ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 86 นี่หรอท่าทีที่ขอให้คนอื่นช่วย

ฉินจุนส่ายหน้า

“ไม่เคยเรียน จบชั้นประถม ”

หยางซินเฉิงขมวดคิ้ว แสดงความไม่พอใจ

“ท่าทีอะไรของคุณ ? ถ้าอยากเข้าวงการบันเทิง ก่อนอื่นเลยต้องมีความถ่อมตัว เมื่อเจอกับคนที่มี

ความสามารถมากกว่ามีคุณสมบัติมากกว่าจะต้องเรียกว่าอาจารย์ เข้าใจหรือเปล่า ? ”

ถึงแม้ว่าหยางซินเฉิงจะเป็นแค่ผู้จัดการธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่สำหรับคนนอกแล้วถือเป็นคนใหญ่คนโต

คนที่อยากเข้าสู่วงการบันเทิงจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตน แม้กระทั่งดาราหญิงมากมาย ไม่ว่าจะโดดเด่นแค่

ไหนก็ไม่แน่ว่าชีวิตจะมั่นคง งานสายนี้ไม่ได้หาเงินมาได้ง่ายขนาดนั้น

ฉินจุนมองเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ รู้สึกตลกนิดหน่อย

“คุณหมายถึงให้เรียกคุณว่าอาจารย์ ? ”

หยางซินเฉิงหงุดหงิด “ไร้สาระ ไม่อย่างงั้นหละ ? ”

คำพูดและท่าทางเย็นชาของฉินจุนทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นแก่หน้าหลินเยวี่ยเหยาแล้ว

หละก็ คงจะสั่งสอนเขาไปตั้งนานแล้ว

“เรียกคุณว่าอาจารย์ ? คุณไม่คู่ควร ”

รูม่านตาของหยางซินเฉิงหดลง และทันใดนั้นเขาก็ตบโต๊ะ

“คุณพูดว่าผมไม่คู่ควรหรอ ? คุณคงไม่อยากจะหางานแล้วใช่ไหม นี่หรอท่าทีที่ขอให้คนช่วย ”

ถึงอย่างไรหยางซินเฉิงก็เคยอยู่กับศิลปินที่มีชื่อเสียงมาแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ในทุกๆวันต้องใกล้ชิดกับคนดังเหล่านี้ นานวันเข้าก็คิดว่าตัวเองเก่งมาก

ดังนั้นสิ่งไหนที่ยังไม่ได้เรียนรู้ ใช้อารมณ์จึงจะเรียนรู้ได้ไวกว่า

ถังหมิ่นเห็นท่าไม่ดี จึงรีบประนีประนอม

“เหอะๆ แค่นี้อย่าโกรธไปเลยนะเสี่ยวหยาง คนหนุ่มสาวสมัยนี้อารมณ์รุนแรง มา เราทานข้าวกันก่อน

ดีกว่า ”

เห็นพวกเขาสองคนคุยกันขัดแย้งอย่างรุนแรง ไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเลย

ทุกคนทานข้าวไปได้สักพัก หยางซินเฉิงก็ไม่อยากจะสนใจฉินจุนแล้ว ใจไปตกอยู่ที่หลินเยวี่ยเหยาแทน

“เยวี่ยเหยา วัยรุ่นสาวอย่างเธอคงจะชอบหวังจื่อสินะ ตอนนี้ผมกำลังเป็นผู้จัดการให้กับหวังจื่ออยู่ ต่อไป

จะขอลายเซ็นมาให้เธอดีไหม ? ”

หลินเยวี่ยเหยาไม่ได้ชอบดาราอะไรมากขนาดนั้น แค่พูดให้ผ่านไปเฉยๆเท่านั้น

“ไม่ต้องหรอก ลำบากคุณเปล่าๆ ”

หยางซินเฉิงตอบอย่างไม่ได้สนใจการปฏิเสธเลยสักนิด

“โอ้ยไม่ลำบากเลย เราเพื่อนกันทั้งนั้น ขอแค่ลายเซ็นไม่ใช่ปัญหา ”

“แล้วก็ยังมีดาราคนอื่นอีก ปกติแล้วคุณฟังเพลงศิลปินคนไหน ? ”

เมื่อเห็นว่าหลินเยวี่ยเหยาไม่ได้สนใจมากนัก หยางซินเฉิงก็ยืนกรานที่จะหาหัวข้อคุยที่เขาถนัดเพื่อแสดง

ความเหนือของตนเอง

หลินเยวี่ยเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันฟังเพลงไม่เยอะหรอก บางทีก็ฟังเพลงของซูเหวินฉี ”

หยางซินเฉิงยิ้มตอบ “ซูเหวินฉีหรอ ผมก็เคยร่วมงานด้วย บางครั้งเธอก็จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ตงไห่ ถ้าคุณ

ชอบผมหาตั๋วให้คุณได้ ”

หลินเยวี่ยเหยายิ้มอย่างมีมารยาท “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ฉันใช้โทรศัพท์เปิดเพลงฟังก็โอเคแล้ว ”

ในที่สุดก็เปิดหัวข้อคุยได้ หยางซินเฉิงพูด

“สองสามวันก่อนคุณอ่านข่าวของซูเหวินฉีแล้วใช่ไหม ? ”

หลินเยวี่ยเหยาพยักหน้า “อ่านผ่านๆ เหมือนจะมีแฟนแล้วใช่ไหม ? แล้วก็ถูกคนถ่ายภาพไปได้ ”

หยางซินเฉิงตอบ “เรื่องพวกนี้น่ะเป็นการประชาสัมพันธ์ที่บริษัทช่วยทำให้ พวกคุณคนนอกไม่รู้หรอก การ

จัดฉากนี่เป็นวิธีที่วงการบันเทิงใช้บ่อยที่สุด ”

“ที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่แฟนหรอก แต่เป็นเสี่ยเลี้ยง ”

วงการบันเทิงไม่ได้ดีนักหรอก เรื่องที่มีเสี่ยเลี้ยงถูกแฉอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเรื่องพวกนี้คนธรรมดาทั้งหลายก็คงเคยได้ยินมากัน

หยางซินเฉิงพูดแบบนั้น หลินเยวี่ยเหยาก็ขมวดคิ้ว

“จริงหรอ ? ซูเหวินฉีมีเสี่ยเลี้ยง ? ไม่ใช่ว่าซูเหวินฉีเดบิวต์มาอย่างบริสุทธิ์ หลายปีมานี้ก็ไม่ได้รับมลทิน

จากวงการบันเทิงไม่ใช่หรอ ? ”

เมื่อเห็นว่าหลินเยวี่ยเหยาสนใจขึ้นมา หยางซินเฉิงก็เริ่มพูดไปทั่ว

“เรื่องพวกนี้คุณก็เชื่อด้วยหรอ ? ทั้งหมดนี่เป็นการทำให้ศิลปินโด่งดังได้ในวงการบันเทิง ดาราหญิงสมัย

นี้มีแค่หน้าตาที่สวยทั้งนั้นแหละ บริสุทธิ์สะอาดซะที่ไหนกัน ? เรื่องพวกนี้คนนอกอย่างพวกคุณไม่รู้หรอก

แต่ว่าพวกเรานั้นต่างก็รู้ดีกันอยู่แล้ว ”

ตอนแรกที่พวกเขาคุยหัวข้อนี้กันฉินจุนไม่ได้อยากสนใจ แล้วก็ไม่อยากพูดแทรกด้วย

แต่ว่าอยู่ดีดีก็มาถึงเรื่องเขากับซูเหวินฉี ทำให้ฉินจุนไม่พอใจอย่างมาก

“ถ้าคุณไม่รู้อะไร ก็อย่าพูดมั่วซั่ว เสี่ยเลี้ยงอะไรกัน ? คุณรับผิดชอบคำที่ตัวเองพูดออกมาไหวไหม ? ”

เมื่อเห็นว่าจู่ๆฉินจุนก็พูดแก้ต่างออกมา หยางซินเฉิงก็รู้สึกแปลกใจ

“โย่ นี่คุณก็เป็นแฟนคลับของซูเหวินฉีหรอ ? อายุก็ไม่น้อยความสามารถก็ไม่มี ยังรู้จักเป็นติ่งกับเค้าด้วย

หรอ ? คิดว่าตัวเองเก่งมากหรือไง ? คุณเป็นคนวงนอกหรือคนวงในหละ ? เคยเจอซูเหวินฉีแล้วหรือ

ยัง ? เหอะๆ ตลกจริงๆเลย ”

ฉินจุนตอบ “เรื่องในวงการบันเทิงของพวกคุณ ผมไม่อยากจะพูดอะไร แต่ว่าอย่าพูดมั่วๆถึงข่าวลือของซูเห

วินฉีอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน ”

หยางซินเฉิงชะงัก ใบหน้านิ่งเรียบขึ้นทันที

“ทำไมนะ ? ไม่เกรงใจ ? หรือคุณคิดว่าคนแซ่หยางอย่างผมน่ารังแกหรอ ? ได้ คุณคอยดู ”

พูดจบหยางซินเฉิงก็เดินออกไปจากห้องอาหาร

สำหรับเขาแล้ว ฉินจุนก็เป็นพวกคนกระจอกที่หางานทำไม่ได้ แล้วมาแสร้งทำเป็นอวดเก่งกับเขาอีก ?

คิดว่าหยางซินเฉิงตัวเล็กรังแกง่ายงั้นหรอ ?

แกคิดน้อยเกินไปแล้ว !

เมื่อหยางซินเฉิงออกไป บรรยากาศในห้องอาหารก็แปลกๆขึ้นมา ซุนต้าเหมยก็ทำหน้าไม่พอใจ

“เหอะ ถังหมิ่น นี่มันหมายความว่าอะไรกัน คนที่ขอร้องคนอื่นเค้ามีท่าทีแบบนี้กันหรอ ? ฉันว่านะ เหล้า

แก้วนี้เธอคงไม่ต้องดื่มแล้ว ! ”

พูดจบ ซุนต้าเหมยก็สาดไวน์แดงลงบนตัวถังหมิ่น

“ว้าย ! ”

ถังหมิ่นรีบลุกขึ้นยืนเช็ดเหล้าที่เลอะเสื้อผ้าของตนเอง แม้ว่าในใจตนเองก็โกรธเช่นกัน แต่ก็ยังอดทนเอาไว้

และฝืนยิ้มออกมา

“พี่ซุน ดูสิพี่ทำอะไร…… ”

ไม่รอให้ถังหมิ่นพูดจบ ฉินจุนรีบลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าซุนต้าเหมย พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ขอโทษ ”

ซุนต้าเหมยขมวดคิ้ว

“อะไร ? ขอโทษ ? ขอโทษใคร ? ”

ฉินจุนกล่าว “ให้โอกาสคุณอีกครั้ง ขอโทษป้ารองเดี๋ยวนี้ ”

ซุนต้าเหมยแสดงความไม่พอใจ “กับคนอย่างพวกเธอน่ะหรอ ? จะให้ฉันขอโทษหรอ ? พวกคุณคู่ควร

ไหม ? เชื่อเถอะลูกฉันไปเรียกคนมาไม่กี่คนก็จะทำให้พวกเธอกินไม่ลงเดินไม่ได้กันเลยทีเดียว ! ”

หลังจากซุนต้าเหมยพูดจบ ฉินจุนก็ยกมือสูงขึ้นแล้วตบลงไปหนึ่งที

เพี้ยะ !

เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ตบไปที่หน้าของซุนต้าเหมย ทันใดนั้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของซุนต้าเหมยก็บวมเหมือนเนิน

เขาเล็กๆ บวมขึ้นอย่างรวดเร็วและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ความเจ็บปวดที่ร้อนวูบแทบจะทำให้เธอสลบไป

เธอเอื้อมมือออกมาสัมผัสไปที่ใบหน้าครึ่งนั้นด้วยความเหลือเชื่อ

“แกตบฉัน ? แกกล้าตบฉันหรอ ! แกซวยแน่ ฉันจะบอกให้ลูกฉันฆ่าแก ! พวกหมาข้างถนน พวกแกหนี

ไม่รอดแน่ ! ”

ฉินจุนขมวดคิ้ว ใช้หลังมือตบไปอีกครั้ง

เพี้ยะ !

เสียงดังฟังชัด ซุนต้าเหมยล้มลงไปกองกับพื้น ใบหน้าสองด้านบวมขึ้นมา น้ำลายและเลือดไหลออกมาจาก

ปาก ฟันหักไปสองสามซี่

“ปากเน่าจริงๆเลยนะ ”

ฉินจุนระเบิดอารมณ์ เขาไม่เคยให้สิทธิพิเศษอะไรเพียงแค่เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิงหรอก

ปากดีก็ต้องโดนตบแบบนี้แหละ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset