ตอนที่ 30 : การบันทึกของมาร์ค
เวลา 13:13 นาฬิกา – ดาดฟ้าห้างสรรพสินค้าบาคัวร์ , ฝั่งใต้
แองเจและเหมยก็ได้กำลังมองดูการดำเนินแผนขั้นตอนของมาร์คทั้งหมดซึ่งก็ได้ล่อลวงซอมบี้ออกไปได้เป็นจำนวนขนาดใหญ่อย่างสำเร็จไปด้วยดี แม้ว่าแองเจและเหมยนั้นจะมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ความสนใจของพวกเธอก็ตกไปอยู่ที่มาร์คเพียงคนเดียว เพียงเพราะเธอทั้งสองคนนั้นก็ใจไม่กล้าหาญพอที่จะดูภาพสยดสยองที่อยู่ด้านล่างนั้น
เหมยโบกมือของเธอของเธออย่างเป็นห่วงให้กับมาร์คเมื่อเห็นว่ามาร์คนั้นมองมาที่พวกเธอ มาร์คโบกมือตอบกลับก่อนที่จะได้เข้าไปในประตูอย่างระมัดระวัง หญิงสาวสองคนนั้นเห็นว่ามาร์คนั้นแกว่งมีดด้ามยาวใส่กับบางสิ่ง
“ทำไมเขาต้องไปคนเดียวด้วย? มันจะไปอันตรายใช่ไหม? อย่างน้อยเขาก็ควรพาฉันไปด้วยก็คงจะดีกว่านี้”
แองเจบ่นออกไปในเมื่อเธอเห็นมาร์คเดินเข้าประตู
ในขณะที่เหมยนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรแต่จ้องไปที่ประตูด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถ้าหากมาร์คต้องการที่จะเข้าไปคนเดียวแบบนี้ เธออาจจะอยู่ตรงนั้นและจดจ้องไปที่ประตูจนกว่ามาร์คจะได้ออกมา
“มาร์คบอกว่าเธอเป็นการ์ดของพวกเราใช่ไหม? มองไปที่เหมยสิ ไม่มีใครที่นี่จะสามารถปกป้องเหมยได้ยกเว้นเธอแล้ว”
พอลลาซึ่งได้นั่งอยู่เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังของแองเจและเหมยพูดขึ้นมาเพื่อเป็นการตอบในสิ่งที่แองเจนั้นได้บ่นออกไป
“แต่เราก็ปลอดภัยในเมื่ออยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรอ ?” แองเจกล่าว
“มาร์คบอกว่านั่นเผื่อไว้กรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้นเธอก็ต้องคอยดูแลพวกเรา” พอลลากล่าว
“อ่า จริงด้วยสิ”
แองเจตอบกลับไปในขณะที่เธอก็ได้เหยียดหลังพร้อมกับนำมือไขว้ไปที่หลังศรีษะของเธอ เธอหมุนตัวหันไปทางพอลลาและเห็นว่าพอลลากำลังอ่านบางสิ่งอยู่
“เธออ่านอะไรน่ะ?”
เธอถามในขณะที่ก็ได้เดินเข้าไปหาพอลลา
พอลลาได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังอ่านบางสิ่งอยู่ด้วยท่าทางจริงจัง ในมือของเธอนั้นได้ถือสมุดโน้ตเล็กๆซึ่งทำมาจากหนังสีดำ
“มาร์คให้ฉันมาก่อนหน้านี้น่ะ เขาบอกว่าพวกเราควรอ่านสิ่งที่เขาเขียนลงเอาไว้ในนี้”
เมื่อได้ยินว่าสมุดโน้ตเล่มนั้นมาจากมาร์ค จากที่แองเจและเหมยนั้นนั่งอยู่เฉยๆด้วความว่างเปล่าและจ้องอยู่แต่ที่ประตูฉุกเฉินต่างก็ได้พุ่งความสนใจมาที่พอลลา
“ข้างในนั้นมันเขียนอะไรเอาไว้บ้าง?”
แองเจถามออกไปในขณะที่เดินเข้าไปหาพอลลา เหมยก็ลุกขึ้นยืนและตามแองเจไปด้วยเช่นกัน แองเจและเหมยได้ลากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ข้างๆพอลลาเพื่อที่จะดูเนื้อหาที่ถูกเขียนไว้ในสมุดโน้ต
“เหมือนกับว่าเป็นคู่มือการเอาชีวิตรอดจากเหล่าซอมบี้” พอลลากล่าว
“งั้นหรอ? ก่อนหน้านั้นเขาได้เขียนอะไรพวกนี้ไว้งั้นหรอ? ฉันเห็นว่ามาร์คนั้นได้เขียนอะไรอยู่ในสมุดโน้ตน่ะ” แองเจกล่าว
“อาจจะไม่นะ หมึกที่เขียนลงไปนั้นมันแห้งเกินไปและตัวหนังสือบางส่วนในสมุดนั้นก็ได้ซีดจางลงไปแล้ว และดูนี่สิ”
พอลลาชี้ไปที่วันที่ที่ถูกเขียนขึ้นมาบนหัวกระดาษ
“เขาเขียนเอาไว้มากกว่าหนึ่งปีแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเขาต้องเป็นคนที่มีความสนอกสนใจในเรื่องของซอมบี้งั้นหรอ? งั้นไม่ต้องสงสัยเลยทำไมเขาถึงสามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายดายแบบนี้ ในนั้นเขียนว่ายังไงอีก?” เหมยกล่าว
“เขาเองก็ได้เขียนชื่อสถานที่ที่ปลอดภัย ข้าวของหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นและมาตราการการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า เหมือนกับว่าบนดาดฟ้าที่เราอยู่ตอนนี้นั้นก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีนักถ้าต้องอยู่เป็นเวลานาน มันยังคนอื่นๆอีกที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกับพวกเราตอนนี้”
“ถ้าอย่างนั้นอะไรคือจุดประสงค์ของการอ่านสิ่งนี้”
แองเจถามออกมาและได้ยักไหล่ของเธอไปด้วย
“ไม่สิ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มาร์คต้องการให้เราอ่าน ฉันแค่อยากรู้อะไรเพิ่มนิดหน่อยก็เลยอ่านส่วนนี้ก่อน”
“งั้นก็เปิดไปหน้าที่มาร์คต้องการให้พวกเราอ่านเลยสิ” แองเจกล่าว
“โธ่ เธอนี่ช่างเป็นเด็กที่ไร้ความอดทนจังเลยนะ แต่ฉันก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่นะว่าทำไมมาร์คบอกว่าอย่าให้แองเจอ่านเนื้อหาส่วนนั้นคนเดียว”
“เขาบอกแบบนั้นหรอ?”
หลังจากนั้นพอลลาก็ได้เปิดไปยังหน้ากลางของสมุดโน้ตซึ่งเป็นหน้าที่มาร์คนั้นได้ย้ำไว้ว่าและพวกเธอก็เริ่มอ่านเนื้อหาข้างในซึ่งเนื้อหานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันถูกเขียนขึ้นได้ไม่นาน
พวกเธอทั้งสามคนต่างก็ตกใจ
สิ่งที่ถูกเขียนลงไปนั้นทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลที่สำคัญ เป็นการค้นพบจากการสังเกตุของมาร์ค มาร์คนั้นได้แม้กระทั่งตั้งชื่อสายพันธุ์และชนิดของซอมบี้ในแต่ละแบบไว้ในสมุดโน้ตของเขา ตอนนี้นั้นมีซอมบี้อยู่สามชนิดในรายชื่อ ซึ่งคือ นักกระหาย, นักกัด, ผู้กลายพันธุ์ที่อ้วน (ยังพัฒนาไม่เต็มที่) พวกเธอเริ่มอ่านสิ่งที่มาร์คจดบันทึกไว้เกี่ยวกับการค้นพบและคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับพวกฝูงซอมบี้ที่ถูกบันทึกลงไป แต่…
เมื่อพวกเธออ่านใกล้ถึงตอนจบของการที่เขาอธิบายซอมบี้นักกระหาย ท่าทางของพอลลาก็ได้ดูแย่ขึ้น ในขณะที่แองเจนั้นก็ได้ตาแดงขึ้นมาเหมือนว่าจะร้องไห้ออกมา
“ไม่มีทางน่ะ”
แองเจพูดพรึมพรำขึ้นมาในขณะที่เธอก็ได้จ้องไปที่แขนทั้งสองข้างของเธอ พอลลาที่ได้ยืนอยู่ข้างๆแองเจ และจับตัวเธอเข้าไปกอดอย่างแนบชิด
“พอลลา… ฉัน ฉันน…”
“ไม่เป็นไรน่ะ ไมใช่ความผิดของเธอใช่ไหมล่ะ? ถ้าหากเธอไม่ทำอย่างนั้น ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเราถูกมั้ย?”
ตอนนี้พอลลาเข้าใจแล้วว่าทำไมมาร์คถึงบอกว่าห้ามให้แองเจอ่านมันเพียงคนเดียว
เหมยหยิบสมุดโน้ตนั้นมจากพอลลาอย่างระมัดระวังและอ่านสิ่งที่มาร์คได้เขียนอธิบายไว้
====================================================================================
นักกระหาย
นักกัด
====================================================================================
เมื่ออ่านมาถึงส่วนนี้ เหมยเข้าใจแล้วว่าทำไมแองเจถึงมีอาการแบบนั้น เนื่องจากการสำรวจของมาร์ค เหล่านักกัด แม้ว่าจะติดเชื้อแล้วแต่พวมันก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ ถ้าหากว่ามันเป็นอย่างนั้น… เหมยมองไปที่แองเจที่กำลังร้องไห้อยู่
แองเจนั้นก็ได้ฆ่าคนไปหลายชีวิตด้วยสองมือของเธอเอง
ไม่ว่าใครก็ตามที่มีหัวใจและจิตใจที่โอบอ้อมอารีซึ่งต้องการที่จะมีชีวิตรอด แต่ได้ฆ่าพวกเขาไปโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวพวกนี้ก็คงจะรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างมากที่สุดหลังจากที่ได้รู้ข้อเท็จจริงนี้
แองเจเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับสิ่งนี้ เธออาจจะมีความสามารถในการต่อสู้แต่เธอก็ไม่เคยตั้งใจและไม่เคยต้องการที่จะฆ่าใคร
ใช่ พวกนักกัดที่เธอได้ฆ่าไปอาจจะเข้ามาจู่โจมพวกเขาก่อน แต่นั่นก็แปลว่าพวกเขานั้นป่วยติดเชื้อและพวกเขาก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?”
เรห์ยาสังเกตุได้ถึงความวุ่นวายและเดินเข้ามาเพื่อที่จะถามไถ่และเหมยนั้นก็ยื่นสมุดโน้ตไปให้เรห์ยา ท่าทางของเรห์ยานั้นก็เปลี่ยนไปโดยทันทีเมื่อเธอได้อ่านมาถึงส่วนที่พูดถึงนักกัดว่าพวกเขานั้นยังคงมีชีวิตอยู่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
“นี่เรื่องจริงหรอ?”
“พวกเราไม่รู้”
พอลลาตอบกลับไปและลูบหลังแองเจก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่ถึงแม้ว่ามันจะจริง ฉันก็คิดว่ามาร์คนั้นไม่ได้มีเหตุผลไม่ดีที่จะมาบอกพวกเรา”
อีกไม่ช้าพวกผู้ชายก็จะรู้เรื่องนี้และคงจะใคร่ครวญอยู่สักพักเช่นกัน
หลังจากนั้น แองเจเริ่มที่จะจัดการกับตัวเองให้มีสติและใจเย็น แต่เธอก็ยังคงรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ดี แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เหตุผลหลักๆที่เธอเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะว่า…
ก่อนหน้านั้น ที่ชั้นล่างในขณะที่หนีมาด้วยกันกับพอลลา เธอได้ฆ่าเพื่อนของเธอไปหลายคนซึ่งพวกเขานั้นได้เป็นนักกัดแบบที่มาร์คเรียก เธอคิดว่าเพื่อนของเธอนั้นตายไปแล้วก่อนที่จะกลายร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นนั้นเสมือนว่ามาจากภาพยนตร์ที่เธอเคยได้รับชมมา