ซูเหวินฉีสูดลมหายใจอยู่สองสามครั้งถึงสงบอารมณ์ลงได้
ก็ไม่รู้ว่าใครต้องการจะหาเรื่องเธอ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยินคำถามของฉินจุน ไม่รู้แน่นอนว่าเป็นหวังจื่อ
แต่ว่าแค้นนี้ ฉินจุนกลับจำมันได้
แต่ไหนแต่ไรแล้วบทบาทเล็กๆแค่นี้ฉินจุนไม่อยากจะสนใจ แต่ในเมื่อเขาใช้วิธีหน้าเนื้อใจเสือทำเลวทรามแบบนี้ ก็อย่าหาว่าฉินจุนไม่เกรงใจก็แล้วกัน
ทั้งสองมาถึงยอดเขาที่มองลงไปก็เห็นทั่วทั้งตงไห่ ซูเหวินฉีอารมณ์ดีมาก ลืมเรื่องไม่ดีก่อนหน้านี้ไปหมด
สายลมพัดมา กลิ่นดอกชิงเหมยตลบอบอวลไปทั่ว
” ฉันชอบที่นี่ที่สุดเลย น่าเสียดายที่มันยังไม่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต่อไปถ้ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วได้นอนที่นี่สักคืนหนึ่งคงจะดีมากๆเลย ”
ฉินจุนยิ้ม ทิวทัศน์ของที่นี่ถือว่าไม่เลวเลย แต่ถ้าเทียบกับทิวทัศน์ที่เขาซวนหยวนของท่านอาจารย์แล้วยังห่างไกลกันมาก
ฉินจุนและซูเหวินฉีนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง มองไปยังทิวทัศน์ยามราตรีของตงไห่ รับลมและสูดดมกลิ่นหอมของดอกชิงเหมย ทำให้รู้สึกเงียบสงบและผ่อนคลายมากๆ
ซูเหวินฉีค่อยๆเอนตัวลงและค่อยๆเอาหัวซบที่บนไหล่ของฉินจุน
” ยืมใช้ไหล่ของคุณหน่อย ”
สายลมพัดผ่าน ซูเหวินฉีค่อยๆหลับตาลง
ในเมืองที่พลุกพล่านและวุ่นวาย เธอไม่ค่อยได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มากเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปสองสามนาที ทันใดนั้นซูเหวินฉีก็ลืมตาขึ้น
” จู่ๆฉันก็คิดเพลงใหม่ออก ”
ขณะที่พูดซูเหวินฉีก็ลุกขึ้นยืนบนยอดเขา มองไปยังทิวทัศน์แล้วอ้าปากร้องเพลง
“สายลมแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น เสียงหัวเราะยามค่ำคืน ”
” เธอกับฉันพบกันใต้แสงดาว ลมหนาว อบอุ่นใจ ”
“……”
ไม่มีเสียงดนตรี และไม่มีเสียงคอรัส มีเพียงซูเหวินฉีผู้เดียวยืนร้องสดอยู่บนยอดเขา
เสียงนุ่มนวลไพเราะดังก้องกังวาน บนภูเขาสูงแห่งนี้ ประกอบกับดวงดาวระยิบระยับมากมายราวกับมีปาฏิหาริย์
หลังจากร้องไปได้ไม่กี่ท่อน ซูเหวินฉีผายแขนออกมาหมุนตัวอย่างช้าๆแล้วเต้นรำ
ฉากนี้มันช่างสบายตา
ไม่นานซูเหวินฉีก็ร้องจบเพลง มองฉินจุนด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า
” เป็นไงร้องเพราะไหม ? ”
ฉินจุนพยักหน้า ” ไม่เลว ”
ซูเหวินฉีดีใจมากที่ได้รับคำชมจากฉินจุน
ครั้งที่แล้วที่บ้านของฉินจุน ซูเหวินฉีฮัมเพลงที่ฮอทฮิตของเธอ ฉินจุนยังพูดแค่ก็พอได้ ดูสิว่านายนี่จู้จี้จุกจิกแค่ไหน
วันนี้เขาพูดว่าไม่เลวก็ถือว่าเป็นคำชอบสำหรับเธอแล้ว
” เยี่ยมเลย กลับไปจะได้มีเพลงใหม่ในคอนเสิร์ตแล้ว ”
ซูเหวินฉีมีความสุขมาก ราวกับสาวน้อยที่พึ่งซื้อตุ๊กตามาแล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
” นี่ เจ้าตอไม้ ไปเด็ดดอกชิงเหมยกับฉันสิ ! ”
ขณะที่พูด ซูเหวินฉีก็หมุนตัวเดินลงจากภูเขา
ฉินจุนลูบจมูกตัวเอง ทำอะไรไม่ถูก
เจ้าตอไม้ ?
……
วันนี้ซูเหวินฉีอารมณ์ดีมาก ทุกครั้งที่มาหาฉินจุนนั้นมีความสุขมาก แถมครั้งนี้ได้เขียนเพลงใหม่ที่พอใจมากๆ รอจะกลับไปทำเพลงแทบไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่ดื่มด่ำอยู่ที่เขาชิงเหมยหนึ่งคืนเต็มๆ พลังต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งจริงๆ หลังจากที่ฉินจุนลงเขาและส่งเธอกลับไป เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากถังหมิ่น
” ป้ารอง ?”
“เสี่ยวจุน ตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า มาบ้านป้าคุยกันหน่อยสิ ”
” ได้ครับ อีกสักพักผมเข้าไป ”
หลินเยวี่ยเหยาไม่ได้ติดต่อกับฉินจุนเลยหลังจากเรื่องหางานครั้งก่อน แม้ว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ป้ารองก็ยังดีกับเขามาก
คนในตระกูลฉินไม่มีเหลือแล้ว ญาติก็เหลือเพียงไม่กี่คน เขาก็ต้องมาเยี่ยมป้ารองบ่อยๆ
หลังจากที่วางสาย หลินเยวี่ยเหยาก็เซ็งจนไม่อยากจะพูด
” แม่ ไม่ใช่ว่าเที่ยงนี้เราต้องไปทานข้าวกับคนอื่นเหรอ เรียกฉินจุนมาทำไม ”
เรื่องหางานให้ฉินจุนครั้งก่อน ทำให้หลินเยวี่ยเหยาหมดคำพูดอย่างมาก หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าเก๋อฟิงถูกไล่ออกจากซวนหยวนกรุ๊ปแล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็โชคดีที่ฉินจุนไม่ได้เข้าไป เช่นนั้นไม่แน่เธออาจจะต้องถูกลากไปด้วย
ถังหมิ่นกล่าว ” ตอนเที่ยงเราไปทานข้าวกับป้าซุนใช่มั้ย ได้ข่าวว่าลูกบ้านเขาทำงานในวงการบันเทิง เป็นผู้จัดการ บางทีอาจจะหางานให้เสี่ยวจุนได้ ”
หลินเยวี่ยเหยาหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ เธอนั่งกลอกตาอยู่ที่โซฟาอย่างหงุดหงิด
” แม่ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้วไม่ได้หรอ ทำไมถึงต้องไปพึ่งคนอื่นเขาไปหมด แม่กับป้าซุนก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากขนาดนั้น ใครเขาจะไปช่วยหางานให้ลูกหลานบ้านอื่นกัน ! ”
ถังหมิ่นกล่าว ” แม่กับเขาไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยก็จริง แต่ว่าหยางซินเฉิงที่บ้านป้าซุน เขาคิดอะไรกับลูกไม่ใช่หรอ ไม่อย่างนั้นคงไม่มากินข้าวกับบ้านเราหรอก ”
หลินเยวี่ยเหยาขมวดคิ้ว ” แม่อย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ อะไรคือคิดอะไร หนูไม่ชอบคนทำงานวงการบันเทิง แม่อย่ามาเอาชื่อหนูไปอ้างให้เขาช่วยฉินจุนหางานนะ หนูไม่รับปากอะไรทั้งนั้น ”
ถังหมิ่นกลอกตา ” ยัยลูกคนนี้นี่ แม่ไม่ได้บอกให้แกช่วยสักหน่อย ตื่นเต้นอะไร แค่ไปทานข้าวด้วยกันแค่นั้นเอง ”
……
ฉินจุนรับโทรศัพท์จากป้ารอง บอกว่าไม่ต้องไปหาที่บ้านแล้ว ให้ไปที่ภัตตาคารโกลเด้นดราก้อนได้เลย
ตอนนี้ครอบครัวของป้ารองใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย จะไปร้านอาหารระดับไฮเอนด์แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าภัตตาคารแห่งนี้เป็นของเพ่ยเหลียง คิดว่าไปครั้งนี้คงไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร
เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวของภัตตาคาร หลังจากที่ฉินจุนเข้ามาแล้วก็พบว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
ชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน ดูแล้วเหมือนแม่ลูกกัน
” ป้ารอง ”
ถังหมิ่นรีบแนะนำตัว ” พี่ซุน นี่หลานชายฉันเองฉินจุน ”
หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จฉินจุนจึงรู้ว่า วันนี้ถังหมิ่นเป็นคนนัดซุนต้าเหมยมา และเหตุผลที่เรียกฉินจุนมาก็เพื่อช่วยหางานให้เขา
” เสี่ยวหยาง ได้ข่าวว่าเธอทำงานที่บริษัทในวงการบันเทิงใช่มั้ย? คงได้เงินเยอะเลยใช่มั้ย ? ”
” หยางซินเฉิงทั้งตัวผอมตัวเล็ก ดูๆไปเหมือนกับคนขาดสารอาหาร ใบหน้าซีดและดวงตาสีดำ ฉินจุนมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนี้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเกินไป และการใช้ชีวิตของเขามีปัญหา ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางซินเฉิงก็ยิ้มอย่างมีชัย
” ก็พอได้ครับ ผมก็เป็นแค่ผู้จัดการให้กับดาราภาพยนตร์แนวหน้า รายได้ก็ไม่เลว ปีหนึ่งประมาณ 8 แสนหยวน ”
เมื่อถังหมิ่นได้ยินก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ” ดูท่างานนี้ดีจริงๆเลยนะ เธอดูสิฉินจุนหลานชายของน้าก็หน้าตาดีนะ พอจะมีโอกาสได้ทำงานบ้างไหม ? ”
หลินเยวี่ยเหยาสีหน้ามืดลงและกล่าว่า
“แม่อย่าพูดอะไรไปทั่ว วงการบันเทิงเข้ากันได้ง่ายๆซะที่ไหน ”
เมื่อเห็นว่าหลินเยวี่ยเหยาพูด ดวงตาของหยางซินเฉิงก็เป็นประกาย ตอนเด็กๆก็คิดว่าหลินเยวี่ยเหยสวยมาก ตอนนี้โตแล้วยิ่งสดใสเข้าไปใหญ่
หยางซินเฉิงรีบตอบ ” วงการบันเทิงนั้นเข้ายากก็จริง แต่ในเมื่อเป็นลูกพี่ลูกน้องของเยวี่ยเหยาแล้ว ผมจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน ”
หลินเยวี่ยเหยาพยักหน้าอย่างอึดอัด บอกตามตรงว่าเธอไม่ได้สนใจหยางซินเฉิงมากนัก ไทม์ไลน์ของนายคนนี้มักจะโพสต์แต่รูปสาวสวยอยู่บ่อยๆ ดูแล้วไม่ค่อยซื่อสัตย์เท่าไหร่ เธอชอบแบบรักเดียวใจเดียวมากกว่า
เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับความสนใจ หยางซินเฉิงมองไปที่ฉินจุนและถาม
” นายจบชั้นอะไรมา เคยเรียนการแสดงมาก่อนไหม ?”