ร่างของตี๋เชากระเด็นออกไป ตกลงพื้นอย่างรุนแรง
เขากระอักออกมาเป็นเลือด เขาพยายามพยุงตนเองขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบาก จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเจ็บปวดว่า “แก…แกกล้าทำร้ายฉัน?”
“ฉินเฉิง ที่นี่มันเมืองหลวง นายอย่าทำอะไรให้มันเกินเลยไปหน่อยเลย!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยพูดออกมา
ฉินเฉิงหันไปมองเขา จากนั้นก็ยกมือขึ้นและตบไปที่หน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ย
ฝ่ามือของฉินเฉิงกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ย เกือบจะทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวทันที
“แก…แกมันบ้าไปแล้ว!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยจับไปที่ใบหน้าของตนเองและพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ตระกูลตี๋เป็นตระกูลของนักธุรกิจใหญ่โตและไม่มีใครเคยทำแบบนี้กับเขามาก่อน!
“คุณปู่ซู คุณเห็นแล้วใช่ไหม ฉินเฉิงคนนี้มันไม่มีศีลธรรม จู่ๆก็เข้ามาทำร้ายคนอื่น!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยมองไปที่คุณปู่ซูและพูดออกมา
คุณปู่ซูขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาพอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่า….เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เมื่อฉินเฉิงมาถึงที่นี่จะไม่พูดอะไรแล้วลงมือทันที
“ฉันเห็นแก่หน้าของคุณปู่ซูเลยไว้ชีวิตพวกนายถึงสามครั้ง แต่พวกนายไม่คิดจะรักษาโอกาสนั้นเอาไว้เลย แถมยังกล้ามาลงมือกับซูวานอีก” ฉินเฉิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “นี่มันเป็นการก่ออาชญากรรมชัดๆ”
ใบหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ยน่าเกลียดขึ้นมาทันที เขามองไปที่คุณปู่ซูและพูดออกมาว่า “คุณปู่ซู คุณอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขา! เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลตี๋ของเราจริงๆ”
“ใช่! นายมีหลักฐานอะไรมายืนยันไหมว่าพวกเราเป็นคนทำ!” ตี๋เชาตะโกนออกมา
“หลักฐาน?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “ฉันจะมาฆ่าพวกนายทำไมต้องเอาหลักฐานมาด้วย?”
สีหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ยเปลี่ยนไป พูดออกมาด้วยความโกรธ “แกพูดอะไรของแก ไร้สาระสิ้นดี! แกต้องการจะทำลายความสัมพันธ์นะหว่างฉันกับคุณปู่ซู ใช่ไหม? ฝันไปเถอะ! คุณปู่ซู ไม่มีทางเชื่อแกอย่างแน่นอน”
ฉินเฉิงส่ายหน้า ถอนหายใจออกมา “มาถึงขนาดนี้แล้ว นายยังกลัวว่าตระกูลซูจะกลับมาแก้แค้นอีกหรอ ทำไม? คุณปู่ซูจะเชื่อไม่เชื่อแล้วมันจะยังไง? วันนี้ฉันจะฆ่าพวกนาย ใครก็มาห้ามฉันไม่ได้ทั้งนั้น”
เมื่อเสียงของฉินเฉิงเงียบลง ร่างของเขาก็มาอยู่ด้านหน้าของตี๋เชา
เขายกเท้าขึ้นมา และถีบไปที่ขาอ่อนของตี๋เชา จับแขนทั้งสองข้างของเขาและใช้แรงดึงจนกระดูกของเขาหัก
“อ้า…!” เสียงร้องของความทรมานดังขึ้นมา! มันดังไปทั่วทั้งบ้านของตระกูลตี๋ เลือดมากมายไหลลงบนพรมของบ้าน
“ฉินเฉิง แก…แกจะทำอะไร! รีบปล่อยลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยพูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินเฉิงจะมีอำนาจมากมายขนาดนี้!
ฉินเฉิงเหลือบตามองมาที่เขา “ไม่ต้องรีบร้อน รอฉันฆ่าเขาเสร็จ คนต่อไปก็คือนาย”
พูดจบฉินเฉิงก็ตบไปที่หน้าของตี๋เชา พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ทำไมนายต้องไปยุ่งกับซูวาน?”
“ฉัน…ฉันไม่ได้ทำ!” ตี๋เชายังปากแข็งและตะโกนออกมา
“ปัง!” ฉินเฉิงตบเข้าไปที่หน้าของเขาอีกครั้ง พูดออกมาอีกว่า “บอกมา”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำ!” ตี๋เชายังคงปากแข็งต่อไป
“ปัง!”
ตบแล้วตบอีก จนตี๋เชารู้สึกว่าใบหน้าของเขาชาไปหมดแล้ว และมันกำลังจะระเบิดออกมา
“พูดออกมา” ฉินเฉิงมองไปที่หน้าของตี๋เชาด้วยความเย็นชา
ตี๋เชาพูดออกมาด้วยความทรมาน “นาย…นายเลิกทำร้ายฉันได้แล้ว ฉันจะพูดแล้ว!”
สีหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ยเปลี่ยนไป เขารีบพูดออกมาทันที “ทำไมนายต้องบังคับคนบริสุทธ์ให้พูดอะไรแบบนั้นออกมาด้วย!!”
“หุบปาก!” ฉินเฉิงตะโกนออกไป ทันใดนั้นร่างกายของตี๋รุ้ยเจี๋ยก็สั่นเทา
ตี๋เชาคุกเข่าลงกับพื้น จู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นและชี้มาที่ตี๋รุ้ยเจี๋ยพร้อมกับพูดว่า “เป็นเพราะเขา พ่อของฉันเป็นคนสั่งให้ฉันทำแบบนี้! เขาบอกว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้คุณปู่ซูผิดหวังในตัวนาย และเมื่อถึงเวลาที่ฉันวางแผนเอาไว้ ฉันจะเป็นคนเข้าไปช่วยซูวาน หลังจากนั้นคุณปู่ซูก็จะเชื่อใจในตัวฉันมากขึ้น!”
ดวงตาของตี๋รุ้ยเจี๋ยเบิกกว้างราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อว่าประโยคที่ได้ยินออกมาจะออกมาจากปากของตี๋เชา
“ทั้งหมดมันเป็นความจริง อย่ามาโทษฉัน!” ตี๋เชาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร
“ฉินเฉิง…ไม่สิ พี่ฉิน ได้โปรดอย่าโทษฉันเลย เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันบอกเขาแล้วว่ามันไม่ดี แต่เขาไม่ฟังฉัน!” ตี๋เชากอดขาของฉินเฉิงและอ้อนวอนออกมา
ฉินเฉิงส่ายหน้าและพูดด้วยเสียงต่ำๆว่า “ขนาดพ่อของตัวเองยังขายได้ คนอย่างนายนี่มันไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน”
“ใช่ ใช่ ฉันมันก็เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสกับฉันอีกสักครั้งเถอะนะ….” ตี๋เชายังคงเกาะขาของฉินเฉิงและขอร้องออกมา
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไปอย่างเยือกเย็น “นายคิดว่าฉันจะให้โอกาสนายอีกเหรอ?”
ตี๋เชาตะลึงงัน ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรออกมา หมัดของฉินเฉิงก็พุ่งมาที่หน้าของเขาแล้ว
“ปึ้ง!” ใบหน้าของตี๋เชากลายเป็นเศษเนื้อ และกะโหลกของเขาก็เปิดออกทันที
“ฉินเฉิง แกกล้าฆ่าลูกชายของฉัน! แกบ้าไปแล้วหรือไง! !” ตี๋รุ้ยเจี๋ยพูดออกมาด้วยความโกรธ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาไม่ยอดหยุด
ฉินเฉิงพูดออกไปว่า “พ่อลูกที่น่าสงสาร แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเลือกทางเดินผิด งั้นฉันจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวด”
เมื่อเสียงของเขาเงียบลง ฉินเฉิงก็เดินมาถึงด้านหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ยแล้ว
“ตู้ม!”
ในชั่วพริบตา หมัดของฉินเฉิงก็ทะลุหน้าอกของตี๋รุ้ยเจี๋ย
ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ปึก!”
ศพของเขาล้มลงกับพื้นทันที เลือดค่อยๆไหลออกมาจากตัวเขาอย่างช้าๆ
“อ๊ายยยย!” ในตอนนั้นเอง จงเฉียนที่เพิ่งจะลงมาด้านล่างก็ได้เห็นฉากที่น่าตกใจนี้
ฉินเฉิงหรี่ตาลง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาจงเฉียน
เธอยังไม่ทันได้ตอบสะนอง ฉินเฉิงก็ยกมือขึ้นและจัดการกับเธอในทันที
นี่คือดวงตาของคุณปู่ซูหรี่ลง ใบหน้าของเขาไม่มีความสุขหรือความเศร้า
เหี้ยมโหดและรอบครอบ!
ถ้าหากชายคนนี้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด แน่นอนเขาจะต้องได้รับการเคารพจากคนมากมายเป็นอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากเขาตายไปในหว่างทาง ศพของเขาก็คงไม่มีที่ให้ฝัง!
และในตอนนั้นฉินเฉิงไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย เขามองดูศพที่กองอยู่กับพื้นอย่างเย็นชาเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
“เดี๋ยวตระกูลซูจะจัดการเรื่องนี้เอง” คุณปู่ซูพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา พยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณครับ”
ฉินเฉิงโบกมือและไม่ได้พูดอะไร
ในคืนนั้นหลังจากที่ฉินเฉิงกับคุณปู่ซูออกมาแล้ว ก็เกิดเหตุไฟไหม้ที่รุนแรงกับบ้านของตระกูลตี๋
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำได้เปลี่ยนคฤหาสน์ที่สวยงามให้เป็นซากปรักหักพังในทันที
เมื่อเปลวไฟดับลงแล้ว ศพของทั้งสามก็ถูกเผาจนไม่เหลือซาก
ริมแม่น้ำบนสะพาน
“จะอยู่ที่เมืองหลวงต่อหรือจะกลับไปเลย?” คุณปู่ซูถามออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่ทิศทางไกลและพูดออกมาว่า “ผมจะกลับไปก่อนฟ้าสาง”
“ดี” คุณปู่ซูก้ไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก
ก่อนที่จะลงจากรถ ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองคุณปู่ซู เขาขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “คุณปู่ซู คุณกลับไปที่ปีนังเถอะ”
คุณปู่ซูยิ้มและพูดว่า “ครั้งหน้าค่อยกลับไป ไม่ก็กลับไปอีกทีตอนที่ฉันตายแล้ว”
ฉินเฉิงผงะและเขารู้สึกทึ่งในใจ
ในตอนนี้ ฉินเฉิงเห็นชัดเจนว่าร่างของคุณปู่ซูเริ่มมีพลังงานสีดำลอยอยู่รอบๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อย แต่มันก็เป็นสัญญาณของความตาย
ดูแล้วคุณปู่ซูคงรู้อยู่แล้วว่าเขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน
“งั้นคุณเก็บของสิ่งนี้ไว้ มันจะช่วยให้คุณมีอายุที่ยาวนานขึ้น แต่ว่ามันก็ไม่ได้นานกว่าเดิมมาก” ฉินเฉิงหยิบยามรกตสีเขียวออกจากกระเป๋าและยื่นไปให้คุณปู่ซู
นี่เป็นยากที่สามารถรวบรวมพลังวิญญาณไว้กับร่างกายได้ แต่ว่าที่ผ่านมาเขายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องใช้มัน
คุณปู่ซูรับยานั้นไว้ จากนั้นก็พูดออกมาอย่างนุ่มนวลว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าให้ฉันเดา มันจะต้องสำคัญกับนายมากๆ งั้นนายเอามันกลับไปเถอะ”
“อย่างไรมันก็เป็นข้อกำหนดของชีวิตคน ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว และตัวฉันเองก็อยู่มานานหลายปีแล้ว” คุณปู่ซูถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ยื่นยาเม็ดนั้นกลับคืนให้ฉินเฉิง
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เป็นอิสระและเรียบง่ายของคุณปู่ซู ฉินเฉิงก็เคารพเขาเป็นอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะแสดงความโศกเศร้าออกมา