ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 121

ตอนที่ 121 อสูรภูเขา

 

“รนหาที่ตาย? แล้วเจ้าทําได้อย่างที่พูดหรือเปล่าเล่า?” จู่ๆเพิ่งชวนก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้า และพุ่งเข้าใส่อสูรภูเขา

 

การเปลี่ยนร่างอย่างรวดเร็วของเมิ่งชวนทําให้อสูรภูเขาต้องตกใจ!มันเคยสู้กับเทพอสูรมนุษย์มาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอเทพอสูรคนไหนที่มีความเร็วขนาดนี้มาก่อน

 

ไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบโต้

 

ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าพุ่งออกจากร่างของเพิ่งชวนหลายสิบสาย

 

เปรี้ยงๆๆๆๆ!

 

สายฟ้าฟาดเข้าใส่ร่างของอสูรภูเขาที่สูงตระหง่าน ทําให้ก้อนหินกระจายไปทั่ว

 

เพิ่งชวนขมวดคิ้ว แม้ว่าสายฟ้าจะทําให้หินบางก้อนปลิวไป แต่สําหรับอสูรภูเขาแล้ว มันก็เหมือนกับแค่เสียผมไปไม่กี่เส้นเท่านั้นเอง

 

ร่างของมันไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าสายฟ้าไม่ระคายผิวมันซักนิดสายฟ้ามีประสิทธิภาพมากกับเลือดเนื้อแม้สายฟ้าจะไม่สามารถทําให้ตายได้ แต่มันก็ยังสามารถทําให้ร่างกายของศัตรูเชื่องช้าลงและทําให้สั้นแบบควบคุมไม่ได้ในการต่อสู้ระยะประชิดผลเสียอย่างนั้นสามารถตัดสินผลการต่อสู้ได้เลยแต่ว่าอสูรภูเขานั้นไม่หวั่นเกรงสายฟ้าแม้แต่น้อย

 

ทันทีที่เขาลงพื้น กระแสพลังวินาศสีดําก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว รอบๆข้างเริ่มจะแข็งในทันใด ดินโคลนต่างถูกน้ําแข็งปกคลุมอสูรภูเขาตรงหน้าก็เปลี่ยนกลายเป็นแท่งน้ํา แข็งขนาดใหญ่เช่นกัน

 

“เทพอสูรมนุษย์ทําอะไรอย่างนี้ได้ด้วยรึ?” แม้มันจะถูกแช่แข็งแต่มันก็ยังเดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

ทันใดนั้นเองดินที่มีน้ําแข็งปกคลุมก็ลอยขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่เพิ่งชวนอย่างรวดเร็ว

 

อสูรภูเขาสร้างกรงโคลนขึ้นมา พยายามจะจับเยิ่งชวนไว้

 

ฟุบๆๆๆ!

 

มันเห็นร่างที่พร่ามัวปรากฏขึ้นทุกที่ แม้ว่ามันจะสร้างกรงโคลนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ มันก็จับไม่โดนเมิ่งชวนเลยแม้แต่น้อย ความเร็วของโคลนและหินนั้นยังช้ากว่าของเมิ่งชวนมากนัก

 

“กระแสพลังวินาศไม่ส่งผลกับมันเลยซักนิด เพิ่งชวนขมวดคิ้ว

 

เมื่ออสูรภูเขาเห็นว่ามันไม่สามารถจับเยิ่งชวนได้มันก็ได้แต่รู้สึกโกรธอยู่หน่อยๆ อสูรภูเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพยายามจะเหยียบใส่เมิงชวน

 

เพิ่งชวนเห็นท้องฟ้ามืดลงพร้อมกับเท้าของอสูรภูเขาที่เหยียบลงมา

 

ฟุบ!

 

สายฟ้าแวบออกมา

 

มันเหยียบพลาด และพื้นดินก็สั่นสะเทือน

 

เพิ่งชวนกระโดดขึ้นไปในทันที เกิดสายฟ้าแลบออกมา

 

เพียงพริบตาก็เกิดเมิ่งชวนขึ้นมาแปดร่าง แต่ละร่างใช้ท่าเดียวกัน เมื่อกระบี่ถูกแทงออกมามันก็ทําให้เกิดลําแสงกระบี่ที่แหลมคม และเสียงดังเสียดแก้วหูราวกับเสียงมังกรคํารามก็ดังออกมาจากลําแสงกระบี่เหล่านั้น

 

ในบรรดาท่าของกระบี่ทั้งหลาย ฟัน เฉือน ตวัด แทง การแทงนั้นมีพลังในการทะลวงมากที่สุดเพราะพลังของกระบีทั้งหมดจะรวมไปอยู่ในจุดเล็กๆจุดเดียวนั่นเอง! เพิ่งชวนใช้ท่ามังกรคํารามของวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์ออกมา วิชานี้มีพลังที่น่าสําพรึงและเป็นเพียงไม่กี่ท่าที่เพิ่งชวนเรียนรู้มาได้

 

เพราะความใหญ่โตของมัน อสูรภูเขาจึงได้แต่ทนรับการโจมตีของเมิ่งชวนด้วยร่างของมันเพียงเท่านั้น

 

ทุกๆการโจมตีเฉือนเข้าไปเป็นถ้ําลึกในร่างของอสูรภูเขา มันลึกกว่าสามจิ้งและกว้างกว่าสิบสื่อ แต่ว่าก้อนหินในร่างของอสูรก็เพียงแค่เคลื่อนเข้ามาอุดถ้ําทั้งแปดอย่างรวดเร็ว

 

“ตายเสีย” ฝ่ามือขนาดยักษ์ของอสูรภูเขาฟาดเข้าใส่เพิ่งชวนที่อยู่กลางอากาศและไม่สามารถดึงพลังมาจากไหนได้

 

แต่เพิ่งชวนก็ยังหลับฝ่ามือได้ด้วยการเปลี่ยนเป็นสายฟ้า เขาวนรอบร่างของอสูรภูเขาอย่างรวดเร็วและไปข้างหลังมัน

 

เขาใช้ทักษะการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวของกระบี่จิตพิสุทธิ์ ท่านางแอ่น” และนั่นทําให้เขาคล่องตัวเป็นอย่างมาก

 

(*ไม่ใช่ท่ากลืนกินครับ ขอโทษครับผมโง่ไปหน่อย)

 

ท่าสมิงคํารน!” พอเมิ่งชวนไปอยู่หลังอสูรภูเขา เขาก็ฟันออกไปในทันที

 

ลําแสงกระบี่ฟันลงพร้อมกับเสียงคําราม เพียงพริบตาเขาก็ฟันใส่อสูรภูเขาไปถึงสิบห้าครั้งทุกๆการโจมตีทําให้ร่างกายของมันสั่นไหว

 

หินจํานวนนับไม่ถ้วนระเบิดกระจุย

 

ท่าสมิงคํารนเป็นท่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่เพิ่งชวนได้เรียนรู้ เป็นเรื่องที่น่าแปลก วิชากระบี่จิตพิสุทธิ์ทั้ง 18 ท่านั้นตั้งชื่อตามสัตว์ทั้งหมด ท่านางแอ่น ท่ามังกรคําราม และท่าสมิงคํารนก็เช่นกัน “

 

เกิดหลุมขนาดใหญ่ที่บนหลังของอสูรภูเขา มันกว้างกว่าห้าถึงหกจิ้ง และเพราะการโจมตีทั้งสิบห้าฟันใส่จุดเดียวกันจึงทําให้มันลึกกว่าแปดรั้ง ทําให้สามารถเห็นหินสีแดงดําภายในร่างของอสูรนั้นได้ หินสีแดงดํานั่นถึงกับแตกหักบ้างเลยด้วยซ้ํา

 

นั่นคือร่างจริงของมัน เพิ่งชวนเข้าใจในทันทีเมื่อได้เห็นหินสีแดงเข้ม อสูรภูเขาปกคลุมร่างกาย ของมันด้วยหินจากภายนอกและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทําให้หินเหล่านี้แข็งมากๆ อย่างไรก็ตาม ร่างที่แท้จริงของพวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสรุปก็คือร่างกายที่แท้จริงของพวกมันนั้นเล็กกว่านั้นมาก

 

“เจ้าทําให้ข้าบาดเจ็บ!” อสูรภูเขาคํารามออกมาด้วยความโกรธ หินเคลื่อนไปปิดรูบนหลังมันอย่างรวดเร็วมันโกรธขนาดที่สร้างแขนหินขึ้นมาใหม่ถึงแปดข้างและทุบเข้าใส่เพิ่งชวนอย่างบ้าคลั่ง

 

เพิ่งชวนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งไปอย่างรวดเร็ว

 

เขาเหยียบบนแขนมันเพื่อยืมพลัง เพียงพริบตาเขาก็ถอยออกไปร้อยจิ้งก่อนจะพึ่งเข้าใส่อสูรเขาอีกครั้งเขาฟันไปอีก

 

คราวนี้เขาใช้ท่าดวงใจกระบี่! ท่าที่เขาฝึกฝนมานานที่สุด

 

กระบี่ฟาดฟันใส่อสูรภูเขาอย่างต่อเนื่อง หินผาสั่นสะเทือนแต่ไม่มีความเสียหายใดๆ แต่ว่า แรงสั่นสะเทือนได้เข้าไปในแก่นกลางของอสูรภูเขาและระเบิด!มันคือระเบิดหยินหยาง! ร่างยักษ์ของอสูรภูเขาลดความแรงของระเบิดหยินหยางลงสามส่วนตอนที่มันเข้าไปถึงใจกลาสง เพิ่งชวนไม่เห็นความเสียหายรุนแรงใดๆหลังจากโจมตีใส่ไปเจ็ดครั้ง

 

“โอ! โอ! โอ!” มันเหวี่ยงแขนทั้งแปดไปมาโดยไม่โดนเมิ่งชวนเลยซักนิด มนุษย์เทพอสูรที่รวดเร็วคนนี้ทําให้มันโกรธเกรี้ยว

 

หลังจากคํารามร่างของมันก็ระเบิดออกมา

 

จู่ๆก็มีหินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปในทุกๆด้านด้วยความเร็วอันมหาศาล หินทุกก้อนนั้นไวกว่าเสียง มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก หากมันใช้ในเมืองมนุษย์ล่ะก็ การโจมตีนี้อาจจะเปลี่ยนรอบข้างให้กลายเป็นซากเลยก็ได้! หากอสูรภูเขาตัวนี้ปรากฏขึ้นที่เมืองตงหนิงมันคงจะเกิดภัยพิบัติขึ้นแน่ๆ

 

เมื่อก้อนหินระเบิดออกไป อสูรภูเขาร่างสีดําแดงสูงประมาณสิบยั้งก็พุ่งเข้าใส่เพิ่งชวน มันวิ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้คล่องตัวมากขึ้น

 

“อย่าแม้แต่จะคิดหนี!” อสูรภูเขาโกรธจัด

 

ที่มันเห็นก็มีเพียงหินจํานวนมากพุ่งออกไปโดยมีสายฟ้าพุ่งเฉียดหินเหล่านั้น ไม่มีหินแม้แต่ ก้อนเดียวที่สามารถแตสายฟ้านั่นได้! หินทุกก้อนนั้นพุ่งออกไปสุ่มๆทุกทิศทาง และเส้นทางของแต่ละก้อนก็ต่างกันออกไปรวมไปถึงความเร็วเหนือเสียงนั่นอีก ความเร็วนี้เป็นอะไรที่ขนาดเทพอสูรยังตอบสนองไม่ทัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหินเหล่านี้ได้

 

อย่างไรก็ตามยังมีเทพอสูรมนุษย์ที่สามารถหลบหินทุกก้อนได้ด้วยความเร็วที่ไวราวกับสายฟ้าเขาหลบหินเหล่านั้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เหนือกว่า และออกจากถ้ําเก้าปริศนาไป

 

“แค่นั้นรึ?” อสูรภูเขาสิบยั้งยืนงง เทพอสูรมนุษย์นั้นไม่อยู่ในโลกสีแดงดํานี้อีกต่อไป

 

“อ๊ากกกกก!” มันได้แต่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว หินจํานวนนับไม่ถ้วนทุ่งกลับเข้าไปปกตลุมร่างของมันอีกรอบ แต่ว่าการระเบิดก่อนหน้านั้นได้ทําให้หินเหล่านั้นเริ่มร้าวอสูรภูเขาที่กลับมาสูงสิบกว่าจังดังเดิมมีรอยแตกอยู่ทั่วร่าง หินเหล่านั้นกลับเป็นก้อนกรวดมันต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู

 

น่าเสียดายที่แม้มันจะใช้พลังทั้งหมดที่มีและเผยร่างจริงออกมา แต่มันก็ยังไม่สามารถจับเทพอสูรมนุษย์นั้นได้

 

ร่างสายฟ้าปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของถ้ําเก้าปริศนา

 

“อสูรภูเขานั้นน่ากลัวจริงๆ” เมิ่งชวนรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเมื่อนึกถึงการโจมตีของอสูรภูเขา “หินเหล่านั้นมันไวมากจริงๆ หากข้าโดนเข้าไปเพียงชักอันล่ะก็ ข้าคงจะโดนต่อๆกันอีกหลายอันเป็นแน่ข้าคงจะบาดเจ็บสาหัสเลยล่ะ

 

เขามีแก่นสารแห่งจิต และความเร็วในการตอบสนองของเขานั้นไว้อย่างน่าเหลือเชื่อ และด้วยท่านางแอ่นเขาก็สามารถหลบการโจมตีของอสูรภูเขานั่นมาได้

 

“ข้าลองพยายามแล้ว ข้าทําให้มันบาดเจ็บได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่หากข้าทําพลาดไปเพียงอย่างเดียวเจ้าอสูรภูเขานั้นคงจะสังหารข้าลงไปเป็นแน่”

 

แน่นอนว่าเขาจะไม่ตายจริงๆหรอก เพราะก่อนที่เขาจะตาย เขาหยวนชูจะเข้ามาช่วยเพิ่งชวน

 

อย่างไรก็ตาม เมิ่งชวนเชื่อว่าในฐานะผู้ที่ฝึกฝนร่างอสูรตัดสายฟ้า แม้จะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่อย่างน้อยเขาต้องหลบหนีออกมาให้ได้ หากเขาหลบหนีออกมาไม่ได้คงจะเป็นเรื่องที่น่าอดสู

 

อสูรภูเขานั่นยังไม่ได้ใช้พลังของมันทั้งหมดเลยด้วยซ้ํา และข้าก็กลัวที่จะต้องสู้กับร่างจริงของมันร่างจริงของมันต้องแข็งแกร่งกว่านี้เป็นแน่ และมันยังไม่ได้ใช้วิชาต้องห้ามเลยด้วยซ้ําเพิ่งชวนเข้าใจถึงความแตกต่างของเขากับอสูรภูเขาขึ้นมาเขาใช้ความเร็วเพื่อทําให้อีกฝ่ายงุนงงแต่เขาก็ไม่สามารถทําให้มันบาดเจ็บได้แม้ว่ามันจะยืนอยู่นิ่งๆก็ตามดูเหมือนว่าข้าจะต้องขึ้นเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันให้ได้เข้าถึงจะมีโอกาสในการสังหารมัน

 

ในฐานะผู้ฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้า เขาต้องเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ที่สูงกว่าเพื่อจะได้เป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน

 

เทพอสูรระดับสูงจะกลายเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันหลังจากไปถึงขอบเขตจิตวิญญาณส่วนระดับต่ําและกลางก็ใช้เพียงแค่จุดสูงสุดของเจตจํานงเท่านั้น

 

หากอยากจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆก็ต้องอดทนมากกว่าคนอื่นๆอยู่แล้ว เขาต้องพบกับ ข้อจํากัดที่ยากลําบากอีกมากมายในอนาคต

 

“ข้าพึ่งจะเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่เท่านั้น ปกติแล้วการเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ระดับสูงคงต้องใช้เวลาถึงแปดปี ข้าต้องสืบทอดมรดกของกระบี่จิตพิสุทธิ์” เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งออกไปในทันที เพียงไม่นานเขาก็ข้ามเขาไป

 

เพียงครู่เดียวเมิ่งชวนก็ไปถึงตําหนักแม่น้ําสวรรค์

 

“นายท่านเมิ่งชวนมาทางนี้” พ่อบ้านชราของตําหนักแม่น้ําสวรรค์นําทางเขาไป เขาได้รับคําสั่งจากนายเหนือให้คอยดูแลเมิ่งชวนแล้ว

 

ภายในสวนของตําหนัก ปรมาจารย์นั่งเขียนพัดอยู่พร้อมกับผมที่ยาวเกยไหล่

 

“คารวะท่านอาจารย์” เมิ่งชวนก้มหัว

 

“เจ้าโทษที่ข้าบังคับให้เจ้าเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ก่อนที่จะรับมรดกหรือไม่?” ปรมาจารย์ถาม

 

“ศิษย์เข้าใจถึงเหตุผลแล้วขอรับ สิ่งใดที่เหมาะสมนั้นดีที่สุด จิตวิญญาณกระบี่ที่ศิษย์ฝึกฝนเองนั้นเหมาะสมที่สุด และด้วยพื้นฐานของจิตวิญญาณกระบี่ ศิษย์สามารถสืบทอดมรดกของโลหะทมิฬผ่านเจตจํานงได้ในอนาคต และศิษย์จะไม่โดนจํากัดโดยโลหะทมิฒโดยสมบูรณ์ตอนฝึกฝนและเมื่อศิษย์ไม่ถูกจํากัดโดยมรดก ศิษย์ก็จะสามารถสร้างหนทางของตนและกลายเป็นเทพอสูรที่ทรงพลังได้ขอรับ” เมิ่งชวนกล่าว

 

ปรมาจารย์เหลือบมองและยิ้ม “อธิบายได้ดี เหมือนว่าเจ้าจะไปที่ห้องสมุดมาสินะ”

 

เพิ่งชวนก้มหัวลง “ศิษย์ซ่อนอะไรจากท่านไม่ได้เลยขอรับ”

 

ปรมาจารย์โบกมือ อากาศเกิดบิดเบี้ยว มีชิ้นโลหะสีดําปรากฏขึ้นตรงขอบของโต๊ะหิน ไม่มีอะไรสลักไว้บนนั้น

 

โลหะทมิฬนั้นถูกหลอมขึ้นมาโดยแร่อุกกาบาต และนั่นจึงทําให้มันสา มารถทนรับพลังของจอมยุทธที่ใส่แก่นสารแห่งจิตลงไปได้ โลหะทมิฬนั้นมี อีกชื่อว่าคัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรพวกมันไม่มีรูปหรือตัวอักษรเขียนอยู่แม้แต่น้อย กลับกัน ในนั้น มีมรดกใส่เอาไว้อยู่ปกติแล้วมีเพียงเทพอสูรที่ควบแน่นแก่นสารแห่งจิตแล้วเท่านั้นถึงจะรับมรดก ได้ในตอนนี้เพิ่งชวนนั้นแข็งแกร่งกว่าเทพอสูรระดับมหาสุริยันอยู่เล็กน้อยดังนั้นแก่นสารแห่งจิตของเขาจึงสามารถทนต่อการรับมรดกของโลหะทมิฬได้

 

“โลหะทมิฬสองอัน?” เมิ่งชวนตกใจ

 

“อันหนึ่งคือกระบี่จิตพิสุทธิ์และอีกอันหนึ่งคือกระบี่มังกรพเนจร ทั้งสองอย่างนี้คือวิชากระบี่ไวที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาหยวนชู”ปรมาจารย์กล่าว “เรียนรู้มันทั้งคู่เลย!ให้เจ้าเน้นฝึกฝนกระบี่จิตพิสุทธิ์และค่อยไปฝึกวิชากระบี่มังกรเพนจร เพราะเจ้ามีจิตวิญญาณกระบี่การฝึกฝนของเจ้าจะไม่หลงทางอย่างแน่นอน”

 

“ขอรับ” เมิ่งชวนกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมและรับโลหะทมิฬไป

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset