ตอนที่ 18 : เตรียมพร้อมลงสนามรบ
มาร์คค่อยๆออกมาจากทางเดินข้างหลังของห้างอย่างระมัดระวัง ทางเดินมีความยาวกว้างประมาณสามเมตร ความกว้างมากพอให้รถเข็นสองคันผ่านขนานกันเข้าไป และยังมีประตูหลายบานและหลากสีด้วยเหตุผลบางอย่าง
เขาไม่พบซอมบี้สักตัวในตอนนี้ ทางเดินนั้นยาวไปตามห้าง ดังนั้นตามทางเดินจึงมีมุมหลายๆมุม แม้ว่าเขาจะไม่เห็นสิ่งอันตรายใดๆ แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า แต่ละตำแหน่งที่เขาเดินผ่านอยู่นั้นในมุมต่างๆจะมีสิ่งอันตรายปรากฏออกมาหรือไม่
ตามทางเดินยังมีร่องรอยของความเสียหายอยู่ รถเข็นหลายๆคันปิดกั้นตามทางเดินและซากกล่องต่างๆที่หักพังก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เลือดก็กระเด็นเปื้อนตามพื้นและกำแพง และแถมยังมีกองเลือดที่เยอะเกือบจะเป็นแอ่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา
เขามองไปทางขวาซึ่งเป็นตำแหน่งของทิศใต้ เขาเห็นป้ายทางออกหนีไฟแขวนอยู่บนเพดานตรงกลางของทางเดินซึ่งขี้ไปที่ประตูบานหนึ่งทางด้านขวามือ ข้างประตูเขาเห็นศพที่มีเลือดท่วมตัวนั่งเอาหลังพิงกำแพง เลือดไหลออกมาจากแผลที่เหวอะหวะที่แขนทั้งสองข้าง รวมถึงคอและขา ทำให้เลือดไหลออกมาแอ่งน้ำอยู่ที่พื้น
เขาเข้าไปใกล้ประตูทางออกฟนีไฟและสังเกตุเห็นว่าร่างนี้นั้นดูช่างคุ้นตา ซึ่งเขาก็นึกออกด้ในทันที มันคือคนหนึ่งที่อยู่ในแก๊งอันธพาลที่เขาปล่อยให้มันได้หนีไป
“ดูเหมือนว่าอีกคนนึงน่าจะหนีไปได้นะ”
เขาสังเกตุเห็นรอยเท้าที่เป็นสีแดงเปื้อนเลือดอยู่ที่พื้น รอยเท้าทั้งหมดนั้นนำไปทางประตูขนาดใหญ่โดยมีรอยเท้าอยู่แค่สองสามก้าว ดูเหมือนว่าพวกซอมบี้ที่เคยอยู่จุดนี้นั้นมันน่าจะว่องไวรวดเร็วมากซึ่งเขาคิดว่ามันดูมีเหตุมีผลและเป็นไปได้
ในขณะที่เขากำลังเดินไปทางประตูอย่างช้าๆ เขาสังเกตุว่าร่างศพของหนึ่งในสมาชิกแก๊งที่เลวทรามนี้แย่ขนาดไหน และสงสัยว่าทำไมมันถึงถูกทิ้งไว้ตรงนี้และทำไมมันไม่วิ่งกลับไป
จากนั้น….
บั่กกก!
เขาเหวี่ยงไม้เบสบอลเหล็กเข้าไปที่หน้าของศพนั่น ซึ่งมันกำลังจะกลายร่างเข้ามาโจมตีเขาพอดี
“แกไม่ได้กินฉันหรอก”
มาร์คพูดออกไปในขณะที่ศพซอมบี้นักเลงนี้ถูกฟาดด้วยไม้เบสบอลไปหลายคราจนร่างมันได้ตายสนิท โดยไม่มีโอกาสกลับมาฟื้นได้อีกครั้ง
อาจจะนะ…
เมื่อแน่ใจว่าไอนักเลงชั่วนี่ได้ตายสนิทไปแล้ว เขาก็มองผ่านไปที่หน้าต่างกระจกที่อยู่ตรงประตู เมื่อเห็นว่าข้างนอกนั้นไม่มีอะไร เขาก็เปิดประตูและค่อยๆเดินออกไปข้างนอก เขาถูกต้อนรับด้วยอากาศอุ่นๆและกลิ่นเหม็นอับอย่างแรงพัดโชยมา เขามองไปรอบๆอย่างรวดเร็วโดยไม่ใส่ใจว่ามีภาพความเสียหายอยู่ที่เขาสามารถมองเห็นได้จากไกลๆ
สิ่งที่เขาเพ่งเล็งหาคือภัยอันตราย เส้นทางการหลบหนี และสิ่งของต่างๆที่อาจจะนำมาใช้ได้
ที่ซึ่งเขายืนอยู่ในขณะนี้คือช่วงบันไดที่อยู่ข้างหลังของห้างซึ่งติดกับที่จอดรถขนาดใหญ่ บันไดยาวลงไปประมานสองเมตร ปลายสุดของบันไดมีบันไดพับเก็บได้วางอยู่ด้านบน
มาร์คสังเกตุว่าความชุลมุนวุ่นวายที่ด้านล่างบันไดนั้นมีฝูงซอมบี้กำลังรุมล้อมบางสิ่งบางอย่างอยู่บนพื้นคอนกรีต พวกซอมบี้กำลังกัดกินบางสิ่งอยู่ซึ่งก็เดาไม่ยากว่าคืออะไร ข้างหลังพวกมัน เขาเห็นว่ามีหมวกเบสบอลกลิ้งปลิวอยู่
ทางขวาของเขา เขาเจอบันไดอีกที่หนึ่งที่ยึดติดกับกำแพง เขามองขึ้นไปและเห็นว่าบนสุดของบันไดนั้นติดเชื่อมอยู่กับดาดฟ้าของห้าง
เขามองไปทางด้านตะวันตกและเห็นบนไดอีกแห่งหนึ่งซึ่งก็เหมือนกับบันไดที่เขายืนอยู่ตอนนี้
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่น่าจะมีอันตรายใดๆในส่วนเส้นทางตรงนี้และมันสามารถใช้เส้นทางนี้เพื่อหลบหนีได้ เขาตัดสินใจกลับไปหาพวกกลุ่มของเขา แต่เมื่อเขาเข้ามาภายในห้างอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องดังก้องมาจากทางฝั่งด้านเหนือของทางเดิน เมื่อได้ยินตะโกนร้อง เขาก็พยายามไม่ทำอะไรให้ก่อเกิดเสียงต่างๆเลย และมุ่งไปยังฝั่งด้านเหนือผ่านประตูโรงหนังโดยทันที แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะตรวจดูสาเหตุของเสียงนั้นมาจากอะไร แต่เพื่อคว่ำรถเข็นที่กระจัดกระจายอยู่ตามทางเดิน
เขาจัดการให้รถเข็นคว่ำลงและนำกล่องหนักต่างๆมาด้วย เขาจัดการนำของพวกนั้นมาทำเป็นเนินสูงเพื่อจะสร้างทางกั้นระหว่างทางเดิน สิ่งกีดขวางพูดนี้ยังไงก็ไม่สามารถใช้หยุดพวกซอมบี้ได้ แต่จุดประสงค์ของมันไม่ได้มีไว้เพื่อหยุด แต่เพื่อเป็นสิ่งที่ใช้เป็นการขัดจังหวะและเสียเวลาให้กับพวกมัน
“อ่าาาห์!!! ช่วยด้วย! หยุดกัดฉันสักที!! อ่าาห์!!!”
เสียงร้องตะโกนนั้นได้ใกล้เข้ามา ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาด้วยกันเกินกว่าสิบคน
มาร์คหันไปและวิ่งกลับไปที่โรงหนังด้วยความรวดเร็ว เขาเปิดประตูเสียงดังทันที ทำให้คนอื่นๆที่อยู่ข้างในโรงหนังหันไปมองด้วยความสนใจ ในขณะที่พวกเขามองไปที่มาร์ค แม้ว่ามาร์คนั้นจะดูสภาพนิ่งเฉยแค่ไหน แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามีสถานการณ์ที่ไม่ดีกำลังเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
แองเจถามขึ้นมาทันทีเมื่อมาร์คเดินเข้ามาใกล้ มาร์คมองไปที่พวกผู้หญิง จากนั้นก็มองไปที่พนักงานชายที่อยู่ห่างออกไป และประตูโรงหนังซึ่งตอนนี้มีสิ่งขวางกั้นด้วยเฟอร์นิเจอร์หลายๆชนิด เขาก็เห็นพวกแก๊งนักเลงชั่วซึ่งไม่ได้สตินอนอยู่ซึงถูกพนักงานชายนั้นเฝ้าไว้ เขาส่งสัญญานให้พนักงานชายเข้ามาใกล้และหันหลังให้พวกผู้หญิง โดยเฉพาะเหมยซึ่งตอนนี้ก็ดูดีกว่าเมื่อสักครู่
“ซอมบี้กำลังจะมาเร็วๆนี้ เราจำเป็นต้องไปกันแล้ว ตอนนี้เหมยพร้อมจะไปรึยัง?”
การได้ยินเสียงซอมบี้ที่กำลังจะมา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้น จากนั้นพอลล่าก็ตอบคำถามของเขา
“เราจัดการช่วยเธอทำความสะอาดร่างกายแล้ว แต่เธอจำเป็นต้องอาบน้ำอย่างมาก”
มาร์คพยักหน้า
“เราไม่สามารถสู้มันได้หรอ”
แองเจผู้ห้าวหาญถามขึ้นมา
“เราสู้ได้ แต่….” มาร์คหยุดพูด
“แต่อะไร?”
“แต่สุดท้ายก็จะกลายไปเป็นอาหารให้พวกซอมบี้ไงล่ะ” มาร์คยิ้มกลับ
แองเจรู้สึกว่าเธอนั้นถูกมาร์คปั่นหัว
“พวกซอมบี้ที่วิ่งได้อย่างรวดเร็วมีประมานอย่างน้อยก็เกือบสิบตัว ถ้าพวกเราโชคดีก็มีประมาณมากกว่าสามสิบตัว ฉันคิดว่านะ? ยังไงก็ตาม เตรียมตัวให้พร้อม เราต้องไปแล้ว”
แม้ว่าเขาจะพูดติดตลกไปด้วย มาร์คก็ได้ทำให้พวกเขาข้องใจว่า มันมากขนาดนั้นเชียวหรือ และเขาแน่ใจได้ยังว่ามันมีจำนวนเท่านั้น?
ทุกๆคนได้ยืนขึ้นและหยิบของของตัวเองออกมา เหมยที่ยังมีสภาพเคลื่อนตัวยากอยู่ก็ได้ลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน เธอไม่มีอะไรติดมากับตัวเลย แม้กระทั่งเสื้อผ้าแต่เธอก็ยังพร้อมที่จะต้องไปอยู่ดี เนื่องจากขนาดตัวที่แตกต่างกันของเธอและเขา เสื้อแจ็คเก็ตนั้นได้มีความยาวขนาดสามารถกลายเป็นชุดเดรสได้
พนักงานชายนั้นก็เข้ามาด้วยโดยได้แบกคนในแก๊งนักเลงไว้ที่ไหล่
“เราควรทำอะไรกับมันดี?”
ไม่ใช่พนักงานชายที่ถามแต่เป็นแองเจที่ตั้งคำถามขึ้นมาในขณะที่ชี้ไปที่ร่างที่ไร้สติของมัน
มาร์คหันไปหาเหมยซึ่งขยับถอยหลังอย่างรวดเร็วและซ่อนอยู่ข้างหลังมาร์ค เมื่อพนักงานชายนั้นเข้ามาใกล้ ทางกลับกันพนักงานชายก็ไม่ได้ถืออะไร เพราะรู้ถึงเหตุผลที่เธอได้เผชิญสถานการณ์เลวร้ายมาก่อนหน้านั้น
จากนั้นก้ได้ยินมาร์คบ่นพรึมพรำ เมื่อพวกเขาเห็นมาร์คนั้นเอามือกุมขมับ
“แอนโดรกับจีโน่ คู่หูที่เลวอะไรขนาดนี้”
ทุกๆคนต่างก็สับสนกับสิ่งที่มาร์คพูดออกมา
“เหมย เธอต้องการที่จะทำอะไรกับมันดี”
มาร์คถามเหมย
แต่เธอก็ดูประหลาดใจและจ้องไปที่มันด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอลองครุ่นคิดพิจารณากับคำถามของมาร์ค เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำอะไรกับมัน เธอเริ่มจับชายเสื้อของมาร์คอย่างแน่นและมือของเธอก็เริ่มสั่น
เสียงของมาร์คดังออกมาเพื่อไปลบความคิดของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่ามือของมาร์คนั้นกำลังลูบศรีษะของเธออยู่เพื่อให้เธอได้รู้สึกปลอดภัย
“เอาโซ่ออกให้มัน และปล่อยมันไว้ที่นี่”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ทุกๆคนยกเว้นมาร์คและเหมยก็เปลี่ยนท่าที การปล่อยมันทิ้งไว้ที่นี่ยังไงพวกมันก็หนีไม่พ้นความตาย ยังคงไม่มีใครพูดอะไรออกมา
มาร์คเอาโซ่ออก ขณะเดียวกันก็ทำหน้าไม่พอใจ
‘มันจะหลับไปอีกนานแค่ไหนกัน?’
จากนั้นเขาก็แจกจ่ายอาวุธที่ได้รวบรวมมาจากพวกแก๊งนักเลง เขาให้ไม้เบสบอลแก่แองเจ และนำท่อไปป์ให้แก่พนักงานชาย เขาต้องการให้อาวุธอื่นๆกับพอลลา แต่พอลลานั้นก็ต้องช่วยพยุงเหมยไปด้วย ในขณะที่แม่เด็กนั้นอุ้มลูกสาวของเธอ และแน่นอนเหมยนั้นไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ แต่เขาก็คิดสงสัยว่าเธออาจะสามารถที่จะทำได้ จากนั้นทั้งที่แทงน้ำแข็งและมีดยาวนั้นอยู่ในมือของเขาเพื่อใช้งาน เขานำที่แทงน้ำแข็งไปแนบไว้กับเข็มขัดและถือมีดยาวด้วยมือขวา ในขณะที่มือซ้ายนั้นถือปืน ปืนสั้นแนบอยู่ข้างตัวเขา และกระเป๋าใบใหญ่เขาก็นำไปสะพาย
เขาดูพร้อมเหมือนจะเตรียมตัวไปออกรบ ในขณะที่ถูกแองเจมองด้วยความอิจฉาที่เขามีอาวุธมากมาย
กลุ่มของเขาก็ได้มุ่งหน้าไปยังทางออกฉุกเฉินของโรงหนัง