแทบจะสะดุ้งจนลุกขึ้นยืนในทันทีเมื่อได้ยิน

“จางหยวน นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กรึไงกัน ในเมื่อเจ้าเข้าร่วมกับพวกเราแล้วเจ้าก็ไม่มีสิ่งใดที่ขาดเหลือไม่ใช่รึไงกัน”

“แต่นี่ผ่านไปเพียงครึ่งวันแต่เจ้ากลับบอกว่าทำมันหายเนี่ยนะ”

“อย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้เก็บมันในกระเป๋าเก็บของของเจ้า เจ้าเลยเผลอทำมันตกหล่นไป”

“หากเจ้าบอกว่าเจ้าอยากจะเก็บมันไว้เอง ข้ายังพอจะเชื่อเจ้าได้มากกว่าด้วยซ้ำ”

“ท่านผู้การ ท่านสามารถสังหารฆ่าทิ้งได้เลยแต่อย่านำความอัปยศอดสูมาสู่ข้า”

“หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านเองก็สามารถสอบสวนข้าได้ ข้าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาแบบนี้เลยด้วยซ้ำ”

“แต่ข้าไม่อาจจะกล่าวเท็จต่อตัวเองได้เช่นเดียวกัน”

“หึหึหึ” หลินเฟิงได้หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ

“จางหยวน เจ้าเองช่างปากดีนัก งั้นข้าขอถามหน่อย หากเจ้ามาอยู่ในตำแหน่งของข้าและข้าพูดให้เจ้าฟังแบบนี้เจ้าจะเชื่อคำพูดนี้ของข้าได้รึเปล่า”

“ต่อให้นี่คือความจริง เจ้าเองก็คงจะยอมรับผลที่ตามมาได้สินะ”

“คนที่มีความดีความชอบสมควรได้รับรางวัล คนที่ทำผิดสมควรได้รับโทษ”

“นี่คือกฎของพวกเรา ตึกจอมพลเหมันต์จันทรา”

ต่อให้เจ้ามีคุณความดี แต่โทษในครั้งนี้ละเว้นให้ไม่ได้

“และนี่คือโทษที่ข้าตัดสินให้เจ้าได้รับ เจ้า…”

“โปรดหยุดก่อนท่านผู้การ” ก่อนที่หลินเฟิงจะได้กล่าวคำตัดสินโทษ เฉินเฉียงได้ร้องห้ามเอาไว้

“เฉินเฉียง เจ้าอย่าได้พูดให้มากนัก”

จางหยวนได้เหลือบมองเฉินเฉียงพลางส่ายหน้าห้าม

“เฉินเฉียง เจ้าหมายความว่ายังไง ที่นี่คือตึกจอมพล เรื่องนี้ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า เจ้าไม่ควรจะสอดในเรื่องทุกอย่างที่นี่ ต่อให้เป็นเฉียนปิ่นมาด้วยตัวเอง ข้าก็จะไม่ยอมไว้หน้าให้กับหมอนั่นอย่างแน่นอน”

เฉินเฉียงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านผู้การ ท่านผิดแล้ว ต่อให้ข้าเป็นเพียงศิษย์สำนักเต่าดำ แต่ในตอนนี้ข้าก็ถือว่าเป็นคนของกองกำลังเทียนเว่ย”

“หรือจะให้พูดอีกทางหนึ่งก็คือในตอนนี้ข้าเองก็เป็นคนของตึกจอมพล หากข้าทำผิด ข้าเองก็สมควรจะเป็นผู้ได้รับการตัดสินโทษ”

“แผ่นพลังงานที่ท่านกล่าวถึงนั้นมันได้หายไปในขณะที่อยู่ในมือข้าเอง กัปตันจางเพียงออกหน้ารับโทษแทนข้าเท่านั้น”

“โปรดลงโทษข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกัปตันจางเลยแม้แต่น้อย”

“เฉินเฉียง เงียบปากไปเลย ไม่อย่างนั้นข้าจะไล่เจ้าออกจากกองกำลังเทียนเว่ยจริงๆนะ”

“หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า”

หลินเฟิงได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่นเมื่อเห็นคนทั้งสองต่างก็กล่าวโทษตัวเองในสิ่งที่ได้ทำไป

“เฉินเฉียง จางหยวน นี่พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบรึไงกันถึงได้มาทำแบบนี้ต่อหน้าข้า”

“ให้ข้าบอกเจ้าตรงๆเลยนะว่าไม่ว่าเรื่องในวันนี้ ใครก็ตามที่ทำผิด ยังไงก็หนีโทษนี้ไม่พ้น”

หลินเฟิงได้ยืนขึ้นและเดินไปรอบๆทั้งสองคน

“ถึงแม้ว่าแผ่นพลังงานนั้นสำคัญ แต่ข้าก็ไม่ลงโทษพวกเจ้าถึงขั้นเอาชีวิต ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องร้อนรนไป”

“แต่ว่ากฎมันก็คือกฎ หากเจ้าทำผิดแต่ไม่ได้รับโทษ ใครจะกล้าเชื่อฟังข้าอีก”

“แน่นอนว่าโทษทัณฑ์นั้นไม่สามารถหลบเลี่ยงได้”

จางหยวนและเฉินเฉียงนั้นได้ฟังมาถึงจุดนี้

ทั้งสองก็ได้โค้งตัวราวกับรอรับคำตัดสินโทษจากผู้การหลินเฟิง

“และเพื่อให้การตัดสินนี้ยุติธรรม ข้าตัดสินให้กองกำลังเทียนเว่ยของเจ้านั้น นำบางสิ่งไปส่งที่เขตกันหนัน”

“หากว่ามีอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือพวกเจ้าคิดจะทำของสูญหายล่ะก็ ข้าจะไม่ปรานี ข้าจะจัดข้อหาให้พวกเจ้าอย่างหนัก และลงโทษไม่ให้เห็นเดือนหรือตะวันอีก เจ้าเข้าใจหรือไม่”

-เอ่ออออ นี่คือการทำโทษจริงๆ…..เรอะ-

จางหยวนและเฉินเฉียงมองหน้ากันราวกับต้องการยืนยันในสิ่งที่ได้ยิน

“อ้าวเฮ้ย พวกเจ้าจะเงียบทำซากอะไรกัน ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง”

“ได้ครับ พวกเราจะทำตามที่ผู้การสั่งและทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้จงได้”

หลินเฟิงได้พยักหน้ารับอย่างพอใจก่อนที่จะส่งแหวนในมือให้จางหยวน

“จางหยวน จำไว้ให้ดี อย่าได้ล่าช้าในการส่งของครั้งนี้ อย่าให้มันสูญหาย อย่าได้เปิดกลางทาง อย่าได้ทำมันเสียหาย อย่าได้ให้เรื่องนี้หลุดรอดไปเข้าหูใคร เจ้าต้องจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”

จางหยวนได้รับแหวนมาแล้วก็เตรียมที่จะตรวจสอบของข้างในนั้นก็ได้ถูกหยุดไว้ด้วยคำพูดนี้ของหลินเฟิง “อย่างที่บอกไป เจ้าไม่ได้รับการอนุญาตให้เปิดดูไม่ว่าจะมีเหตุผลใดๆก็ตาม”

“เอ่อ…ท่านผู้การครับ แต่หากเมื่อข้าไปถึงที่นั่นแล้วจะให้ข้าส่งมอบมันให้ใคร”

“เมื่อถึงตอนนั้นพวกนั้นก็จะส่งข้อความมาถามข้าเอง ตอนนั้นแหละที่พวกเจ้าจะได้รู้”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset