ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม – ตอนที่ 63 เหยียบบนพื่นทะเลสาบ

อย่างที่เขาพูด ต้องใช้เวลาหลายวันในการสกัดยาเม็ดนี้ แต่หลังจากที่ใช้มันก็สามารถยืดเวลาได้แค่ไม่เกิดหนึ่งเดือนเท่านั้น

ถึงแม้ว่าฉินเฉิงจะมีความสามารถมากมายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้คนมีอายุยืนยาวจนถึงขั้นไม่ตายได้

“คุณเก็บเอาไว้เถอะครับ” หลังจากที่ฉินเฉิงคิดดีแล้ว เขายังคงยื่นยาเม็ดนั้นให้กับคุณปู่ซู และพูดออกไปว่า “ยาเม็ดนี้สำหรับผมแล้ว มันไม่มีอค่าอะไรเลย”

เมื่อคุณปู่ซูเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ได้ งั้นฉันจะรับมันเอาไว้!”

เมื่อคุณปู่ซูรับยานั้นเอาไว้แล้ว ฉินเฉิงถึงจะเดินลงมาจากรถ

ในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับปีนัง ซูวานก็อยู่ในอาการตื่นตระหนก

การที่คนของตระกูลตี๋เสียชีวิตพร้อมกันถึงสามคนถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากๆในสายตาของเขา

“คุณ…คุณฉิน คุณวางใจ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร คุณสามารถใช้ผมเป็นคนหาวัตถุดิบในการทำยาให้คุณได้ ขอแค่อย่างเดียว อย่าฆ่าฉันเลย…” จินฮู่พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว

ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันจะฆ่านาย?”

จินฮู่ตะลึงงัน จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความดีใจ “ขอบคุณคุณฉินมาก! คุณวางใจได้เลย ฉันจะต้อง….”

“พอได้แล้ว พอได้แล้ว ขับรถไปเถอะ” ฉินเฉิงขัดจังหวะการพูดของจินฮู่ เขาโบกมือพร้อมพูดออกมา

ในตอนที่กลับมาถึงปีนังท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว

นี่มันเป็นคำคืนที่ไม่ธรรมดา ทั้งปีนัง ทั้งเมืองหลวงต่างก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น

และตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซูวานนอนไม่หลับเลย

เธอนั่งอยู่บนคฤหาสน์บนยอดเขา และถ่างตามองลงไปที่ตีนเขา

จนกระทั่งเห็นฉินเฉิงกลับมา เธอถึงจะโล่งใจ

“นายไปไหนมา? ทำไมถึงไปนานขนาดนี้?” ซูวานเดินเข้าไปต้อนรับ และแสดงความรู้สึกที่เป็นห่วงทั้งหมดของเธอออกมาทันที

ฉินเฉิงยิ้ม “ฉันแค่ออกไปแป๊บเดี๋ยวเอง พอดีว่ามีเรื่องให้ไปจัดการ”

ซูวานชี้ไปทิศทางของบ้านตระกูลหยางและพูดออกมาว่า “นายเป็นคนทำเหรอ?”

“อืม” ฉินเฉิงพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ทำไมหละ?” ซูวานถามออกไป

“พวกเขาสมควรตาย” ฉินเฉิงตอบออกไปอย่างจริงจัง “พวกเขากล้ามาลงมือทำร้ายเธอ นั่นแหละเป็นเหตุที่พวกเขาไม่ควรจะอยู่บนโลกนี้ต่อไป”

ซูวานตะลึงงัน

ทั้งโลกใบนี้ คนที่ดีกับเธอขนาดนี้คงมีแค่สองคน

คนแรกก็คือคุณปู่ซู ส่วนอีกคนนั้นก็คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ

“ชิ” ซูวานเบะปาก จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่พอใข

“เอาน่า รีบไปพักผ่อนได้แล้ว” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา

หลังจากที่กลับมาถึงห้อง ฉินเฉิงก็พบว่าบนโต๊ะของเขามีอาหารเช้าวางอยู่

“เธอเป็นคนทำ?” ฉินเฉิงถามออกไปด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ ซื้อมาจะ” ซูวานปฏิเสธออกไป

ฉินเฉิงนั่งลงและทานอาหารนั้นเข้าไป

จากนั้นเขาก็พูดออกในเชิงบ่นๆว่า “ถ้าซื้อมาจริงๆ ฉันคิดว่าร้านอาหารนี้คงจะต้องเจ๊งในอีกไม่ช้า”

“อะไรของนาย มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาของซูวานเบิกกว้างในตอนที่เธอถามออกมา

“ฮ่าฮ่า ที่จริงซื้อมาอาจจะดีกว่า” ฉินเฉิงรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างไว

“งั้นนายกินให้หมดนะ ห้ามเหลือแม้แต่หยดเดียว!” ดวงตาของซูวานจับจ้องไปที่ฉินเฉิงและพูดออกไป

“นี่มัน…ขนาดคนที่แข็งแกร่งยังกินลำบากเลย” ฉินเฉิงจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ได้ทั้งนั้น เนื่องจากอาหารจานนี้…มันไม่อร่อยจริงๆ!

และในตอนนั้น ก็มีข่าวออกมาสองหัวข้อในตอนเช้า ข่าวแรกคือข่าวการตายของหยางอี้ และผลของการสืบสวนก็คือเป็นฝีมือของมือสังหาร

ส่วนอีกข่าวหนึ่งก็คือ ข่าวไฟไหม้ครั้งใหญ่ของตระกูลตี๋

สองข่าวนี้ทำให้ซูวานตกใจเป็นอย่างมากและลุกขึ้นยืนทันที

เธออ้าปากและอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “นี่…นายคงไม่ได้เป็นคนทำใช่ไหม?”

ฉินเฉิงไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด

ซูวานแลบลิ้นออกมา เกรงว่าเรื่องนี้แม้แต่คุณปู่ซูของเธอก็อาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ?

ก็เห็นๆอยู่ว่าเธอไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมต้องไปฆ่าพวกเขาทั้งตระกูลด้วย?

เมื่อเห็นฉินเฉิงที่กำลังพยายามกินอาหารที่เธอเป็นคนทำอย่างสุดความสามารถ ซูวานก็แอบคิดในใจไม่ได้ “ผู้ชายคนนี้ชอบตนเองขนาดไหนกันถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้?”

แน่นอนว่าซูวานไม่รู้ว่าในโลกของฉินเฉิง ซูวานเป็นแสงตะวันเพียงดวงเดียวและเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จฉินเฉิงก็เตรียมตัวที่จะเข้าไปพักผ่อน

และในตอนนั้นจู่ๆก็มีโทรศัพท์มาจากเจ้าสำนักฟาน

เขาพูดออกมาทางโทรศัพท์ว่า “คุณฉิน คืนนี้พอมีเวลาว่างไหม ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ และก็มาเซ็นสัญญาด้วย”

ฉินเฉิงเงียบไปสักพักจากนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า “ได้ เจอกันที่ไหนก็บอกมาละกัน”

“งั้นที่ภัตตาคารหว่างเย้” เจ้าสำนักฟานพูดออกมาทันที

ภัตตาคารหว่างเย้เป็นร้านอาการที่พิเศษที่สุดในปีนัง ภัตตาคารนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆในทะเลสาบ ถ้าจะไปต้องนั่งเรือไปเท่านั้น

และในทะเลสาบก็มีปลาราคาแพงมากมายหลายชนิดยู่ ถ้าอยากจะทานตัวไหนก็สามารถบอกกับทางภัตตาคารได้เลย

เป็นเพราะลักษณะเฉพาะนี้ที่ทำให้ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก และถ้าอยากไปก็จำเป็นจะต้องจองคิวเอาไว้ก่อน

หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ ฉินเฉิงก้เดินไปนั่งอยู่บนยอดเขา เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ “ครั้งนี้ยังโชคดีที่ซูวานไม่เป็นอะไร แต่ถ้ามีครั้งหน้าเขาจะทำอย่างไง?”

เมื่อพบกว่าศัตรูของเขากำลังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับซูวานอีก

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉินเฉิงก็ตัดสินใจใช้เลือดของตัวเองเพื่อทำเครื่องรางที่เอาไว้ปกป้องซูวาน

สิ่งของที่จะเอามาทำเครื่องรางนั้นต้องเลือกมาเป็นอย่างดี เช่นเดียวกัยจี้หยกที่มอบให้ลู่เฟิง เครื่องรางทั่วไปที่พบเห็นกันตามทั่วไปสามารถป้องกันได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

คุณภาพของวัตถุดิบที่ดีจะทำให้ผลลัพธ์ของเครื่องรางนั้นยิ่งใหญ่

ดังนั้นฉินเฉิงจึงเตรียมตัวที่จะออกไปหาจี้หยกที่มีคุรภาพสูง

ในตอนเย็นฉินเฉิงได้เดินทางมาถึงศาลาหว่างเย้

ที่ลานจอดรถเจ้าสำนักฟานได้มารอเขาที่นี้นานมากแล้ว

นอกจากเขาแล้วยังมีลูกสาวของเขาพร้อมกับมู้หรงจิ่นติดตามมาด้วย

“ฉินเฉิง พวกเราได้พบกันอีกแล้วนะ” มู้หรงจิ่นยังคงหล่อเหลาเช่นเคย แต่ท่าทางของเขานั้นก็ทำให้คนรู้สึกขยะแขยงไม่เปลี่ยน

ในตอนนั้นฉินเฉิงไม่ได้สนใจอะไรเขา

“นี่ นายนี่มันไร้คุณสมบัติเสียจริง!” ฟานยุนกระทืบเท้าและพูดออกมา “ไม่น่าหละจิตใจของนายถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้!”

สำหรับฉินเฉิงคนนี้ เธอไม่ชอบใจเขาเอามากๆ เธอบอกกับเจ้าสำนักฟานหลายครั้งแต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าสำนักฟานก็ไม่เคยฟังเธอเลย แถมยังบอกกับเธอว่าอย่างทำอะไรไม่ดีกับฉินเฉิงอีก

ไม่มีทาง อย่างไรเสียฟานยุนก็ไม่ยอมรับในตัวของฉินเฉิงเด็ดขาด

“ยุนเอ๋อ อย่าทำอะไรม่สุภาพกับคุณฉินสิ” เจ้าสำนักฟานดุออกมา

ฟานยุนตอบกลับไปทันทีว่า “จะไปอะไรกับเขาหนักหนา ถ้าหากวันนั้นไม่มีพี่จิ่นก็……”

“ทางที่ดีเธอหุบปากไปจะดีกว่า” ฉินเฉิงพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ถ้าหากเธอยังพูดจาไร้สาระน่ารำคาญ ฉันจะจับเธอโยนลงทะเลสาบไป”

“นี่นาย!” ฟานยุนต้องการที่จะโต้ตอบกลับไปสักสองสามคำ แต่เมื่อเธอหันมาเห็นดวงตาของฉินเฉิง คำพูดทั้งหมดก็ติดอยู่ในลำคอของเธอ พูดอะไรไม่ออกสักค่ำ

“พ่อ พ่อดูเขาสิ!” ฉินเฉิงมองไปที่เจ้าสำนักฟานด้วยท่าทางงอแง

เจ้าสำนักฟานไม่ได้พูดอะไร ฉินเฉิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าสำนักฟาน ถ้าหากคุณสอนลูกของคุณให้ดีไม่ได้ ให้ฉันสอนแทนให้เอาไหม”

สีหน้าของเจ้าสำนักฟานเปลี่ยนไปทันที เขารีบกล่าวขอโทษออกมา “ขอโทษครับ คุณฉิน ฉันจะกลับไปสั่งสอนเธออย่างดี”

ฉินเฉิงโบกมือและพูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ”

“ขอโทษครับ เรือลำนี้สามารถนั่งได้แค่อีกสามคนเท่านั้น” ในตอนนั้นคนขับเรือก็พูดออกมา

ในตอนนั้นเรอืทั้งลำเต็มไปด้วยผู้คน ถ้าหากจะรอเรือลำถัดไปตั้งใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชัวโมง

เมื่อฟานยุนเห็นแบบนั้นเธอก็รีบวิ่งและกระโดดขึ้นเรือทันที

“ยุนเอ๋อ รีบขึ้นมาเร็ว!” เจ้าสำนักฟานพูดออกมาด้วยความโกรธ

ฟานยุนหันหน้าไปทางอื่นทำเป็นว่าไม่ได้ยินที่เจ้าสำนักฟานพูด

“นี่….” เจ้าสำนักฟานรู้สึกอายเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบมู้หรงจิ่นสักเท่าไหร่ แต่อาจารย์ของมู้หรงจิ่นคนนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงไม่กล้าที่จะไปทำอะไรกับมู้หรงจิ่นมากมาย

“ไม่เป็นไร พวกคุณไปกันก่อนเลย” ในตอนนั้นจู่ๆฉินเฉิงก็โบกมือและพูดออกมา

เจ้าสำนักฟานรีบพูดออกมาทันทีว่า “วันนี้คุณเป็นแขกคนสำคัญ จะให้คุณรออยู่แบบนี้ได้อย่างไร”

ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา “ฉันมีวิธีของฉันเองในการข้ามทะเลสาบไป”

เขายืนอยู่ข้างๆทะเลสาบ มองไปที่ศาลาหว่างเย้ที่อยู่ไม่ไกล ในใจของเขาแอบคิด “ด้วยพลังลมปราณขั้นเจ็ดของเขา การที่จะข้ามทะเลสาบนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องยาก”

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

หลังจากที่เผชิญหน้ากับการดูถูก ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นสู้ เพื่อคว้าในสิ่งที่ไม่เคยได้ครอบครองมาก่อน นิยายเล่มนี้เป็นนิยายที่สนุกสนาน ไม่รุนแรงจนเกินไป สนุกครบทุกอารมณ์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset