บทที่ 74
อรุณทอแสงและจางหาย วันเวลาค่อยๆไหลผ่านอย่างช้าๆ หยางเวยและหลันเซ่อกลายเป็นสหายคู่ใจกันเสียแล้ว ทั้งสองออกไปทําภารกิจสังหารสัตว์อสูรร่วมกันหลายต่อหลายครั้ง หยางเวยมีระดับพลังเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ระดับสีน้ำตาลขั้นห้าอีกไม่กี่ก้าวก็จะตัดผ่านระดับ ส่วนหลันเซ่อตัดผ่านระดับมาอยู่ที่สีม่วงขั้นต้นแล้วเช่นกัน ส่วนศิษย์สํานักคนอื่น แต่ละคนมีวิธีฝึกฝนของแต่ละคนตามแต่คัมภีร์ที่เลือกมา บางครั้งก็รวมกลุ่มออกไปสังหารสัตว์อสูร เนี่ยฟงศึกษาอักขระศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติม ยังคงทดลองและดัดแปลงนํามาใช้กับการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนระดับพลังไม่มีท่าทีว่าจะเพิ่มระดับโดยง่าย มีเพียงดาบในจุดตันเถียนเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เจ้าสํานักจางหลิงส่งผู้อาวุโสหลายคนออกไปสืบข่าวถึงการเคลื่อนไหวที่สํานักกิเลนไฟ รวมไปถึงสํานักเจ็ดดาวในเขตดินแดงแห่งไฟ ทางด้านสํานักกิเลนไฟเจ้าสํานักฉีหวังลู่ปิดตัวเงียบ มือสังหารที่ถูกส่งออกมาถูกผู้อาวุโสในสํานักสังหารตกตายไปถึงสี่คน ข่าวศิษย์เจ้าสํานักจางหลิงถูกคนตามล่าสังหารค่อยๆจางหายไปกับเวลาที่ค่อยๆไหลผ่าน ทางด้านราชสํานักก็หาได้นิ่งนอนใจ องค์ชายสี่เจ็บแค้นฉีเจิงกวนไม่น้อยที่เสียท่าให้วันนั้น ฝึกฝนพลังปราณและวิชาฝ่ามือจนระดับพลังพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ทางด้านฉีเจิงกวนเองก็เจ็บแค้นเช่นกัน ตัวมันเองเกือบตกตายภายในป่าเพราะสัตว์อสูร อีกทั้งเมื่อกลับออกมายังถูกลงโทษอีก มันหวังคิดติดตามหาคนลงมือในวันนั้นเพื่อแก้แค้นเช่นกัน
เริ่มที่จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ลมหนาวเริ่มพัดพาความเย็นเข้ามาสัมผัสกาย เด็กหนุ่มผู้หนึ่งมัดผมหางม้า ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งมีมัดกล้ามเล็กน้อย เดินเข้ามาที่บ้านพักของศิษย์ใหม่ หลายคนจ้องมองด้วยความสงสัย ทันทีที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านของหยางเวย พยัคฆ์สายฟ้าตัวใหญ่ก็พุ่งทะยานออกมาจากบ้านของหยางเวย มันรีบเอาศีรษะมาถูที่มือขวาของเด็กหนุ่มผู้นั้นอย่างคุ้นเคย เสียงกล่าวออกมาจากบ้านพักด้านหน้า
“ หลันเซ่อมีสิ่งใด เหตุใดเจ้าถึงรีบออกมา ”
ทันทีที่หยางเวยเดินออกมา พบเห็นเด็กหนุ่มด้านหน้าก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ เหอะ เจ้าคงไม่ใช้ไอ้บ้าเนี่ยฟงหรอกนะ ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่คือคําทักทายจากคุณชายหยางเวยรึ ”
“ เจ้าดูเปลี่ยนไปจนข้าจําแทบไม่ได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่เจ้าถูกพาตัวไปที่นั่นเจ้าเปลี่ยนไปไม่น้อยจริงๆ ”
“ อีกไม่นานเจ้าก็จะจัดผ่านไปขั้นหกแล้วให้ข้าช่วยหรือไม่ ?
“ เจ้าช่วยข้าจริงรึ”
“ แน่นอนเพียงแต่ว่า ”
“ เหอะ ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องมีสิ่งตอบแทน ว่ามาเถอะหากข้าช่วยได้ข้าจะจัดการให้”
เนี่ยฟงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยหลังจากนั้นก็เอ่ยวาจาออกมา
“ เจ้าต้องสืบข่าวของศิษย์อันดับต่างๆให้ข้า ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยางเวยก็หัวเราะออกมาพร้อมกับโยนบันทึกเล่มหนึ่งไปให้เนี่ยฟง
“ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องอยากรู้ ข้าจึงไปสืบมาให้ ทั้งหมดหนึ่งร้อยคนถูกบันทึกไว้แล้ว อีกทั้งยังมีศิษย์บางคนที่กําลังมาแรงในช่วงที่เจ้าไม่อยู่อีกหลายคน ก็มีในบันทึกเล่มนั้นหมดแล้ว ”
เนี่ยฟงโบกสะบัดมือขวานําแก่นพลังปราณระดับสีส้มออกมาหนึ่งก้อนแล้วโยนไปให้หยางเวย ทันทีที่ได้รับมันหยางเวยถึงกับจ้องมองมันอย่างไม่วางตา พร้อมกับหันมามองเนี่ยฟงด้วยสายตาขอบคุณ
“ เจ้าเอาไปเถอะ ข้าขอตัวไปพักก่อน ”
รุ่งเช้าวันต่อมาเนี่ยฟงก็เดินไปรับเม็ดยาประจําเดือน หลังจากนั้นก็ไปพูดคุยกับผู้อาวุโสเสิ่นเย่ที่หอคัมภีร์เกือบสองชั่วยาม เข้าพบเจ้าสํานักเมื่อกลับออกมาก็พบว่าแสงอรุณเริ่มที่จะลาลับ เนี่ยฟงก็เร่งเดินทางกลับบ้านพัก ในระหว่างทางก็พบกับศิษย์สํานักกลุ่มหนึ่งดักทางไว้ เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วเพราะคนด้านหน้าหาได้รู้สึกคุ้นเคย
“ ได้โปรดหลีกทางด้วย”
ไร้ซึ่งเสียงใดกล่าวตอบมา เนี่ยฟงแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่นานก็จางหายไปต่อหน้าต่อตาศิษย์สํานักที่ยืนขวางทางอยู่ แต่ละคนล้วนแล้วแต่ตกตะลึง ไม่ถึงสองลมหายใจก็ค่อยๆร่วงลงไปนอนกับพื้นทีละคน เนี่ยฟงลงมืออย่างรวดเร็ว ต่อยศิษย์กลุ่มนั้นลงไปนอนกับพื้น ไม่ลืมที่จะรูดทรัพย์ทั้งหมด หลังจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับบ้านพัก รุ่งเช้ามีข่าวกระจายทั่วสํานัก มีบุคคลอื่นปลอมตัวเข้ามาทําบางอย่างในสํานัก เพียงแต่ว่าถูกจัดการโดยใครบางคนเสียก่อน ซึ่งเนี่ยฟงก็หาได้สนใจยังคงอยู่ในบ้านพักเช่นเดิม
อรุณทอแสงยามเช้า เสียงนกร้องขับขานแว่วดังแต่ไกล ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆ ศิษย์สํานักมากมายหลายพันมุ่งหน้ามาที่ลานประลอง เนี่ยฟงเดินออกมาจากบ้านพักพร้อมหลันเซ่อก็พบเจอหยางเวยยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ทั้งสามเดินมาที่ลานประลองพร้อมกัน ตลอดทางยังคงมีศิษย์สํานักจ้องมองเช่นเดิม เมื่อมาถึงด้านหน้าลานประลอง มีหลายคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม เนี่ยฟงหาได้อยู่รวมกลุ่มกับศิษย์สํานักคนอื่น ยังคงยืนอยู่กับหยางเวยและหลันเซ่อเช่นเดิม ไม่นานกลุ่มของเจ้าสํานักและบรรดาผู้อาวุโสเดินข้ามาที่ลานประลอง เจ้าสํานักพุ่งทะยานขึ้นมาที่ลานประลอง
” พวกเจ้าคงเตรียมตัวกันอย่างดีสําหรับการประลองในครั้งนี้ ครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งที่ผ่านมา เพราะจะมีการหาศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดสิบคน ไปประลองที่การประลองเขตทั้งแปด ที่จะจัดขึ้นที่สํานักคชสารธรณีในเขตดินแดนแห่งดิน กฎการประลองห้ามมีการสังหารกันในลานประลอง ผู้ที่ถูกกล่าวท้าทายมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้เช่นกัน ส่วนของรางวัลอันดับที่ห้าสิบเอ็ดลงไปจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังปราณจํานวนหนึ่งร้อยเม็ด อันดับที่สี่สิบเอ็ดลงไปจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังปราณจํานวนหนึ่งร้อยห้าสิบเม็ด อันดับที่สามสิบเอ็ดลงไปจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังปราณจํานวนสองร้อยเม็ด อันดับที่ยี่สิบเอ็ดลงไปจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังปราณจํานวนสองร้อยห้าเม็ด อันดับที่สิบเอ็ดลงไปจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังปราณจํานวนสองร้อยห้าสิบเม็ด ส่วนสิบอันดับแรกจะได้เม็ดยาพลังปราณจํานวนสามร้อยเม็ด ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นเจ้าสํานักก็โบกสะบัดมือขวา ป้ายไม้สิบอันก็ปรากฏออกมา
“ ป้ายทั้งสิบนี้ จะเป็นของพวกเจ้าสิบอันดับแรก ”
เสียงโห่ร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งลานประลอง
“ พวกเจ้าคงรอคอยกันนานแล้ว เช่นนั้นขาขอเบิดงานการประลอง”
เมื่อกล่าวจบท่านเจ้าสํานักก็พุ่งทะยานลงมาที่ด้านล่าง เดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ที่จัดเตรียมไว้เช่นเดิม