ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 205 ฉับพลัน

บทที่ 205 ฉับพลัน

เฉินเฉียงไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อได้ยิน

ด้วยการที่เจิ้งยี่นั้นพูดคำนี้ออกมาด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าเจิ้งยี่มั่นใจในตัวเขาและตีค่าเขาเอาไว้สูงล้ำอย่างมาก

และนี่จะทำให้เขานั้นไม่ต้องแคลงใจในตัวเจิ้งยี่อีกต่อไป และนี่จะทำให้เขานั้นหลงลืมไปว่าตนเองนั้นถูกฝังแผ่นแก่นพลังงานเอาไว้

อย่างน้อยก็สมควรจะเป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะขนาดในศึกเป็นตาย เขายังไม่คิดจะใช้พลังเหนือมนุษย์ของตนออกมาเลยแม้แต่น้อย

และนี่ทำให้เขาเชื่อมั่นได้ว่าเจิ้งยี่นั้น ต่อให้ต้องตายก็ไม่คิดจะใช้ทักษะเหล่านั้น

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองก็พบกองหนุนที่จิ้งจอกสายฟ้าตามมา

“นายพลเหยี่ยวทองคำ นายพลเสือดาวมีปีกในตอนนี้กำลังถูกล้อมโดยพวกมนุษย์ ชีวิตกำลังแขวนบนเส้นด้าย ขอให้ท่านเหยี่ยวทองคำโปรดช่วยนายพลของข้าด้วย”

จิ้งจอกสายฟ้าที่วิ่งมาถึงก็ได้หมอบกับพื้นพลางร่ำไห้ไม่หยุด

“ฮื้ม นี่เจ้าไปเจอมนุษย์กลุ่มใหญ่รึไงกัน”

เหยี่ยวทองคำได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ

“ฮึ้ก ไม่ใช่ พวกมันมีเพียงประมาณสิบคน แต่พวกมันทรงพลังมากและฆ่าพวกเราไปนับสิบในการโจมตีเพียงครั้งเดียว”

“และในตอนนี้ หนึ่งเดียวที่หลงเหลือก็ถูกพวกมันล้อมเอาไว้แล้ว”

“ด้วยเหตุนี้ นายพลของข้าจึงได้ส่งข้าออกมาขอกำลังหนุน เขายังบอกอีกว่าหากเขาต้องตกตายก็ขอให้ท่านเหยี่ยวทองคำแก้แค้นให้ด้วย”

“พูดบ้าอะไรกัน เสือดาวมีปีกมันนำกำลังพลไปตั้งห้าสิบชีวิต เป็นแกที่พูดเกินจริงแน่ๆ”

“วานรยักษ์ เจ้าขุดแก่นวิญญาณต่อไป”

“จิ้งจอกสายฟ้า พอข้าไปดูเดี๋ยวนี้”

หลังจากพูดจบ เหยี่ยวทองคำก็ได้ให้อินทรีย์หัวขาวสามตัวจับจิ้งจอกสายฟ้าและให้พวกมันอีกสองตัวโบยบินขึ้นไป และตรงไปยังจุดที่พวกเขาจากมา

“ไม่ดีแล้ว เจิ้งยี่ รีบส่งข้อความไปให้จางหยวนรีบหาที่ซ่อนในถ้ำซะ อย่าได้โผล่ออกไปให้มันเห็น”

เฉินเฉียงพูดจบก็ได้ทิ้งเจิ้งยี่ไว้ใต้ดิน ส่วนเขานั้นได้ปีนขึ้นมาจากผืนดินและกางปีกสีเงินและบินตามไปในทันที

และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหลิวหลาง ด้วยปีกสีเงินระดับเจ็ดของเขานี้ เพียงกระพือปีกเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เขาไปได้ไกลนับสิบเมตร และนี่ทำให้เขานั้นตามเหยี่ยวทองคำและอินทรีย์หัวขาวสามตัวได้อย่างไม่ยากเย็น

หากไม่ใช่เพราะว่ากลัวว่าอินทรีย์หัวขาวจะตามไม่ทันล่ะก็ ด้วยความเร็วของเหยี่ยวทองคำแล้ว ปานนี้น่าจะถึงจุดที่จางหยวนอยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นว่าศัตรูอยู่ไม่ไกล เฉินเฉียงก็ได้หยิบธนูดำออกมา ก่อนที่จะขึ้นสายด้วยลูกธนูพลังสายเลือดไร้สีของตนไปสองดอก เป้าหมายหนึ่งคืออินทรีย์หัวขาวตัวหนึ่ง อีกเป้าหมายหนึ่งคืออินทรีย์ทองคำ และเขาปล่อยให้มันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด

