ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 33 การทดลองสำเร็จ

บทที่ 33 การทดลองสำเร็จ

ในจุดรับพนันข้างสนามประลอง ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งได้กล่าวสบถออกมา “ฉิบหาย ข้าก็คิดว่ากัวเหลียงจะรักษาสถิติไม่แพ้ไว้ได้ แต่หมอนั่นดันแพ้ในนัดนี้ เป็นเพราะไอ้นี่ทำให้ข้าเสียไปร้อยแต้มเลย โชคร้ายจริงๆ”

“ศิษย์น้องหลินไม่ใช่ว่าครั้งก่อนชนะไปสองร้อยแต้มเหรอ ยังไงก็ยังได้กำไรอยู่นา ถ้าอยากจะได้มากกว่านี้คงต้องลงสนามเองแล้วล่ะนะ”

“เฮ้ออออ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากนะ แต่ว่าไม่มีใครมาท้าทายข้าเลยจนถึงตอนนี้ นี่ทำให้ข้าเคืองแบบสุดๆ ไม่รู้เหมือนว่าใครเป็นคนจัดอันดับแล้วดันยัดข้าเอาไว้ที่สุดท้าย ไม่รู้ว่าคนคนนั้นคิดอะไรอยู่เหมือนกัน”

“เฮ้ฟังสิ มีคนประกาศคำท้าทายอีกแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเด็กใหม่ที่อยู่ในระดับทหารขั้นกลางนั่นนะที่เป็นคนท้า”

“เฮ้ ศิษย์น้องหลินคู ไม่ใช่ว่าเจ้าพึ่งบ่นว่าไม่มีใครท้าสู้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้น่าจะดีใจได้แล้วนะเพราะเหมือนไอ้เด็กนั่นจะท้าทายเจ้า”

เมื่อหลินคูได้ยินดังนั้นก็ได้รีบเปิดกำไรสื่อสารขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินคำประกาศท้าทายนี้ทำให้เขานั้นอารมณ์พุ่งสูงถึงขีดสุด

“ไอ้นรก นี่มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว ก็อีแค่ลูกม้าระดับทหารขั้นกลางเท่านั้นมากล้าท้าทายเหรอ พ่อจะจัดให้ยับเลย”

“เฉินเฉียงอยู่ไหน แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้”

ที่ฝากฝั่งหนึ่ง เฉินเฉียงที่ได้ส่งคำท้าออกไปแล้วไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับในทันทีเหมือนกัน

ทั้งสองคนนั้นไม่ได้อยู่ไกลกันนัก เมื่อเฉินเฉียงมองเห็นหลินคู หลินคูก็เห็นเฉินเฉียงเช่นเดียวกัน

“ศิษย์พี่กัว ศิษย์พี่หนี่ นี่คือศิษย์น้องของศิษย์พี่ทั้งสองอย่างนั้นหรือ เขาพึ่งจะเข้ามาได้เพียงไม่กี่วันทำไมถึงได้ทำตัวหยิ่งผยองและอวดดีได้ขนาดนี้กัน แต่ในเมื่อเด็กนี่ต้องการหาเรื่องก่อน ก็อย่าหาว่าข้ารังแกเด็กเลยแล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”

หลังจากพูดจบ หลินคูได้เดินตรงไปยังฉากสีดำที่อยู่ข้างสนามก่อนเป็นคนแรก

“ไอ้หนู ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะประลองหรอกเหรอ เร็วๆเข้า ข้ารอจะกระทืบเจ้าไม่ไหวอยู่แล้ว”

เฉินเฉียงเองก็ได้เดินตามหลินคูเข้าไปยังฉากสีดำนั่น

แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปนั้น มีเสียงของผู้คนตรงพื้นที่พนันได้พูดคุยอยู่หลังเขา

“นี่ไม่เลวเลยจริงๆ หนึ่งคือเด็กใหม่ระดับทหารขั้นกลางที่พึ่งเข้ามาในสำนัก อีกหนึ่งคือระดับทหารขั้นสูงที่เลวร้ายที่สุดในสำนัก ใครจะชนะกันนะ”

“ยังไงซะข้าก็คิดว่าเป็นหลินคูนะ ยังไงซะเขาเองก็อยู่ในระดับทหารขั้นสูงแล้ว แถมอยู่ในสำนักมานานแรมปี ถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพจะธรรมดา แต่การโจมตีทางวิญญาณของเขานั้นไม่ใช่อะไรที่ระดับทหารขั้นกลางจะป้องกันไว้ได้”

“กัวเหลียง นั่นมันศิษย์น้องของเจ้านี่ เจ้าคิดว่าใครจะชนะล่ะ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ถึงแม้ว่านั่นมันศิษย์น้องข้า แต่เท่าที่ข้ารู้มาคือหมอนี่ไม่เคยต่อสู้กับคนมาก่อน ข้าว่าจะลงฝั่งหลินคูสักร้อยแต้มนะ”

เฉินเฉียงที่เดินเข้าไปในฉากหลังแล้วก็อดที่จะหัวเราะเบาๆออกมาไม่ได้ ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ของเขาคนนี้จะไม่คาดหวังในตัวเขาเลยแม้แต่น้อยจริงๆ

ในทันทีที่เฉินเฉียงกำลังคิดอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ได้ดังลั่นขึ้นมา

“เฮ้ หลินคู เฉินเฉียง ตามกฎแล้วเจ้าสองคนต้องลงค่าธรรมเนียมและแต้มพนันที่หอพนันก่อนนะแล้วค่อยไปสู้ได้”

เฉินเฉียงที่ตามหลังหลินคูไปนั้นก็ได้วางสองร้อยคะแนนไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาผ่านกำไรสื่อสาร

“เลือกสนามประลอง 1.สนามทั่วไป 2.ป่า 3.ถ้ำ 4.กลางคืน”

หลินคูได้หันหัวไปพูดกับเฉินเฉียงด้วยความมั่นใจ “เจ้าท้า เจ้าเป็นคนเลือก”

เฉินเฉียงได้มองไปที่หน้าจอก่อนที่จะกดคำว่า กลางคืน

หลินคูขมวดคิ้วในทันทีแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเดินไปยังวงแหวนที่อยู่ข้างหลังฉากสีดำก่อน เฉินเฉียงเองก็ได้ทำตาม

“ว้าวววว ทำไมพวกนั้นเลือกกลางคืนกันล่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะได้ดูการประลองดีๆหรอกเหรอเนี่ย”

“ข้าว่าเด็กใหม่เป็นคนเลือกนะ นี่เขาไม่รู้จริงๆเหรอว่าสนามประลองแบบนี้พวกเด็กจากแผนกวิญญาณได้เปรียบ ดูๆไปแล้วคงไม่ได้น่าดูเท่าไหร่”

“ถ้ารู้อย่างนี้ข้าคงลงไปเต็มที่แล้วเนี่ย เฮ้ออออ”

เฉินเฉียงได้เดินเข้าไปในสนาม และเป็นตอนนี้ที่ทัศนวิสัยของเขานั้นรู้สึกได้ว่ามันมืดจริงๆ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเฉินเฉียงแม้แต่น้อย

เพราะเขามีทักษะไร้ตัวตนและตรวจจับด้วยเสียง

เมื่อทั้งสองทักษะแสดงผลออกมาพร้อมกัน ใบหน้าของหลินคูนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัดภายใต้จิตสำนึกของเฉินเฉียง

สำหรับนักเรียนแห่งแผนกวิญญาณแล้ว การได้สู้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก

ด้วยการที่พวกเขานั้นมีพลังวิญญาณที่สูงล้ำกว่าคนทั่วไป ดังนั้นประสาทสัมผัสและการตรวจจับอันตรายโดยรอบผ่านจิตวิญญาณนั้นจะสูงเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับทักษะตรวจจับด้วยเสียงของเฉินเฉียงแล้วยังถือว่าห่างไกลอยู่มากโข

และนี่เองเมื่อเฉินเฉียงเข้ามาในสนามแล้วนั้นทำให้หลินคูทำตัวไม่ถูกในทันที เพราะว่าเขานั้นไม่สามารถใช้พลังวิญญาณของเขาตรวจจับเฉินเฉียงได้

ลูกศิษย์ของแผนกวิญญาณผู้ซึ่งโดยปกติแล้วก็ไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่อย่างใดนั้น หากว่าไม่สามารถรับรู้ตัวตนของฝ่ายตรงข้ามได้อีก แล้วเขาจะสู้ด้วยได้ยังไงกัน

เมื่อเทียบกันแล้ว เฉินเฉียงที่ในตอนนี้ราวกับเร้นกายหลังจากเข้ามาในสนาม ในตอนนี้เขานั้นกลับรับรู้ได้ทุกการกระทำแม้แต่เสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของคู่ต่อสู้ก็ยังสัมผัสได้

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด เขานั้นยังคงรออยู่นิ่งๆเพื่อรอให้หลินคูเข้ามาใกล้ๆจนถึงระยะโจมตีของเขา

สิบนาทีผ่านไป นักเรียนที่อยู่ด้านนอกสนามเองต่างก็เริ่มรู้สึกร้อนรนที่จะเห็นผลการแข่งขันแล้วเหมือนกัน ส่วนในสนามนั้น หลินคูที่ร้อนรนไม่ต่างกันนั้นกำลังเร่งรีบหาเฉินเฉียงอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงเขานั้นก็หาเฉินเฉียงไม่เจอเลยสักนิด

ในตอนนี้ หลินคูถึงกับคิดว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้อยู่ในสนามแล้วด้วยซ้ำ

“เฮ้….เฉินเฉียง”

หลินคูนั้นทนไม่ไหวจนต้องตะโกนออกมา

แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

ตอนนี้หลินคูเริ่มตื่นตระหนกแล้ว เขาได้เริ่มก้าวไปสุ่มๆรอบๆ นั่นก็เพราะด้วยการที่เขานั้นปลดปล่อยพลังวิญญาณของตัวเองออกมาเป็นเวลานานแล้วทำให้ตัวเขานั้นเริ่มหมดแรง

เฉินเฉียงเองที่ในตอนนี้หลับตาลงอยู่อย่างผ่อนคลายนั้น เขารู้ได้เป็นอย่างดีว่าหลินคูกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ ตัวเขานั้นก็ยังฝืนรั้งไม่ยอมชักดาบของตนออกมา

เขาอยากจะฆ่าหลินคูให้ตกตายในทีเดียว นั่นทำให้ระยะที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อีกสิบนาทีผ่านไป เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดออกมาจากหน้าผากของหลินคู ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาใกล้จะหมดแล้ว

ตอนนี้แหละ

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้อยู่ห่างจากหลินคูสองเมตร ทั้งๆที่ตัวเขายังคงปิดตาอยู่ เขาก็ได้ดึงดาบดั้นเมฆออกมาแล้ววาดดาบออกมาจากบนจรดล่างไปบนร่างของหลินคูได้ในคราวเดียว

ที่ด้านนอกสนาม ศิษย์สำนักที่ในตอนนี้กำลังเฝ้ามองอยู่นอกสนามเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้เห็นเพียงเงาดาบที่มีประกายสายฟ้า สว่างวาบขึ้นในสนาม

หลินคูผู้ซื่งเหนื่อยล้า ไม่อาจขยับหนีไปไหนได้เลยแม้แต่น้อย เขาตกตายในดาบของเฉินเฉียงในทันที

หลังจากวาดไปหนึ่งดาบแล้ว เฉินเฉียงก็ได้เปิดตาตัวเองขึ้นมาและนั่นทำให้เขาพบร่างของหลินคูที่ตอนนี้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนโดยไม่ได้หายไปในทันทีนั้น เขาได้ก้าวประชิดก่อนที่จะใช้มือขวาจับบ่าของอีกฝั่งเอาไว้

หวังว่าจะได้นะ

และด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นทำได้ทันเวลา ก่อนที่ร่างของหลินคูจะหายไป เฉินเฉียงก็ได้สัมผัสซากร่างของหลินคู

ติ้ง

ระบบตรวจพบเป้าหมายที่ใช้ประโยชน์ได้

ระบบย่อยสลายนักรบระดับทหารขั้นสูงสำเร็จ

ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:1290
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:45
ค่าความแข็งแกร่ง:51
ค่าความเร็ว:98
ค่าพลังจิต:48
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับต้น
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรูระดับต้น
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิตขั้นเรียนรู้
สายเลือด ทมิฬระดับกลาง
พลังห้าธาตุระดับสูง
ธาตุไม้ระดับสูง

สำเร็จ

ในสนามประลอง ตอนนี้เขานั้นกลับมามองเห็นได้อีกครั้งแล้ว เฉินเฉียงแสดงออกมาด้วยความตื่นเต้น

เขานั้นไม่คิดเหมือนกันว่าจะสามารถย่อยสลายซากได้ในสนามประลองจำลองแบบนี้ และด้วยเหตุนี้ สนามประลองแห่งนี้จะนำผลประโยชน์ที่ไม่รู้จบมายังเฉินเฉียงอย่างไม่ต้องสงสัย

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset