ตอนที่ 9 : ประตูแห่งความอลหม่าน
ในขณะที่พวกเขาได้วิ่งหนี มาร์คก็ฉีดถังดับเพลิงไปตามพื้นทุกๆฝีก้าวที่เขาได้วิ่งผ่าน แม้ถึงอย่างนั้นโฟมที่ฉีดลงไปที่พื้นก็มีจำนวนไม่หนาและเยอะเท่าตอนแรกๆที่เขาฉีด ฉีดถังดับเพลิงไปอีกเล็กน้อยมันก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับเป็นอุปสรรคขวางกั้นยับยั้งการไล่ล่าของพวกซอมบี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้เชื้อถังดับเพลิงนั่นหมดไปเลยในทีเดียว เมื่อเขาได้ยินเสียงเหล็กกระทบที่ดังสนั่นออกมาจากชั้นนี้ เขาก็มั่นใจได้ว่าเขาจะต้องการถังดับเพลิงเพิ่มอีกจากที่ไหนสักแห่ง
“เห้ย! เปิดเดี๋ยวนี้นะ! ขอร้องให้พวกเราเข้าไปเถอะ!”
ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าสู่โซนขายสินค้าเทคโนโลยี พวกเขาได้ยินเสียงชายตะโกนด้วยความโกรธและสิ้นหวังและทุบบานประตูเหล็กของทางเข้าโซนนั้นไปด้วยพร้อมกับมีชายอีกสามคน กลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่วิ่งนำหน้าเด็กนักเรียนหญิงสองคนนั้น แต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมายในตอนนี้ถ้าเทียบกับบานประตูเหล็กที่ถูกปิดลงไป
ใช่แล้ว! โซนสินค้าไอทีซึ่งเป็นสถานที่หลบภัยที่เดียวถูกปิดลงไม่ให้เข้าไป มาร์คและพนักงานที่ตามไปกับเขาและคนอื่นๆอีกมากมายก็ยังคงอยู่ข้างนอกโซนนั้น
คนอื่นๆที่ว่านี้มีทั้งเด็กนักเรียน แม่เด็กและรวมถึงเด็กเล็กด้วย มาร์คผู้ซึ่งตระหนักรู้ตัวดี รวมถึงพนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้รู้ว่ามันคือเสียงอะไร เมื่อได้ยินเสียงเหล็กกระทบกับพื้นดังสนั่น มันคือเสียงบานประตูเหล็กซึ่งเป็นทางเข้าสู่โซนหลับภัยได้ถูกปิดลงไป! นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพนักงานที่ตามไปกับมาร์คนั้นใบหน้าของเขาถึงได้ซีดสนิทลงในทันที
การที่ได้เห็นทางเข้าที่ถูกปิดเมื่อมองมาจากไกลๆ เด็กนักเรียนหญิงสองคนและแม่เด็กที่ถูกอุ้มมาราวเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงต่างก็คิดว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัยแน่ๆ หากพวกเขาวิ่งตามกลุ่มชนกลุ่มใหญ่ไปได้ แต่พวกเขาดันถูกขัดขวางก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นได้
ในขณะคนที่อยู่ข้างนอกทางเข้ากำลังตะโกนและทุบประตูไปด้วย เสียงจากข้างในก็ตอบโต้กลับมาถึงคนที่อยู่ด้านนอก
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินเสียง แต่เสียงที่ตอบโต้กลับมานั้นก็ฟังยากเกินกว่าที่มาร์คและคนอื่นๆจะเข้าใจ เนื่องจากเขายังอยู่ไกลเกินไป
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ประตูมากขึ้น…
ปัง!
เสียงปืนดังลั่นก้องออกมาจากข้างในโซนสินค้าไอที ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกทางเข้ากระโดดถอยหนีด้วยความตกใจ ในขณะที่มาร์คและคนที่อยู่กับเขาหยุดตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เสียงการตะโกนต่อสู้จากข้างในดังออกมาถึงข้างนอก โดยที่เสียงตะโกนโวยวายนั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความบันดาลโทษะ เสียงนั้นราวกับเหมือนเสียงร้องของหมูที่กำลังฉุนเฉียว
“ถอยไปไกลๆ! พวกเราบอกแล้วว่าพวกเราจะไม่ให้ใครได้เข้ามาอีก! ใครมันจะไปรู้ว่ามีไอชั่วคนไหนอีกมั้ยที่เป็นพวกเดียวกับไอพวกตัวสัตว์ประหลาด! ถอยออกไป! ไม่งั้นยิงอีกนัดจนตัวพวกแกเป็นรูโบ๋แน่!”
ชายคนที่อยู่หน้าทางเข้าถึงกับถอยออกมาด้วยความตกใจ
“แกมันไอชั่ว เห็นแก่ตัว!”
พวกเขาต่างก็รู้ดีกว่าเป็นไปได้ยากที่คนข้างในนั้นจะปล่อยให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาต่างก่นด่าสาปแช่งพร้อมกับกระจายกันไปคนละทิศคนละทางยังที่ที่พวกเขาไม่เห็นซอมบี้เหมือนกับเป็นฝูงแมลง
ในขณะที่สถานการณ์นั้นไม่ค่อยดี มาร์คพร้อมกับคนที่มากับเขาค่อยๆระวังแทรกตัวไหลไปกับผู้คนให้เร็วให้ได้มากที่สุดเพื่อเข้าไปสู่ทางเข้าที่ถูกปิดกั้นไว้
เมื่อเขาได้เข้าใกล้ไปมากขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกดังออกมาอยู่หลายครั้งจากทางด้านขวาของเขา เมื่อมองไปเขาเห็นคนสองคนกำลังเคาะกระจกร้านที่อยู่ด้านใน ร้านนั้นอยู่ติดกับทางเข้ของประตู แต่โชคไม่ดี ยังไงก็ไม่มีทางที่จะได้เข้าไปยันโซนสินค้าเทคโลโลยีอยู่ดี นอกเสียจากว่าพวกเขาจะทำลายพังกระจกนั้นเข้าไปเลยแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน
ภายในตัวร้านค้า มีพนักงานสองคนที่คุ้นเคยเคาะกระจกเพื่อพยายามเรียกความสนใจต่อมาร์คและก็โชคดีสำเร็จ พนักสองคนนี้คือผู้หญิงคนที่มาร์คได้คุยกับเธอไปก่อนหน้านี้และอีกคนคือชายที่ตัวเตี้ยหนึ่งในคนที่เข็นรถเข็น
การเห็นสองคนนั้นรอเขาด้วยท่าทางที่มีทั้งความกลัวและความรู้สึกผิด มาร์คเริ่มปะติดปะต่อและเข้าใจถึงสถานการณ์นี้มากขึ้น
สองคนที่อยู่ข้างในพยายามจะบอกเล่าถึงสถานการณ์ให้คนข้างนอกได้รับรู้ แต่โชคร้ายที่กำแพงกระจกนั้นหน้าจนไม่ได้ยินเสียงจากข้างในได้อย่างชัดเจน นอกจากสองคนนั้นจะตะโกนออกมา มาร์คและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกอาจจะได้ยินพวกเขา แต่สองคนนั้นก็คงไม่กล้าเสี่ยงกับสถานการณ์ที่กดดันเช่นนี้
บั่ก!
มาร์คเหวี่ยงไม้เบสบอลไปที่ใบหน้าของซอมบี้ที่กำลังจะใกล้เข้ามาโดยทันที สองคนที่อยู่ข้างในร้านเมื่อได้เห็นแบบนี้พวกเขาถึงกับสั่นกลัว หลังจากได้มองไปรอบๆ มาร์คยื่นถังดับเพลิงไปที่แองเจเมื่อได้เห็นว่าบริเวณนี้ยังคงไม่มีซอมบี้ที่จะสามารถเข้ามาคุกคามได้ในตอนนี้
“เธอรู้วิธีใช้ใช่ไหม?”
มาร์คถาม
แองเจที่กำลังสับสนอกับคำถามอยู่นั้นก็พยักหน้า
“ฉีดลงไปกับพื้นทางที่พวกซอมบี้กำลังจะเข้ามา ฉันรู้ว่าเธอทำได้ เราจะต้องซื้อเวลาเพิ่มนิดหน่อย”
เมื่อโดนสั่งมาแบบนั้น แองเจถึงกับทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังคงทำตามอยู่ดี ถ้าหากเป็นหญิงคนอื่นที่เหมือนพอลลาเพื่อนของเธอ พวกเขาอาจจะปฎิเสธที่จะทำมันเนื่องจากความกลัว แต่แองเจอเธอน่าจะรู้วิธีป้องกันตัวเองและมีความกล้าหาญที่จะทำมัน มาร์คสังเกตุได้เขาจึงไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากเด็กหญิงคนนี้
พอลลาผู้ซึ่งวิตกังวลกับความกล้าหาญของเพื่อนเธอ แต่เธอก็ทำได้แค่มองดูเพราะเธอเชื่อว่าเพื่อนของเธอจะต้องไม่เป็นอะไร
ในขณะที่แองเจเริ่มพ่นถังดับเพลิงไปบนพื้น มาร์คก็นำโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของของ และกดเปิดหน้าจอ เผยให้เห็นลายวอลเปเปอร์ที่ล็อกหน้าจอของเขาเป็นรูปกาตูนอานิเมะน่ารัก และเมื่อเลื่อนล็อคหน้าจอนั้น สิ่งที่เห็นถัดมาคือลายหน้าจอตัวการ์ตูนอนิเมะเด็กผู้หญิงผมฟ้าถือดาบเล่มยาวด้วยมือขา และถือปืนสั้นด้วยมือซ้าย
พอลลาผู้ซึ่งยืนอยู่หลังเขาเห็นสิ่งนี้กลับต้องประหลาดใจและแอบยิ้มออกมา ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูเข้มขรึมและน่ากลัวแบบเขา แถมยังยิงปืนได้และทุบซอมบี้เละไปหลายตัวจะมีงานอดิเรกที่ชอบแบบนี้?
มาร์คเปิดแอพลิเคชันที่เป็นโน้ตในโทรศัพท์ และเมื่อได้หันไปมองข้างหลัง เขาเห็นว่าพอลลากำลังยิ้มเมื่อได้ชำเลืองมองไปที่โทรศัพท์ของเขา เขารู้สึกอับอายเล็กน้อยแต่พยายามไม่แสดงอาการออกมา
เธอก็สังเกตุได้ว่ามาร์คเห็นว่าเธอแอบมองโทรศัพท์เขา เธอก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยและรีบหันหน้าเมินไปทางอื่น
กลับมาสานต่อกับสถานการณ์ จากนั้นเขาเริ่มพิมพ์บางอย่างลงไปในโทรศํพท์และโชว์ให้สองคนนั้นที่อยู่ด้านในร้านค้าได้ดู
“เกิดอะไรขึ้น?”
มาร์คถามโดยการใช้โทรศัพท์ของเขา