อินทรีย์หัวขาวนั้นแม้จะถูกเฉินเฉียงล็อกเป้าไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้รับรู้อันตรายแต่อย่างใด และนี่ทำให้ธนูทะลุผ่านตัวมันจากด้านหลังในทันที

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เหยี่ยวทองคำตัวนี้มีระดับบ่มเพาะที่ค่อนข้างสูง และนี่ทำให้มันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ก่อนที่ธนูจะเข้ากลางหลังของมัน มันได้กระพือปีกพลิกตัวหลบลูกธนูสายเลือดของเฉินเฉียงได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

เมื่อมันหันกลับไปมองก็ได้เห็นเฉินเฉียงกำลังพุ่งเข้ามาหามัน มันจึงได้ออกคำสั่งออกมา “ขวางมันให้ข้า”

อินทรีย์อีกสองตัวที่ได้ยินก็รับคำสั่งและทำการบินล้อมเฉินเฉียงเอาไว้ ก่อนที่จะทำการสลัดปีกนับร้อยใส่เฉินเฉียง

เมื่อเฉินเฉียงได้เห็นก็รีบใช้ทักษะหลบหนีแสงระดับสามร่อนตัวราวกับหายไปในพริบตา ก่อนที่จะยิงธนูออกไปอีกสองดอก

ด้วยการที่อินทรีย์หัวขาวสองตัวนี้เห็นเฉินเฉียงหายไปจากตำแหน่ง พวกมันเลยได้เริ่มมองหากันในทันที

กว่าพวกมันจะเห็นเฉินเฉียงอีกทีก็ตอนที่ธนูได้เข้ามาอยู่ในครรลองสายตามันแล้ว

หลังจากจัดการอินทรีย์หัวขาวทั้งสามได้แล้ว เขาก็บินตามเหยี่ยวทองคำไปอย่างสุดกำลัง

“หวังว่าจางหยวนจะซ่อนตัวแล้วนะ”

เฉินเฉียงร้อนรนจนต้องใช้กระแสจิตของตนตรวจสอบดูให้แน่ใจ

“ไอ้ฉิบหาย”

ที่เขาสบถออกมานั้นเป็นเพราะว่ากระแสจิตของเขานั้นสามารถตรวจจับได้ว่าจางหยวนและหลิวไฮ่ได้ถูกพบเจอโดยเหยี่ยวทองคำและจิ้งจอกสายฟ้าและได้มีการสู้กันเป็นการใหญ่

และภายในสิบลมหายใจ เขาจะได้รับบาดเจ็บเป็นแน่

ในตอนนี้ เฉินเฉียงจึงได้ขึ้นสายธนูของตนอีกครั้งก่อนที่จะเก็บปีกสีเงินของตนแล้วยิงธนูของตนออกไปประดุจดังเส้นแสง

และเมื่อถึงพื้น เขาก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาในทันใด เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ระยะนั้นไกลมาก เหยี่ยวทองคำได้ทำการหลบธนูของเฉินเฉียงได้อีกครั้ง

-จางหยวน จัดการจิ้งจอกสายฟ้า-

เฉินเฉียงได้มาหยุดตรงหน้าของเหยี่ยวทองคำและออกคำสั่งในทันที

ด้วยการปรากฏตัวของเฉินเฉียง ในที่สุด จางหยวนก็ได้หายใจหายคอขึ้นมาได้บ้าง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเฉินเฉียงถึงอยู่ในรูปลักษณ์นี้ แต่ในเมื่อพวกเขาได้รับการยืนยันผ่านการส่งเสียงทางจิตวิญญาณแล้วก็เพียงพอ และหลังจากรับคำสั่ง เขาก็หันไปหาและพุ่งเข้าโจมตีจิ้งจอกสายฟ้า

หลังจากโจมตีไปพักหนึ่ง เหยี่ยวทองคำสามารถหลบการโจมตีของเฉินเฉียงได้ นี่ทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม

ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงก็ยังคอยตรวจสอบศัตรูโดยรอบ และพบกับศัตรูอยู่ห่างจากเขาไปเพียงหนึ่งร้อยเมตร

เหยี่ยวทองคำเองไม่คิดที่จะเล่นด้วยกับเฉินเฉียงก่อนหน้านี้เพราะเฉินเฉียงมีระดับการบ่มเพาะที่อ่อนด้อยเกินไป แต่หลังจากโดนโจมตีที่หนักหน่วงไปหลายครั้งทำให้มันเองเริ่มเอาจริงขึ้นมาบ้าง มันได้สยายปีกสีทองของมันและสลัดขนสีทองของมันให้พุ่งตรงเข้าใส่เฉินเฉียง

เมื่อถูกโจมตีด้วยปีกของเหยี่ยวทองคำโดยตรง ด้วยการโจมตีของมันที่เป็นวงกว้างและความเร็วของขนของมันนั้นเร็วประดุจสายฟ้าและสายลม นี่ทำให้ผ่านไปเพียงไม่กี่ท่วงท่า ทำให้เขาและจางหยวนได้บาดเจ็บหนักพอดู

และเมื่อเห็นว่าเหยี่ยวทองคำนี้จะโจมตีอีกครั้ง เฉินเฉียงก็ได้นำดาบดั้นเมฆออกมา และฟันใส่เหยี่ยวทองคำ

ด้วยการที่ดาบดั้นเมฆนี้เฉียบคมกว่าดาบของจางหยวนและหลิวไฮ่มากนัก ทำให้เฉินเฉียงสามารถตัดผ่านขนทองคำได้อย่างสบาย

อย่างที่เขาคิดเอาไว้ อาวุธของมนุษย์กลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากหยุดการโจมตีของเหยี่ยวทองคำไปได้สองสามที แต่เขานั้นก็ยังคงโดนสวนกลับจนต้องถอยร่นออกมา

เฉินเฉียงในตอนนี้หน้าถอดสีในทันทีก่อนที่จะใช้ดาบดั้นเมฆป้องกันการโจมตีของเหยี่ยวทองคำไว้ได้โดยการปักปลายดาบไว้กับพื้นดิน และถอยร่นไปในแต่ละครั้ง

อีกฟากฝั่งหนึ่ง เหยี่ยวทองคำเองก็ได้โจมตีอย่างไม่หยุดมือ ในขณะที่มันโจมตีอยู่นี้ มันก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว

เมื่อเห็นว่ากลุ่มศัตรูที่ตามมาอยู่ห่างจากตนเพียงห้าสิบเมตรเท่านั้น เฉินเฉียงกลับหันหน้าไปทางนั้นและตะโกนออกมาดังลั่น “พี่ชาย ไม่คิดจะออกมาช่วยกันรึไง รอทำซากอะไรอยู่กัน”

ด้วยเสียงนี้ทำให้เหยี่ยวทองคำนั้นนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง

ในขณะเดียวกันก็บังเกิดเสียงหนึ่งขึ้นมา จากด้านหลังของมัน มันรีบเหลือบไปดูก็เห็นเป็นพวกของมันที่กรูกันออกมาสักห้าสิบตัวเห็นจะได้

“ไอ้ฉิบหาย”

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงได้สบถออกมาอย่างดังลั่น “ไม่ใช่พวกเอ็งสิวะไอ้พวกระยำ”

เหยี่ยวทองคำที่นิ่งไปก็ตอบสนองในทันที พร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่จะทะยานขึ้นฟ้าและโฉบใส่เฉินเฉียงในทันใด

เมื่อเห็นว่าเหยี่ยวทองคำเกือบจะตะครุบเขาไว้ได้ มุมปากของเฉินเฉียงก็ได้ยกขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะหายตัวไป

ฉากนี้ทำให้เหยี่ยวทองคำรู้สึกราวกับโง่งมขึ้นมา ก่อนที่จะบินออกไปด้านข้างและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีจากเฉินเฉียงที่อยู่ๆมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ หรือก็คือ มันนั้นหลบการโจมตีในขณะที่เขาเคลื่อนย้ายพริบตาได้

หลังจากที่เหยี่ยวทองคำตัวนี้หลบการโจมตีจากทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของเขาได้ถึงสองครั้ง นี่ทำให้ท่าทางของเฉินเฉียงนั้นจริงจังมากยิ่งขึ้น

นี่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเหยี่ยวทองคำนั้นเร็วกว่าเขาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณของมันนั้นเฉียบคมอย่างที่สุด

แต่นี่ก็ทำให้เฉินเฉียงนั้นได้รับรู้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือสัตว์ประหลาดตัวนี่แตกต่างจากเหยี่ยวดาราที่เขาเคยพบเจอ หรือก็คือสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณมากมายแต่อย่างใด

และนี่จะเป็นโอกาสของเขา

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset