พ่ายหัวใจคุณซุปตาร์ ตอนที่ 2-1

2.1

Chapter 2.1

 

 

 

 

 

‘ขอหัวใจมีนได้ไหม’

 

‘วันเกิดผมปีนี้… คบกับผมนะ’

 

สองประโยคสำคัญที่ดังวนเวียนอยู่ในหัวฐาปนัทมาตลอดหลายวัน ทำให้เขาต้องระบายลมหายใจอุ่นๆ ออกมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน แม้จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้จะเกิดจากความอยากมอบของขวัญที่พระเอกหนุ่มต้องการจริงๆ ให้ในวันเกิดเท่านั้น แต่พอได้ฟังคำขอนั้นเขาถึงกับสติหลุดทำอะไรไม่ถูกอยู่หลายนาที และกว่าจะดึงวิญญาณที่หลุดลอยไปกลับเข้าร่างได้ก็เห็นว่าคนตรงหน้ากำลังมองมาอย่างรอคอยและคาดหวังมากจริงๆ เขาจึงเลือกจะตอบปฏิเสธกลับไปอย่างนิ่มนวลเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของเขาก็ทำให้รอยยิ้มเจื่อนๆ ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างห้ามไม่ได้ ส่วนเขาที่มองเห็นความผิดหวังในสายตาคู่คมตลอดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ จึงพยายามหว่านล้อมให้อีกฝ่ายเลือกของขวัญชิ้นใหม่ที่เขาสามารถให้ได้จริงๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เนมราคาแพงหรือสินค้าลิมิเต็ดอีดิชั่นรุ่นไหนเขาจะหามาให้ทั้งหมด แต่เจ้าตัวกลับตอบแค่ว่าไม่มีอะไรอยากได้เท่าสิ่งที่ขอไปอีกแล้ว

 

เจ้าของฉายานักปั้นมือทองได้แต่ทอดอารมณ์มองวิวสวนสวยของคาเฟ่ชื่อดังด้วยหลากหลายความรู้สึกในใจ เมื่อสามปีที่ผ่านมาไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าจิรัฎฐ์คิดยังไง เพราะอีกฝ่ายมักแสดงทุกความรู้สึกผ่านสีหน้าแววตาให้รับรู้มาตลอด เรียกว่าตั้งแต่เดือนแรกๆ ที่เซ็นสัญญาเข้าสังกัด ชายหนุ่มก็ขยันหาข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ เขาทุกวัน โดยเฉพาะการใช้ข้อด้อยของตัวเองมาหาประโยชน์ว่าอยากก้าวผ่านคำว่าทำไม่ได้แบบนั้น แล้วเขาที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยได้ยังไง

 

เมื่อเรื่องความขี้อายไม่ชอบทำอะไรต่อหน้าผู้คนเยอะๆ มีติดตัวเด็กหนุ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น ฉะนั้นเวลาต้องโชว์ความสามารถหรือแสดงอะไรให้ครูฝึกแต่ละคลาสประเมินผลรายสัปดาห์ เจ้าตัวจึงวิ่งแจ้นมาแสดงให้เขาดูก่อนทุกครั้ง ยิ่งกับศาสตร์การแสดงที่ไม่มีความถนัดเลยสักนิด หลังเลิกคลาสแอคติ้งเด็กคนนั้นก็จะถือบทมาซ้อมกับเขาต่อเป็นประจำ ทำให้ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกันมีเยอะกว่าคนอื่นๆ มากเป็นพิเศษ จนนานวันเข้าเขาเริ่มรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติและเทคแคร์ใส่ใจอย่างดีเกินเหตุ จึงกะจะแกล้งถามเล่นๆ คล้ายเย้าแหย่เด็กใหม่ให้เขินอายแต่ใครจะคิดว่าคำตอบที่ได้กลับมาดันทำให้เขาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกซะเอง

 

‘ผมชอบคุณครับ’

 

‘อย่ามาอำพี่!’

 

‘ผมไม่ได้อำ ผมชอบคุณจริงๆ’

 

หลังจากวันนั้นฐาปนัทก็พยายามรักษาระยะห่างกับเด็กใหม่ในสังกัดอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นเด็กคนที่เขาอยากได้ตัวมาอยู่ด้วยกันมากๆ ถึงขนาดยอมทำทุกวิถีทางทั้งที่ไม่เคยต้องทำแบบนี้กับใครมาก่อน แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อกับเขาจึงพยายามถอยตัวออกห่าง เพราะมั่นใจว่าความชอบแค่ประเดี๋ยวประด๋าวถ้าเราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเคยชายหนุ่มน่าจะตัดใจได้ไม่ยาก แต่ใครจะคิดล่ะว่าไอ้เด็กหน้าหล่อที่เขามองว่ามันซื่อๆ ใสๆ มานาน ดันยกเอาคำพูดที่เขาเคยรับปากมันไว้มาตอกย้ำซ้ำๆ ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ จนเขาต้องยอมกลับมาดูแลมันอย่างใกล้ชิดอีกครั้งเพราะไม่อาจผิดคำพูดที่ให้ไว้ได้ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มหล่อชาติตระกูลดีที่อยู่ในแวดวงสังคมไฮโซ แถมยังมีเสน่ห์แพรวพราวขนาดแค่ฉีกยิ้มนิดๆ ก็สามารถตกสาวๆ ได้เป็นพรวน จะมาปักใจรักมั่นกับเขาที่แก่กว่าถึงเจ็ดปีได้ยาวนานขนาดนี้

 

ทั้งที่เขาก็พยายามแสดงออกให้จิรัฎฐ์รู้มาตลอดว่าเราเป็นได้แค่ผู้จัดการกับนักแสดงในสังกัด หรือไม่ก็พี่น้องที่สนิทกันมากตามประสาคนร่วมงานกันมานานเท่านั้น แต่เจ้าตัวที่รับรู้ทุกอย่างกลับไม่เคยพยายามทำความสัมพันธ์ของเราให้เป็นไปในทิศทางนั้นเลยสักครั้ง แถมยังมุ่งหวังแต่อยากจะขยับสถานะและความสัมพันธ์ของเราให้เป็นมากกว่านั้นแค่อย่างเดียว

 

และต่อให้เขาจะย้ำชายหนุ่มด้วยเหตุผลเดิมซ้ำๆ ว่า ‘เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้’ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่จิรัฎฐ์ก็ไม่เคยแสดงอาการโกรธเคืองหรือทำท่าทีปั้นปึ่งใส่เขาสักนิด ถึงจะผิดหวังทุกทีเวลาเอ่ยบอกเรื่องนี้แต่เจ้าตัวก็ยังมีรอยยิ้มละมุนที่ตกเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันให้อยู่ทุกวัน ส่วนการตามดูแลเด็กหนุ่มที่ต้องทำเป็นประจำ เขาก็คิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เราควรห่างกันสักพักจะดีกว่า เพราะไม่อยากให้ความประดักประเดิดเกร็งๆ ทำตัวไม่ถูกของเขาสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้เราสองคนเปล่าๆ แต่พระเอกหนุ่มก็ยังเรียกร้องให้เขาทำทุกอย่างตามเดิมเหมือนที่เคยทำมา เสมือนว่าเหตุการณ์ขอของขวัญในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

“เฮ้อ~”

 

“ถอนหายใจถี่ขนาดนี้อายุสั้นหมดแล้วมั้ง”

 

ประโยคเอ่ยเย้าของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำเรียกสติคนที่เหม่อลอยออกนอกหน้าต่างให้กลับเข้าร่างทันที ก่อนเจ้าของสีหน้าเครียดขึงอย่างเห็นได้ชัดจะหันกลับมาถอนหายใจใส่เพื่อนอีกครั้งอย่างอับจนหนทาง “เฮ้อ! ก็มันเครียดน่ะดล”

 

“รู้ หน้าออกชัดขนาดนั้น” ดลรวีตอบพร้อมวางแก้วกาแฟที่จิบจนพอใจลงบนโต๊ะ ส่วนสายตาก็จับจ้องคนมีปัญหาหนักอกอย่างจริงจัง

 

“อยากเล่าไหม”

 

ฐาปนัทกดหน้าลงต่ำอย่างชั่งใจสักพัก ส่วนปลายนิ้วเรียวยาวก็หมุนแหวนวงโปรดบนนิ้วชี้ข้างขวาของตัวเองเล่นมาตลอดช่วงเวลาที่ใช้ความคิด แต่เมื่อเรื่องราวมันอึดอัดและหนักเกินกว่าจะรับไหวเขาจึงเลือกระบายความอัดอั้นในใจให้เพื่อนสนิทที่รู้ทุกอย่างมาตลอดฟังอยู่ดี “ฝุ่นขอเราคบ”

 

ผู้จัดการคนดังหยุดพูดไปหนึ่งจังหวะเมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่คาดไว้อยู่แล้วของคนตรงหน้า เพราะอาการคิ้วกระตุกดวงตาเบิกกว้างคือคำยืนยันว่าเจ้าตัวทั้งประหลาดใจและไม่พอใจมากๆ กับเรื่องราวที่ได้รู้ เขาจึงรีบต่ออีกประโยคออกไปหลังถูกเพื่อนมองมาอย่างคาดคั้นกดดัน “แต่เราปฏิเสธ”

 

“เอ่อ! ก็สมควรต้องเป็นอย่างนั้น เพราะคงไม่มีโมเดลลิ่งไหนที่ผู้จัดการกับเด็กในสังกัดคบกันหรอกมันไม่เหมาะสม” ดลรวีพูดอย่างใช้อารมณ์ก่อนจะหยุดชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาจึงถูกระบายออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับการปรับโหมดข่มอารมณ์เอาไว้แล้วถามไถ่ความรู้สึกอีกฝ่ายแทน

 

“แล้วมานั่งทำหน้าอมทุกข์แบบนี้คือยังไงล่ะ รู้สึกผิดที่ปฏิเสธเด็กนั่นเหรอ”

 

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฝุ่นขอเราคบแบบจริงจัง เพราะที่ผ่านมามีแต่ถามทีเล่นทีจริงมาตลอด แต่ครั้งนี้เหมือนน้องมันรอจังหวะที่จะได้พูดอยู่แล้วเลยบอกความต้องการออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกเราปฏิเสธอยู่ดี” ฐาปนัทหยุดพูดไปหนึ่งจังหวะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะท่าทีประหม่ากับอาการบีบมือตัวเองแน่นเหมือนรวบรวมความกล้าของชายหนุ่มเขายังจำได้ขึ้นใจ โดยเฉพาะสีหน้าผิดหวังที่พยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเซียวๆ ก็ยังถูกรีพลายในหัวเขาซ้ำๆ เหมือนกัน

 

“คือเราไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อดีเพราะหลังจากวันนั้นฝุ่นดันทำตัวปกติมากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้องมันยังสามารถยิ้มให้เราได้สบายๆ และหาโอกาสอ้อนเราเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำ จะมีแค่เรานี่ล่ะที่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อเวลาต้องเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ มัน คือเราไม่สามารถยิ้มให้ฝุ่นได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิมอีกเพราะเพิ่งทำให้มันเสียใจมา และเราก็รู้ด้วยว่าน้องมันไม่ได้โอเคอย่างที่แสดงออกหรอก แต่แค่พยายามทำตัวปกติเพราะไม่อยากให้เราลำบากใจมากกว่า พอทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้เราเลยไม่รู้จะวางตัวยังไงกับน้องมันดี” สีหน้าผู้จัดการคนดังเครียดขึงขึ้นทันทีที่เล่าจบ เมื่อตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติทุกอย่างแล้วแต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ เพราะแค่หันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายของพระเอกในสังกัด แววตาเศร้าๆ ที่สะท้อนความผิดหวังในวันนั้นก็ซ้อนทับเข้ามาในหัวเขาตลอด

 

“เราว่าไอ้ฝุ่นมันคงเผื่อใจไว้แล้วล่ะว่ามีนต้องปฏิเสธ ก็หลายปีแล้วนี่ที่พระเอกของมีนมองแค่มีนคนเดียวมาตลอด แต่มีนก็ไม่เคยใจอ่อนให้มันสักที ส่วนตัวมีนเราว่าสิ่งที่ควรทำตอนนี้คือรีบจัดการความรู้สึกผิดของตัวเองให้ได้ไวๆ ก็พอ เพราะยังไงก็ต้องทำงานกับน้องมันอีกนาน และอย่าโทษตัวเองที่ทำให้น้องมันผิดหวังเสียใจเมื่อเรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ และที่สำคัญในเมื่อไอ้เด็กฝุ่นมันสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้มีนก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน”

 

“พยายามอยู่”

 

ความกังวลความไม่สบายใจที่ฉายชัดผ่านสีหน้าและแววตาของผู้จัดการคนดัง ทำให้ดลรวีที่มองอยู่ตลอดตัดสินใจเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ต่อทันที “ว่าแต่… เด็กมันก็มั่งคงขนาดนี้มีนไม่คิดจะใจอ่อนให้มันจริงๆ เหรอ”

 

“ใจอ่อนได้ที่ไหนดลก็พูดเองว่ามันไม่เหมาะสม ไม่รู้ฝุ่นคิดอะไรอยู่ถึงมาขอแบบนี้ ไม่กลัวชื่อเสียงที่อุตส่าห์สร้างมาถูกทำลายเหรอไง” ฐาปนัทบ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหนักขึ้นไปอีก เพราะไม่อยากให้เด็กในสังกัดต้องตัดอนาคตตัวเองไปเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ

 

“เฮ้อ~ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ยิ่งคุยมีนก็ทำหน้าเครียดไม่หยุด” ดลรวีบอกอย่างเซ็งๆ เมื่อเพื่อนตัวเองหายใจเข้าออกเป็นเรื่องพระเอกในสังกัดมาทั้งวัน เขาจึงปรับโหมดมาคุยธุระสำคัญที่นัดหมายอีกฝ่ายออกมาวันนี้แทน

 

“ว่าแต่ล็อกคิวไต้ฝุ่นช่วงปลายปีให้เราแล้วใช่ไหม”

 

“อืมแค่สี่เดือนนะ มากกว่านั้นไม่ได้กองละครจะเอาคิวเหมือนกัน”

 

“โอเคเลยเดี๋ยวเราจะจัดตารางถ่ายให้แน่นๆ ไอ้พระเอกนั่นจะได้เหนื่อยจนไม่มีเวลามากวนใจมีนสักพัก”

 

“ถ้าฝุ่นเหนื่อยเราก็เหนื่อยกว่าสิ เพราะต้องดูแลฝุ่นทุกวัน” ผู้จัดการคนดังแย้ง

 

“เอ่อลืมไป เดี๋ยวยังไงเราจะนัดประชุมบทกับส่งตารางเวิร์กชอปให้อีกทีนะ เรื่องนี้บู๊หนักบอกไอ้เด็กฝุ่นให้มันฟิตร่างกายเยอะๆ ด้วย จะได้ไม่สลบคากอง”

 

“ได้เลยไม่มีปัญหา”

 

ฐาปนัทยังคุยงานโปรเจกต์ใหม่กับเพื่อนต่ออีกสักพัก เพราะนอกจากดลรวีจะเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว เจ้าตัวยังมีชื่อเสียงในฐานะผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงมือรางวัลแห่งยุคอีกต่างหาก เพราะผลงานทุกเรื่องที่กำกับมาล้วนกวาดรางวัลทั้งไทยและเทศมาแล้วทั้งนั้น แถมยังได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับสุดฮอตที่ครองใจทั้งสาวแท้และสาวเทียมมาตลอด เมื่อรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาหาตัวจับยากถึงจะมีความเซอร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เซอร์กระชากใจไว้ผมยาวมีหนวดรุงรังเหมือนผู้กำกับสายติสท์ทั่วๆ ไป ทำให้เพื่อนของเขาที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในกองถ่ายติดอันดับหนุ่มโสดในฝันจากการโหวตของสาวๆ แบบงงๆ ทุกปี

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวก่อนนะ” เจ้าของฉายานักปั้นมือทองบอกหลังคุยงานทุกอย่างเสร็จ และเห็นว่าใกล้เวลาที่ต้องไปอีกจุดหมายหนึ่งแล้ว

 

“มีภารกิจต้องตามไปดูแลพระเอกเบอร์หนึ่งอีกเหรอ”

 

“อืมวันนี้ฝุ่นมีถ่ายละคร”

 

“เราไม่เข้าใจว่าแค่ถ่ายละครมีนจะเข้ากองเองทำไม ในเมื่อก็มีผู้ช่วยไปคอยดูแลให้อยู่แล้ว”

 

ดลรวีถามเสียงห้วนแถมหัวคิ้วยังขมวดเข้าหากันแน่นอีกต่างหาก จนฐาปนัทที่เห็นท่าทางเพื่อนมีความไม่สบอารมณ์มากๆ จะรีบบอกเหตุผลที่อีกฝ่ายก็รู้อยู่แล้วให้ฟังซ้ำไปอีก “เรารับปากฝุ่นไปแล้วไม่อยากให้มีปัญหา”

 

“เฮ้อ~ เราคงพูดอะไรมากไม่ได้หรอกเพราะไอ้เด็กนั่นเป็นตัวทำเงินขนาดนั้น แต่มีนก็อย่าดูแลแต่คนอื่นจนลืมดูแลตัวเองแล้วกัน หาเวลาได้หยุดได้พักผ่อนบ้างเข้าใจไหม ดูสภาพสิใกล้จะเป็นญาติกับหมีแพนด้าแล้วเนี่ย”

 

“เข้าใจครับเพื่อน เราไปนะไว้เจอกันใหม่”

 

ผู้จัดการคนดังร่ำลาเพื่อนสนิทแล้วรีบบึ่งรถไปกองถ่ายละครแถวชานเมืองทันที แม้จะรู้ว่าที่ดลรวีไม่พอใจเรื่องเขาดูแลจิรัฎฐ์เกินหน้าที่ถึงขนาดไม่มีเวลาให้เด็กคนอื่นและตัวเองอย่างนี้ก็เพราะความเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อสิ่งที่ลั่นวาจาไปแล้วได้เหมือนกัน เมื่อตอนนั้นเขาที่อยากได้ตัวเด็กหนุ่มมาอยู่ในสังกัดมากๆ ถึงขนาดออกปากเองว่าจะคอยดูแลทุกอย่าง พอตอนนี้อีกฝ่ายมาอยู่ในความดูแลของเขาตามความต้องการแล้ว จะให้เขากลืนน้ำลายตัวเองไม่รักษาคำพูดได้ยังไง

 

 

 

 

 

————————–

 

#พ่ายหัวใจคุณซุปตาร์

 

#ไต้ฝุ่นมีน

 

 

พ่ายหัวใจคุณซุปตาร์

พ่ายหัวใจคุณซุปตาร์

พ่ายหัวใจคุณซุปตาร์
Status: Ongoing
อ่านเรื่องพ่ายหัวใจคุณซุปตาร์ เรื่องย่อ เมื่อความรักระหว่าง ‘ผู้จัดการดารา’ กับ ‘พระเอกในสังกัด’ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม… แล้วคนที่พ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกตัวเองไปแล้วจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset