ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เฮ่อหย่วนเจียง และบอกกับเหอหงเซิ่งว่า “ท่านเหอ ท่านนี้คือเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของแม่ผม ด็อกเตอร์เฮ่อ เฮ่อหย่วนเจียง ข้างๆ คือลูกสาวสุดสวย เฮ่อจือชิว ต่อไปท่านกับพวกเขาจะอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน หากต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากทางนี้ของท่าน ได้โปรดช่วยดูแลด้วย!”
เหอหงเซิ่งกล่าวโดยไม่ลังเล “อาจารย์เย่ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปหากด็อกเตอร์เฮ่อและคุณเฮ่อมีเรื่องอะไร ก็มาหาผมได้ทุกเมื่อ!”
เฮ่อหย่วนเจียงยังรู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อย ทำไมเย่เฉินถึงให้คนแก่อายุคราวพ่อมาดูแลปกป้องตนกับลูกสาว?
แต่เขาก็รู้ว่า เย่เฉินมีความสามารถมาก เขาต้องมีเจตนาบางอย่างถึงจัดการแบบนี้ เขาจึงพูดอย่างสุภาพที่สุด “ท่านเหอ ต่อไปได้โปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ!”
เหอหงเซิ่งประกบมือคารวะแล้วยิ้มให้ “ด็อกเตอร์เฮ่อไม่ต้องมากพิธี ต่อไปทุกคนคือเพื่อนกัน การช่วยเหลือพึ่งพากันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
เฮ่อหย่วนเจียงรู้สึกว่าชายชราอย่างเหอหงเซิ่งดูไม่เหมือนปกติทั่วไป เวลาพูดจะฟังดูมีเล่ห์เหลี่ยมแฝงอยู่ แม้ว่าจะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ยังดูมีบุคลิกน่านับถือเหมือนปรมาจารย์ น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ขณะที่กำลังคิดๆ อยู่นั้น เย่เฉินก็เอ่ยปากแนะนำว่า “คุณอาเฮ่อ ท่านเหอ เขาเป็นผู้นำตระกูลเหอในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลเจ้าวรยุทธ์ในหัวเซี่ย จากนี้ไปท่านเหอและกลุ่มยอดฝีมือของตระกูลเหอจะอาศัยอยู่ที่นี่ รับประกันความปลอดภัยของคุณและจือชิวได้แน่นอน”
เมื่อเฮ่อหย่วนเจียงได้ยินเช่นนี้ ก็มีท่าทางตกใจทันที ก่อนจะกล่าวด้วยเคารพจากใจ “ท่านเหอ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นนักบู๊ ขอโทษที่เสียมารยาทจริงๆ!”
เหอหงเซิ่งยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวอย่างสุภาพ “ด็อกเตอร์เฮ่ออย่าได้เกรงใจ พวกเราเป็นเพียงคนไม่มีการศึกษารำกระบี่กระบองไปวันๆ ผู้มีวิชาความรู้อย่างท่านต่างหากถึงจะคู่ควรแก่การเคารพนับถือ!”
เย่เฉินส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ยิ้มกล่าวว่า “ท่านทั้งสองอย่ามาคุยโวเรื่องการค้าที่นี่ ต่อไปก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว มีโอกาสชนแก้วพูดคุยกันอีกมากมาย”
เหอหงเซิ่งหัวเราะลั่นกล่าวว่า “ได้ๆ ในเมื่ออาจารย์เย่ได้กล่าวเช่นนี้แล้ว วันหลังหากพวกเรามาชนแก้วพูดคุยกัน อาจารย์เย่ก็ต้องมาร่วมงานด้วยนะ”
เย่เฉินยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดคืนนี้เสียเลย ประจวบเหมาะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ต้อนรับท่านและคุณผู้หญิงเหอ ทุกคนมาร่วมรับประทานอาหาร ดื่มกันคนละสองแก้ว”
เหอหงเซิ่งรีบกล่าวว่า “ถ้าคืนนี้อาจารย์เย่มีแผนการไว้แล้ว เราเปลี่ยนเป็นวันอื่นก็ได้”
เย่เฉินกล่าวยิ้มๆ “ความจริงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่อยากจะกลับบ้านกินข้าวเท่านั้น แต่ช่วงนี้ภรรยาของผมกำลังยุ่งอยู่กับโครงการ คืนนี้ก็ไม่ได้กลับมากินข้าวที่บ้าน”
พูดจบเขาก็ถามเฮ่อหย่วนเจียงและเฮ่อจือชิว “คุณอาเฮ่อ คืนนี้ท่านกับจือชิวว่างไหม?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ!” เฮ่อหย่วนเจียงยังไม่ทันได้ตอบอะไร เฮ่อจือชิวที่อยู่ข้างๆ ก็ตอบอย่างรีบร้อน
เธอรู้ว่าวันนี้บิดาได้ต้มน้ำซุปกระดูกหมูเอาไว้ที่บ้าน เตรียมทำบะหมี่กินกันคืนนี้ และเป็นเธอเองที่เสนอขึ้นมา เพราะตอนเด็กๆ เธอชอบบะหมี่ซุปกระดูกหมูที่พ่อทำมากที่สุด
แต่ในเมื่อเย่เฉินอยากจะเชิญเธอและพ่อไปกินข้าว ส่วนตัวเธอก็ต้องอยากกินข้าวกับเย่เฉินอยู่แล้ว ถ้าเกิดพ่อเอ่ยปากในเวลานี้ ก็ไม่เท่ากับต้องผิดหวังหรอกเหรอ?
เมื่อเฮ่อหย่วนเจียงได้ยินลูกสาวชิงตอบอย่างสบายใจ นอกจากประหลาดใจ ก็รู้สึกปวดใจ
สองวันที่ผ่านมาเขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องแนวโน้มรสนิยมทางเพศของลูกสาว ความจริงมันเป็นเรื่องธรรมดา
ในขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักว่า ลูกสาวน่าจะมีความรู้สึกให้เย่เฉินอยู่บ้าง
ในเวลานั้นเขายังรู้สึกเสียดาย เย่เฉินแต่งงานแล้ว ทั้งสองนั้นพูดได้เพียงว่ามีบุพเพให้พบพาน แต่ไร้วาสนาได้อยู่ด้วยกัน
แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่ใบหน้าเขินอายของลูกสาว ก็ดูเหมือนว่าจะหวั่นไหวกับเย่เฉินจริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้อ เมื่อลูกสาวเกิดหวั่นไหว พ่อเตรียมน้ำซุปกระดูกหมูมาทั้งช่วงบ่าย ก็มาลืมกันง่ายๆ แบบนี้ ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่าผู้หญิงโตแล้วต้องมีครอบครัวนั้นก็ยังเป็นจริง…”