บทที่ 363 หาเรื่องถูกอัด
หลังเผชิญหน้ากับหลิงหลัว เฉียวเทียนช่างก็ไปหาร้านขนมที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้วซื้อขนมโปรดของหนิงเมิ่งเหยา รวมถึงถั่วจำนวนหนึ่งตามที่นางเคยพูดถึงก่อนหน้านี้
ระหว่างทางขากลับ เฉียวเทียนช่างได้ยินเสียงคุ้นหูกำลังร้องขายเกาลัด
เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วจำได้ว่าคนขายคือผู้เฒ่าจากจวนแม่ทัพ
“ท่านผู้เฒ่า ช่วยเอาเกาลัดให้ข้าถุงหนึ่งได้หรือไม่” เฉียวเทียนช่างชี้ไปยังเกาลัดที่คั่วดีแล้วพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ผู้เฒ่าคนนั้นจำเฉียวเทียนช่างได้ เขารีบจัดแจงใส่ถุงให้ ทั้งยังตักเพิ่มให้เป็นพิเศษ
“ท่านไม่ต้องจ่ายข้าหรอก” ผู้เฒ่าโบกมือบอกปัด แต่เฉียวเทียนช่างยืนกรานจะทิ้งเงินไว้บนแผงก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเกาลัด
เฉียวเทียนช่างเดินกลับมาพร้อมกับถุงทั้งใบใหญ่และใบเล็กเต็มไปหมด อวี้เฟิงและคนอื่นๆ เองก็กลับมากันแล้ว และมีสิ่งของมากมายอยู่บนโต๊ะ
“ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาเสียแล้ว” อวี้เฟิงเลิกคิ้ว ตามองเฉียวเทียนช่างที่หอบถุงทั้งหลาย
เฉียวเทียนช่างไม่สนใจน้ำเสียงประชดประชันของอวี้เฟิง เขาเอาของไปมาวางไว้ในห้องก่อนจะไปหาหนิงเมิ่งเหยา
เฉียวเทียนช่างถอนหายใจยอมแพ้เมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยายังหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม “ตื่นเถิด เหยาเหยา” ถ้านางหลับนานเพียงนี้ คืนนี้นางคงนอนไม่หลับแล้ว
ระยะหลังมานี้ ช่วงเวลาการนอนของหนิงเมิ่งเหยาสลับกันอยู่เล็กน้อย นางนอนหลับตอนกลางวัน และจะนอนไม่หลับไปจนถึงช่วงดึกดื่นค่อนคืน
หนิงเมิ่งเหยาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเพื่อหนีเสียงเฉียวเทียนช่าง
เมื่อเห็นนางมีท่าทีเช่นนั้น เฉียวเทียนช่างก็อดระอามิได้
“ตื่นเถิด เหยาเหยา ไว้เจ้าค่อยหลับตอนกลางคืนเถิด” เฉียวเทียนช่างดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
หนิงเมิ่งเหยาอยู่ไม่นิ่ง จนนางหาท่าที่สะดวกสบายในอ้อมแขนเขาเจอ เสียงนางงัวเงียเพราะเพิ่งตื่น “นี่ยามใดแล้ว”
“เย็นมากแล้ว” เฉียวเทียนช่างส่งชุดที่กองอยู่ข้างๆ ให้นาง เขาดึงผ้าห่มที่ห่อร่างของนางออก
นางมองยังท้องฟ้าข้างนอก ฟ้าโรยตัวมืดแล้วจริงๆ เสียด้วย แม้จะไม่เต็มใจ แต่นางก็ค่อยๆ ลงจากเตียง นางสวมเสื้อผ้า เมื่อลุกจากเตียงนางก็เห็นของมากมายบนโต๊ะเตี้ย
ดวงตานางเป็นประกายเมื่อเห็นถุงเกาลัด นางเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มเฉียวเทียนช่าง มือกอดถุงเกาลัดแล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อเห็นนางร่าเริง เฉียวเทียนช่างก็ตามนางออกไป “เดินระวังด้วย”
“เจ้าค่า เจ้าค่า”
คนอื่นๆ พากันมองทั้งสองที่ใช้เวลากันพอสมควรกว่าจะออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเมิ่งเหยากำลังท้อง พวกเขาคงคิดว่าทั้งสองมัวนัวเนียกันอยู่
“วันนี้เจ้านอนไปนานมากทีเดียว” นางหลับตอนเขามาเยี่ยมเมื่อบ่าย แล้วก็ยังหลับอยู่ตอนเขากลับมาแล้ว ทำตัวประหนึ่งเป็นหมูที่กินเสร็จก็นอน
หนิงเมิ่งเหยาถลึงตาใส่เขา “ท่านหมายความว่าอย่างไร พี่เขย”
“ข้าบอกว่าเจ้าเหมือนลูกหมู”
หนิงเมิ่งเหยาหันไปหาเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง…”
เฉียวเทียนช่างหรี่ตาแล้วหันไปหาอวี้เฟิง จากนั้นก็ชกเขา
“จริงๆ เลย เจ้านี่มัน” อวี้เฟิงหลบการโจมตีแล้วถลึงตาจ้องเฉียวเทียนช่าง เจ้าหมอนี่จงใจใช่หรือไม่
เฉียวเทียนช่างพ่นลมหายใจ แล้วก็เล่นงานเขาต่อไม่หยุด
อวี้เฟิงแทบหลบไม่ทัน เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าเจ้าคนพาลคนนี้แข็งแกร่งขึ้น
“เสี่ยวเหยา ช่วยบอกให้เขาหยุดที” อวี้เฟิงเค้นเสียงลอดไรฟันบอกหนิงเมิ่งเหยาที่ดูชื่นมื่นกับภาพตรงหน้า
หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่อวี้เฟิง “ท่านต้องเจอเช่นนี้ก็เพราะมาแกล้งข้าอย่างไรเล่า”
“ใช่ ข้าผิดเอง บอกให้เขาหยุดทีเถิด” ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ไหว
มู่เฉินมองอวี้เฟิงอย่างรังเกียจ “สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว อยากพูดจาไม่ดีเอง”
“จริงๆ เลย มู่เฉิน เจ้าหาเรื่องข้ารึ” อวี้เฟิงกระโดด
“พอแล้วล่ะ เทียนช่าง” หนิงเมิ่งเหยาโพล่งขึ้น เฉียวเทียนช่างเก็บหมัดแล้วกลับมาอยู่ข้างๆ นางอย่างสุขุมราวกับว่าคนที่ไล่ต่อยตีอวี้เฟิงเมื่อครู่ไม่ใช่เขา
อวี้เฟิงมองเฉียวเทียนช่างอย่างพูดไม่ออก “เจ้าต้องเชื่อฟังนางปานนี้เลยรึ”
“ข้าสงสัยว่าท่านไม่ทำตัวเช่นนี้กับภรรยาของท่านสินะ” เฉียวเทียนช่างมองอวี้เฟิงแล้วเลื่อนสายตาไปมองเหมยรั่วหลิน ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจกระจ่างแจ้ง
ได้ยินดังนั้น อวี้เฟิงรีบหันไปมองเหมยรั่วหลินที่ส่งยิ้มเล็กๆ ให้เขา ทำให้เขาตกใจ
“หลินเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระ เจ้าก็รู้มิใช่หรือข้าทำดีกับเจ้าเพียงใด” อวี้เฟิงมองไปที่เหมยรั่วหลินอย่างออดอ้อน
บทที่ 364 ไร้ประโยชน์อะไรเช่นนี้
เหมยรั่วหลินหัวเราะ โดยไม่สนใจอวี้เฟิง แต่หันไปหาหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าท้องอยู่ ระมัดระวังตัวด้วย อย่าทำเหมือนเมื่อก่อน เข้าใจหรือไม่”
“พี่เหมยอย่าห่วงเลย เทียนช่างคอยดูแลข้าทุกวัน” เขาอยู่ข้างกายนางเสมอยกเว้นยามที่นางหลับ และถ้าเขาไม่อยู่ ก็จะดูให้แน่ใจว่ามีคนอื่นอยู่กับนาง
เหมยรั่วหลินผงกศีรษะอย่างโล่งอก
นางเอื้อมมือไปยีผมหนิงเมิ่งเหยา “ข้ากับพี่เขยของเจ้า และคนอื่นๆ จะจัดการหลิงหลัวเอง เจ้าไม่ต้องห่วง” พวกนางสืบเรื่องหลิงหลัวมาอย่างละเอียดก่อนจะมาที่นี่ ถ้าเขากล้าแตะหลานชายของพวกนางอีก ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะพร้อมหัวเราะ “พี่เหมย ท่านดีที่สุดเลย”
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นภรรยาของตนใกล้ชิดสนิทสนมกับเหมยรั่วหลิน เขาเดินเข้าไปหาแล้วดึงหนิงเมิ่งเหยามานั่งในอ้อมกอดตน
“พี่สาว ท่านควรไปกอดสามีท่านนะ” เฉียวเทียนช่างกล่าวเบาๆ
เหมยรั่วหลินรักษาท่าทีไว้แล้วถลึงตาใส่เฉียวเทียนช่าง “นางเป็นน้องสาวข้านะ”
“ถูก แล้วนางก็เป็นภรรยาของข้า” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ ยอมรับข้อเท็จจริงว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นน้องสาวของนาง แล้วก็อ้างสิทธิ์ของตนไปพร้อมกัน
มู่เสวี่ยมองภาพทั้งหมดจากด้านข้าง นางอดขำขันมิได้ “เจ้าเจอคู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว รั่วหลิน”
หนิงเมิ่งเหยาเกยคางบนมือตัวเองแล้วมองคนที่เหลือหยอกล้อกันเอง นางกินเกาลัดที่เฉียวเทียนช่างแกะให้ตน
ดวงตานางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หลังจากเซียวจื่อเซวียนตกลงกับหลิงหลัวได้ นางก็เข้าใจและพาบุตรกลับไปยังจวนตระกูลเซียว
“ท่านแม่อยู่ที่ไหนหรือ ท่านพ่อ” เซียวจื่อเซวียนสับสนเมื่อไม่เห็นหลี่หลินเอ๋อร์ในจวน จึงถามว่านางอยู่ไหนทันที
“นางอยู่ในเรือนของนาง”
“ท่านพ่อ ข้าขอไปพบท่านแม่ได้หรือไม่” เซียวจื่อเซวียนถามอย่างระมัดระวัง
เซียวอี้หลินมองเซียวจื่อเซวียน เขาไม่ตอบ เมื่อเซียวจื่อเซวียนรู้สึกประหม่าจนเหงื่อออก เซียวอี้หลินก็พยักหน้าอนุญาต
เซียวจื่อเซวียนถอนหายใจโล่งอก หลังจากคุยกับเซียวอี้หลินอีกไม่กี่คำ นางก็พาบุตรไปที่สวนของหลี่หลินเอ๋อร์
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือ” เซียวจื่อเซวียนขมวดคิ้วสับสนเมื่อนางสังเกตเห็นของตกแต่งในห้องไม่หรูหราดั่งแต่ก่อน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ ทั้งหมดนี้ก็เพราะท่านพ่อผู้แสนเมตตาของเจ้า เจ้าน่าจะไปถามเขาว่าเขาทำอะไรลงไป” หลี่หลินเอ่อร์มองเซียวจื่อเซวียนอย่างเดือดดาล
เซียวจื่อเซวียนตกใจกับน้ำเสียงของหลี่หลินเอ๋อร์ มารดาไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้กับนางมาก่อน เซียวจื่อเซวียนไม่อาจทนได้ยามนางทำท่าทีเช่นนี้ใส่ตน
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงต้องดุข้าด้วย” นางไม่พอใจกับท่าทีของหลี่หลินเอ๋อร์เอาเสียเลย เซียวจื่อเซวียนจึงถลึงตามองกลับไป นางจะมาทำท่าทางเช่นนี้กับบุตรสาวได้อย่างไร เซียวจื่อเซวียนไม่ใช่คนที่ทำให้หลี่หลินเอ๋อร์โกรธเสียหน่อย
หลี่หลินเอ๋อร์มองเซียวจื่อเซวียนอย่างเย็นชา “เจ้ามันไร้ประโยชน์ เฝ้าผู้ชายของเจ้าให้ดียังทำไม่ได้”
เซียวจื่อเซวียนจ้องมองหลี่หลินเอ๋อร์ด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่เข้าใจว่าไยมารดาที่เคยรักนางนักหนา จึงพูดกับตนเช่นนี้
“ข้าไม่ได้ไปยั่วโมโหท่านใช่หรือไม่” เซียวจื่อเซวียนไม่อาจทนฟังเงียบๆ ได้เช่นกัน นางพูดด้วยความโกรธ
“เจ้าไม่ได้ยั่วโมโหข้าหรือ ทำไมเจ้าถึงได้โง่เง่าขนาดนี้ เจ้าเทียบอะไรกับเด็กกำพร้าอย่างหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ข้าน่าจะเก็บนางไว้แทนแล้วโยนเจ้าออกไป” ระยะหลังมานี้ หลี่หลินเอ๋อร์เหมือนเสียสติไปแล้ว เมื่อได้เห็นเซียวจื่อเซวียน นางก็นึกถึงความสำเร็จสุขสมที่หนิงเมิ่งเหยามี กับความไร้เมตตาที่เซียวอี้หลินทำกับนาง
เซียวจื่อเซวียนมองหลี่หลินเอ๋อร์ด้วยความงงงวย “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ ข้ากำลังบอกว่าเจ้ามันไร้ประโยชน์สิ้นดี เทียบอะไรกับลูกไม่มีพ่อยังไม่ได้ แล้วยังจะกล้าโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นที่นี่อีก”
หลี่หลินเอ๋อร์ไม่แยแสต่อสายตาที่งุนงงของเซียวจื่อเซวียน นางพ่นสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
แววตาเซียวจื่อเซวียนเต็มไปด้วยโทสะ นางมองหลี่หลินเอ๋อร์ “ข้ารู้ว่าท่านโกรธเพราะท่านพ่อสั่งขังท่านไว้ในบ้าน แต่ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย แต่ท่านพูดแบบนี้กับข้าได้อย่างไร”
“ทำไมข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้าไม่ได้ เจ้าไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่ชีวิตข้า ไม่เคยทำให้ข้าภูมิใจ มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้า พี่ชายเจ้าถึงตาย สมเป็นเด็กที่เกิดมาจากนางหญิงชั้นต่ำน่าสมเพชแล้วจริงๆ”