มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 32 : ล้างทางเดิน

ตอนที่ 32 : ล้างทางเดิน

 

ในที่สุดมาร์คก็ได้ยืนยันความจริงที่ว่าซอมบี้นักกัดนั้นยังมีชีวิตอยู่โดยที่ยังติดเชื้อ

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกมันถึง “คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง” ”

 

ภาพฉากที่ได้ฆ่าพวกซอมบี้นักกัดอยู่ๆก็ได้ปรากฏขึ้นภายในใจของมาร์ค แต่มาร์คนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แม้ว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่รู้สึกใดๆ แม้ว่าท่ามกลางพวกซอมบี้นักกัดนั้นก็ยังมีคนดีๆอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ใดๆเช่นกัน

 

ประเด็นหลักตอนนี้ไม่เกี่ยวกับกับว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่หรือเป็นคนที่ดีมาก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือพวกมันได้กลายเป็นซอมบี้นักกัดไปแล้ว สิ่งสำคัญคือการเอาชีวิตรอด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งนี้แล้ว

 

เมื่อได้มองดูซอมบี้ที่นอนตายอยู่เบื้องหน้าเขา เขาก็มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นมาในใจ มันเป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และเพื่อประดับความรู้ของเขา มาร์คต้องการคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น ดังนั้น…

 

มาร์คตัดสินใจที่จะเก็บซอมบี้พวกนี้ไว้เพื่อเป็นการศึกษา

 

หลังจากนั้นไม่นานมาร์คก็ได้ทิ้งซอมบี้สองตัวนี้ไว้และทำการตรวจสอบพื้นที่ต่อไป มาร์คมองไปตามรอยเท้าพื้นเปื้อนเลือดที่อยู่ตามพื้นและตัดสินใจเดินตามรอยเท้าไป เขาแน่ใจมากว่ารอยเท้าพวกนี้จะทำเขาไปสู่ทางโซนขายสินค้าไอที

 

หลังจากได้ฆ่าเหล่าซอมบี้นักกระหายไปบ้างระหว่างทาง รอยเท้าพวกนั้นก็พาเขาไปยังประตูที่เปิดอยู่ จากการได้เรียนรู้สิ่งผิดพลาดจากการที่เข้าไปยังร้านขายรองเท้าก่อนหน้านี้ เขาไม่โผล่ศรีษะออกไปดูตรงประตูเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วและหาวิธีอื่นแทน

 

มาร์คนำโทรศัพท์ของเขาออกมาจากเข็มขัดและถอดหูฟังออก เขากดปุ่มเปิดเครื่องและเปิดแอพลิเคชันกล้องถ่ายรูปและได้เปลี่ยนเป็นเลนส์กล้องหน้า เขาเห็นหน้าตัวเองใส่หมวกกันน็อคเหมือนในหนังไซไฟอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์

 

มาร์ครู้สึกว่าเขานี่ช่างหน้าตาดีจริงๆเมื่อมีอะไรมาบดบังใบหน้าของเขา

 

ในขณะที่เขานั่งอยู่ข้างๆประตู มาร์คก็ได้เอาโทรศัพท์ยื่นโผล่ไปในตำแหน่งที่กล้องหน้าสามารถเห็นสถานการณ์ข้าในได้

 

สิ่งที่เขาเห็นมันแย่กว่าสิ่งที่เขาได้คิดเอาไว้ บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดและอวัยวะเครื่องในต่างๆ แว่นที่แตกละเอียด อุปกรณ์ไอทีต่างๆแตกพังกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่

 

จากตำแหน่งของมาร์คเขาสามารถเห็นได้ว่ามีซอมบี้อยู่เก้าตัว ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นซอมบี้นักกระหาย เขาสามารถเห็นอยู่เพียงแค่เก้าตัวแต่เขานั้นก็แน่ใจว่ามันมีมากกว่านั้นในส่วนของพื้นที่ที่เขายังมองไม่เห็น โซนสินค้าไอทีนั้นมีพืื้นที่ขนาดที่กว้างใหญ่สำหรับอุปกรณ์สินค้าเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ สิ่งที่เขาเห็นจากประตูบานนี้นั้นไม่ถึงครึ่งของพื้นที่ทั้งหมดในโซนสินค้าไอที

 

‘ถ้าหากข้างในมีแต่ซอมบี้นักกระหาย มันก็จะง่ายแม้ว่าพวกมันจะมีกันเป็นสิบๆตัว’

 

แผนต่างๆมากมายกำลังผุดขึ้นมาอยู่ภายในใจเขา สิ่งที่มาร์คค้นพบว่าเหมาะสมคือการตามหาพวกมันทีละตัวและจัดการฆ่าพวกมัน

 

มาร์คเคลื่อนโทรศัพท์เข้าไปใกล้ประตูในมุมที่กว้างมากกว่าเดิม แต่เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้เลยยกเว้นกำแพงของร้านค้าข้างในประตู

 

เขาสังเกตุร้านสินค้าที่อยู่ตรงข้ามของโซนขายสินค้าไอที ร้านค้าถูกปิดด้วยประตูเหล็ก มาร์คเข้าใจได้ทันทีว่าต้องมีคนอยู่ข้างในร้านแห่งนั้น ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นจะเป็นเหล่าคนที่ทำตามสิ่งที่มาร์คได้แนะนำไป

 

มาร์คจะสามารถแน่ใจได้อย่างไร? ซึ่งมีอยู่สองเหตุผล

 

ประตูนั่นมีกุญแจล็อคอยู่ด้านล่างสุดของประตูเหล็กบ่งบอกให้เห็นว่าร้านค้านั้นปิดอยู่แล้ว ร้านสินค้าที่มาร์คเห็นมาทั้งหมดก็ปิดกันเกือบจนหมด

 

อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาแค่รับรู้ได้ไม่เหตุผลใดๆมารองรับ อาจจะคิดว่านั่นเป็นหลักฐานที่ดูไม่มีน้ำหนักแต่เขาแน่ใจว่าเขาคิดถูกแน่นอน

 

คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างในร้านค้าสามารถถูกช่วยได้แต่ในตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลา เขาจะต้องทำทางเดินให้ปลอดภัยเสียก่อน มาร์คไม่ต้องการที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงระหว่างได้จัดการกับพวกซอมบี้ที่อยู่ข้างใน

 

ด้วยเหตุนั้น เขาจะต้องแน่ใจว่าไม่มีซอมบี้ตัวไหนที่พบเห็นเขา

 

มาร์คเดินผ่านประตูและจัดการกับซอมบี้นักกระหายที่เดินโซเซไปมาอย่างเงียบๆ ทางเดินที่เขาได้เดินอยู่ก็เต็มไปด้วยเลือดของซากศพที่นอนอยู่ตามพื้นซึ่งศพพวกนั้นก็ได้หัวขาดเกือบทั้งหมด

 

เขาตรวจสอบทุกๆประตูที่เขาเห็นไปทีละบานๆ ถ้าประตูล็อคเขาก็จะปล่อยให้มันล็อคไว้อย่างนั้น แต่ถ้าประตูไม่ได้ล็อคเขาจะค่อยตรวจสอบว่าข้างในประตูนั่นมีอะไร

 

ระหว่างการทำตามขั้นตอนแผน เขาค้นพบว่าประตูหลายบานที่ไม่ได้ล็อคนำไม่สู่ห้องเก็บสินค้าต่าง มันโชคไม่ดีเท่าไหร่ที่ร้านค้าส่วนใหญ่ที่มาร์คได้เข้าไปแล้วนั้นถูกเปิดก่อนที่พวกฝูงซอมบี้จะได้ปรากกฏขึ้นซึ่งทำให้หน้าร้านดูอันตรายเกินกว่าที่จะเข้าไป และมันมีทั้งร้านที่มีฝูงซอมบี้นักกระหายและนักกัดอยู่รวมกัน มาร์คยืนยันที่จะไม่ไปเผชิญหน้ารบกวนกับซอมบี้นักกัดและจัดการกับซอมบี้นักกระหายดีกว่า

 

มาร์คยังคบเจอร้านอีกสองสามแห่งที่ประตูเหล็กหน้าร้านปิดลงมา มันทำให้เขาสงสัยว่าทำไมประตูร้านถึงไม่ได้ถูกล็อคแม้ว่าร้านค้าจะปิดลง

 

ใช้เวลาไม่นานเขาก็ได้ไปถึงยังสิ้นสุดของทางเดินฝั่งปีกตะวันตก ตรงหน้าเขาตอนนี้คือทางแยกซึ่งเป็นทางที่เขากำลังยืนอยู่ทางหนึ่งคือทางที่ไปสู่โซนกลางของห้างสรรพสินค้าและอีกฝั่งใต้ของห้างสรรพสินค้าที่เชื่อมต่อกัน

 

เขามองไปที่ทางเดินฝั่งซ้ายซึ่งนำไปสู่โซนกลางห้าง ทางเดินที่จะไปสู่กลางห้างนั้นมันก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่และมันก็เชื่อมกับร้านค้าสักสองสามร้านก็สิ้นสุดปลายทาง ตรงนั้นมีซอมบี้นักกระหายเดินโซเซไปมาอยู่ในพื้นที่แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงสำหรับมาร์ค

 

อีกทางหนึ่งฝั่งขวาของเขานั้นทางเดินดูลำบากสำหรับเขา มันคือทางเดินที่เชื่อมไปยังโนงหนัง ทางเดินนั้นเต็มไปด้วยเลือดและซากศพเกลื่อนเต็มไปหมด ทางเดินยาวนำไปสู่ทางใต้สุดของห้างซึ่งมือซอมบี้นักกระหายอยู่กระจัดกระจาย แต่ไม่ใช่ซอมบี้นักกระหายที่ทำให้สะดุดตา ตรงกลางทางเดินมีมีก้อนเนื้อสดขนาดใหญ่ที่ดิ้นไปดิ้นมา

 

มันคือซอมบี้ซึ่งเขาใช้ชื่อแทนว่า “ซอมบี้ร่างยักษ์” ที่ได้เล่นงานมันไปก่อนหน้านี้ จากระยะทางตรงนี้ทำให้เห็นว่าก้อนเนื้อขนาดใหญ่ของมันเด้งไปเด้งมา มันช่างน่าขยะแขยงสะเหลือเกินเมื่อเมื่อคนอ้วนกลายร่างเป็นแบบนี้ มันทำให้เขาเห็นได้ว่าข้างในร่างกายของมันน่ารังเกียจขนาดไหน

ซอมบี้ร่างยักษ์ดูเหมือนว่าพยายามจะคลานแต่เพราะว่าน้ำหนักและร่างกายที่ใหญ่เกินขนาดของมันนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากจะดิ้นไปดิ้นมาอย่างน่ารังเกียจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่มาร์คเล่นงานมันไปเพราะเขาได้ยิงที่ไปขาของมันก่อนหน้านี้ทำให้มันไม่สามารถยืนทรงตัวได้อีกต่อไป

 

มาร์คแกว่งท่อโลหะของเขาและทุบไปที่คอของซอมบี้นักกระหายที่พุ่งเข้ามาหาเขา

 

เขายืนอยู่ตรงนั้นพลางคิดไปด้วยว่าเขาควรจะสำรวจฝั่งใต้เพื่อความปลอดภัยด้วย ตรงนั้นแทบไม่มีอะไรที่สำคัญ สุดของทางใต้ของทางเดินนั้นมีแค่เชื่อมกับโรงหนังขนาดใหญ่และก็ยังเชื่อมกับฝั่งตะวันออก เมื่อคิดได้แบบนั้นมาร์คจึงคิดว่าก่อนหน้านี้เขานั้นไม่ได้ใส่ใจกับทางฝั่งตะวันออกเท่าไหร่

 

เพราะเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะปิดประตูร้านค้าสักสองสามร้านที่อยู่ทางฝั่งใต้และจัดการกับซอมบี้นักกระหายให้หมด

 

ความเพลิดเพลินในการได้กำจัดฆ่าพวกฝูงซอมบี้นักกระหายได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ฝูงซอมบี้ที่เฉื่อยชาเหล้านี้จริงๆนั้นแข็งแรงแต่มันก็เท่านั้นถ้าหากพวกมันไม่สามารถจับเหยื่อของมันได้

 

มาร์คได้สร้างสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าซอมบี้ผ่านเข้าไปยังพื้นบริเวณโรงหนังจากทางเข้าที่เขาได้ปกป้องรักษาไว้อย่างปลอดภัย มาร์คใช้ทั้งรถเข็น เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของที่เขาพบในห้องเก็บของจากร้านขายสินค้าที่เขาได้ตรวจสอบมาก่อนหน้านี้ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นที่เก็บของและโต๊ะพับได้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆที่เขาเจอเช่นตู้นั้นหนักเกินไปที่เขาจะแบกไหว สิ่งกีดขวางพวกนั้นถูกมัดด้วยสายไฟ เขาพยายามทำให้มันแข็งแรงเท่าที่เขาสามารถจะทำได้

 

แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่พอใจกับสิ่งกีดขวางที่เขาสร้างขึ้นมาและต้องการที่จะทำให้มันแข็งแรงกว่าเดิม แต่จำเป็นที่จะต้องพึ่งสิ่งอื่นมาช่วยสร้างสิ่งกีดขวางแข็งแรงขึ้นมากกว่านี้

 

เช่น ซอมบี้สองตัวที่เขาได้จับมา มาร์คตัดสินใจที่จะเอาซอมบี้ร่างยักษ์ไว้เพื่อการสังเกตุอาการแทน ยังไงมันก็ไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้อยู่แล้ว มาร์คจัดการยัดผ้าขี้ริ้วเข้าไปในปากมันเพื่อที่จะได้ปิดปากมันเอาไว้แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ

 

ซอมบี้ร่างอ้วนนี้ได้กลืนผ้าขี้ริ้วไปทั้งหมดในคำเดียว! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างของมันถึงได้ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้!

 

เพราะเหตุผลนั้น ก็ได้ยอมแพ้ที่จะปิดปากซอมบี้ร่างยักษ์ และทิ้งโน้ตไว้เตือนใจคนอื่นว่าอย่าเข้ามาหาชายหรือซอมบี้ร่างยักษ์คนนี้ เขาต้องการที่จะหมุนทิศร่างซอมบี้ยักษ์ตัวนี้แต่ก็ได้ยอมแพ้ที่จะทำแบบนั้น เขาจะไม่สัมผัสร่างซอมบี้ตัวนี้ และมันก็ดูเหมือนว่าน้ำหนักเยอะเกินไปที่จะเคลื่อนย้าย

 

เขาปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้น และตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบประตูที่เหลือก่อนที่จะกลับเข้าไปยังบนดาดฟ้า

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset