เมื่อเซียวชูหรันออกจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ในสมองของเธอยังคงมีเสียงสั่นคลอนอยู่
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณจานคนนี้จะมีความสามารถมากขนาดนี้ แค่โทรศัพท์เพียงสายเดียว ก็สามารถเชิญไอดอลของตัวเองมาที่เมืองจินหลิงและก็เชิญตัวเองให้ร่วมเดินทางไปกับเธอตลอดกระบวนการทั้งหมด
สำหรับเซียวชูหรันแล้ว มันมีความสุขยิ่งกว่าถูกลอตเตอรีเสียอีก
ความตื่นเต้นและความสุขของเซียวชูหรัน ยังคงอยู่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และแม้กระทั่งเมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอก็ยังคงมีรอยยิ้มที่ควบคุมไม่ได้บนใบหน้าของเธอ
เมื่อเห็นว่าเธอหัวเราะตั้งแต่เดินเข้าประตู เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ภรรยา เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณมีความสุขมากขนาดนี้ หัวเราะจนหุบปากไม่ได้……..”
เซียวชูหรันรีบเดินเข้าไป และพูดอย่างมีความสุขว่า “สามี ในวันนี้มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเกิดขึ้น!”
เย่เฉินถามด้วยความสงสัยว่า “เรื่องอะไรเหรอ ทำให้คุณตื่นเต้นได้ขนาดนี้”
เซียวชูหรันกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ไอดอลของฉัน พี่ใหญ่อันดับหนึ่งในแวดวงการออกแบบภายในอาคาร เคลลี่ เวสท์ กำลังจะมาที่เมืองจินหลิงในวันพรุ่งนี้แล้ว!!”
เย่เฉินก็เคยได้ยินเซียวชูหรันพูดถึงเคลลี่ เวสท์คนนี้ และพอรู้ข้อมูลของเธอเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่า ไอดอลที่เซียวชูหรันอยากจะพบมากที่สุดแม้แต่ในความฝันของเธอ จะมาที่เมืองจินหลิงในทันใดงั้นเหรอ
ดังนั้น เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้เธอจะมาที่เมืองจินหลิง? หรือว่าเธอจะมาเข้าร่วมกิจกรรมอะไรงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่” เซียวชูหรานส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ที่เธอมาที่เมืองจินหลิงในครั้งนี้ ก็แค่มาเที่ยวเล่น และฉันก็จะไปเป็นไกด์ให้เธอตลอดการเดินทางอีกด้วย!”
เย่เฉินประหลาดใจมากขึ้น และเอ่ยปากถามว่า “ทำไมคุณถึงไปเป็นไกด์นำทางของเธอได้? เหมือนว่าพวกคุณไม่ได้รู้จักกันไม่ใช่เหรอ”
เซียวชูหรันกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “คุณจานเป็นคนเชิญเธอมาเอง”
หลังจากพูดแล้ว เซียวชูหรันก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่า “สายสัมพันธ์ของคุณจานแน่นแฟ้นจริงๆ ฉันไม่นึกเลยว่า เธอกับเคลลี่ เวสท์จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกด้วย แค่เพียงโทรศัพท์สายเดียวเคลลี่ เวสท์ก็ตัดสินใจที่จะบินข้ามมาแล้ว!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวชูหรันกอดแขนของเย่เฉิน และพูดในขณะที่เขย่า “โอ๊ย พรุ่งนี้ฉันก็ได้เจอไอดอลของฉันแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะได้เรียนรู้ประสบการณ์และทักษะการออกแบบจากเธอในช่วงเวลานี้บ้างหรือไม่ ช่างมีความสุขจริงๆ เลย!”
เมื่อได้ยินคำว่าคุณหนูจานสามคำนี้ เย่เฉินก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
เขาแอบคิดกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่า คุณหนูคนโตของตระกูลเฟ่ยคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ เดิมทีผมยังคิดว่า หลังจากที่ผู้คุ้มกันของเธอหายตัวไป เธออาจออกจากเมืองจินหลิงไปโดยเร็วที่สุด ด้วยความกลัว แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้จากไป แต่กลับยังพบทางเข้าจากภรรยาของผมอีกด้วยงั้นเหรอ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็ถามเซียวชูหรันว่า “ภรรยา วันนี้คุณไปพบคุณจานคนนั้นแล้วใช่ไหม?”
“ใช่!” เซียวชูหรันพยักหน้า และอธิบายว่า “ผู้ช่วยของคุณจานมาที่บริษัทในตอนเช้า และถามฉันว่าฉันจะมีเวลาพบเธอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการด้านการออกแบบหรือไม่ พอดีฉันก็อยากจะพบเธอและพูดคุยให้รู้เรื่องโดยเร็ว ดังนั้นฉันก็เลยไปพบเธอที่โรงแรม”
เย่เฉินถามอย่างผ่านๆ ไปว่า “เธอถามใช่ไหมว่าคุณชอบดีไซเนอร์คนไหน ดังนั้นคุณเลยบอกว่าเป็นคนที่ชื่อเคลลี่ เวสท์?”
“เปล่า” เซียวชูหรันรีบพูดว่า “แต่เดิมฉันอยากจะแนะนำคุณจานให้รู้จักกับสไตล์การออกแบบของเคลลี่ เวสท์ เพื่อดูว่าเธอจะชอบความรู้สึกแบบเดียวกันหรือไม่ แต่ไม่นึกเลยว่าเมื่อเธอได้ยินฉันพูดถึงชื่อเคลลี่ เวสท์ เธอก็บอกฉันทันทีว่าจริงๆ แล้วพวกเขาคุ้นเคยกันดี ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญได้ขนาดนี้…….”
เมื่อเย่เฉินได้ยินเช่นนี้ เขาก็พอจะเดารูปแบบการเล่นของเฟ่ยเข่อซินออกได้แล้ว
แอบคิดอยู่ในใจว่า “ในเรื่องนี้ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรเลย”
“มีดีไซเนอร์ชื่อดังมากมายอยู่ในใบโลก จะมีความบังเอิญเช่นนั้นได้ยังไงกัน คนที่ภรรยาชอบ จะมาเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเฟ่ยเข่อซินพอดีเลยได้อย่างไร? ความน่าจะเป็นนั้นมันน้อยกว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากอีกด้วย”
“มีแต่คนโง่ขาวหวานอย่างภรรยาของเท่านั้น ถึงจะโดนกลโกงแบบนี้หลอกเข้าไปได้…………”
“เฟ่ยเข่อซินต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างแน่นอน ไม่ว่าภรรยาของเขาจะพูดถึงชื่อของนักออกแบบคนไหน เธอก็จะบอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ”