ซองอูพูดอย่างนั้นและเดินออกไป กอบลินแปดตัวยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับเจอสัตว์ป่าดุร้าย พวกมันถึงกับกรีดร้องและก้าวถอยหลัง
เคี๊ยก…เคี๊ยก…
นั่นเพราะว่า ‘กลิ่นมรณะ’ อันพิลึกพิลั่นของเนโครแมนเซอร์ แต่ฝูงกอบลินดูเหมือนจะหวาดกลัวภาพซองอูในสายตาของจินซอกและคนอื่นเสียมากกว่า
ไม่นาน การล่าของพวกเขาได้เริ่มขึ้น
***
กลุก กลุก
เสียงกระดูกกระทบกันดังอย่างน่าหวาดผวา คนที่ซ่อนตัวอยู่พูดไม่ออก ใบหน้านั้นแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านหน้าต่างกระจก โครงกระดูกสี่ตัวเริ่มสังหารกอบลินทั้งแปดอย่างป่าเถื่อน
“นั่นมันอะไรกัน?”
แม้แต่จินซอกที่ถือโล่ห์ในมือยังตัวสั่นเมื่อเห็นการต่อสู้ เขาคิดว่าเขาจะถูกฆ่าแล้วตั้งแต่ตอนที่เห็นฝูงกอบลิน เขาถึงกับคิดหนีเมื่อมีโอกาส
แต่ซองอูนั้นก้าวไปข้างหน้าโดยถือหอกทื่อของเขาด้วยมือเดียวและเริ่มทำการฆ่าเหล่ากอบลินด้วยโครงกระดูกเหล่านั้น
“ขวางบันได อย่าให้พวกมันหนี!”
เมื่อซองอูตะโกน โครงกระดูกแขนเดียวไปที่ขั้นแรกของบันได
“ดีมาก! ขวางทางมันแบบนั้นแหละ!”
ที่จริงซองอูไม่จำเป็นต้องตะโกนใส่โครงกระดูก แต่เขาทำเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าโครงกระดูกเหล่านี้ไม่มีอันตราย พวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาและเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยทุกคนให้รอดจากสถานการณ์นี้ไปได้
‘มีแต่เราคนเดียวที่จะสู้กับบอสมอนสเตอร์ได้’
ซองอูตั้งใจจะฆ่าบอสภายในเวลาที่เหลืออยู่และหนีออกจากอาคาร เขาคิดว่ามันคือกฎของเกมและวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!
กอบลินหนึ่งตัวล้มลงเมื่อถูกการโจมตีคริติคอล แม้ว่าจะมีโอกาสโจมตีคริติคอลเพียง 10% แต่เหล่าโครงกระดูกนั้นมีโบนัสความเร็วการโจมตี โอกาสโจมตีคริติคอลจึงเกิดผลบ่อยครั้ง
<กำลังใช้งานเอฟเฟคพิเศษ>
ผสาน : กลุ่มโจรมีด
โอกาสโจมตีคริติคอล (+10%), สะสมทอง (+10%)
สกิล : ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อน
ความเร็วการโจมตีเพิ่มขึ้นเมื่อต่อสู้กับกอบลิน (+20%)
‘ถ้าเราใช้บัฟจากกำไลพวกกอบลินก็ไม่เป็นอันตรายแล้ว ไม่ว่าจะมากี่ตัวก็เถอะ’
ซองอูคุ้นชินกับสถานการณ์แล้ว
‘แต่พวกกอบลินไม่ใช่แค่ศัตรูเดียวของเรา ในอนาคตจะมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ออกมาอีก’
มันไม่สำคัญสำหรับเขาว่าทำไมถึงมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว เพราะเขาคิดไปก็มิอาจหาเหตุผลได้ สิ่งสำคัญสำหรับเขาตอนนี้คือการต่อสู้กับกอบลินเพื่อเอาชีวิตรอด
ในขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวอยู่กำลังมองซองอูต่อสู้กับกอบลินด้วยความลำบากใจ
“เจ้าหมอนั่นกำลังสั่งโครงกระดูกใช่ไหม?”
“ชั้นคิดว่างั้นนะ”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ฬนตอนนี้เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็เป็นเรื่องจริง พวกเขาเริ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเมื่อเห็นซองอูรับมือได้
“เราโชคดีจริง ๆ…”
“เขาเป็นใครกัน? เขาเรียนคณะไหน?”
“หา? เขาดูเหมือนรุ่นพี่ในคณะ…”
ไม่เพียงแต่จะโล่งใจที่มีชีวิตรอด แต่พวกเขายังตระหนักอีกด้วยว่าซองอูเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขา มันคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ต้องการหาใครสักคนเพื่อพึ่งพิง
การได้เห็นซองอูต่อสู้นั้นบอกพวกเขาว่าซองอูคือชายที่จะพาพวกเขาฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไป
เคี๊ยก…
ซองอูจับหอกง้างมือขว้างใส่กอบลินตัวสุดท้ายสุดแรง
ฉั่วะ!
หอกปักที่กลางลำตัวกอบลินพอดี
“…ฟู่ว ดีล่ะ”
แม้จะมีเหล่าโครงกระดูกเป็นลูกน้องที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกัน ซองอูก็รู้สึกว่าเขาต้องลับฝีมือเพื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การลงมือสังหารกอบลินจริง ๆ จากเขาทำให้คนอื่น ๆ ประทับใจขึ้นเป็นอย่างมาก
“…ว้าว!”
“เจ้านั่นยอดไปเลย เขาใช่คนเดียวกับที่เขียนอะไรซักอย่างให้คณะอักษรฯไหม?”
“พวกเราโชคดีมาก! โชคดีที่มีคนอย่างเขาที่นี่”
ซองอูมองศพกอบลินที่นอนเกลื่อนกลาดหลังต่อสู้จบ แต่เขาไม่เห็นอะไรที่ส่องแสงสีทองที่บ่งบอกว่าเป็นไอเทมเลย
‘ฆ่ากอบลินธรรมดาแล้วไม่ได้ไอเทมสินะ?’
มีมีดทื่อ ๆ ที่กอบลินธรรมดาถือ แต่สิ่งที่เป็นไอเทมนั้นจะได้รับในตอนที่ฆ่ากอบลินตัวใหญ่เหมือนหัวหน้ากอบลินที่เขาเคยฆ่ามาก่อน
แต่มีข้อความหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นโผล่ขึ้นมา
<คุณฆ่ามอนสเตอร์ 20 ตัว คุณจะได้รับ ‘ตั๋วเสี่ยงโชค’ คุณคือคนที่ทำได้เป็นคนที่ 34 ในบันทึก คุณถูกอัพเกรดให้เป็น ‘ไม่จำกัด’ โอกาส(จำกัด 100 คน)>
“…ตั๋วเสี่ยงโชค?”
ซองอูไม่ได้รู้ในทันทีว่ามันคืออะไร เพราะไม่มีสิ่งที่เหมือนกับ ‘ช่องเก็บของ’ ในเกมนี้ เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครให้มันกับเขา เขาจึงเก็บเรื่อง ‘ตั๋วเสี่ยงโชค’ ไว้ในใจและสนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
“ทำได้ดี!”
ซองอูพูดกับเหล่าโครงกระดูกที่เปื้อนเลือด
แน่นอนว่าเขาพูดไปพอเป็นพิธีเพราะพวกมันไม่ใช่มนุษย์
กึด กึด
โครงกระดูกแขนเดียวกัดฟันดีใจอีกครั้ง
“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนั้น”
โครงกระดูกตัวอื่นที่กำลังจะกัดฟันตามต้องหยุดตามคำสั่ง
จินซอกตะโกนขึ้นมาในตอนนั้นเอง
“…ไอ้เวร!”
ซองอูหันไปมองจินซอกที่กำลังโกรธ เมื่อเขาเดินเข้าหาจินซอก โครงกระดูกสี่ตัวที่เต็มไปด้วยเลือดเดินตามเขาเข้าไป
“อึก…”
จินซอกเดินถอยหลังด้วยความตกใจขณะที่มินซูหนีไปสุดทางแล้ว
“ไม่คิดว่าชั้นช่วยแกหรอกเรอะ?”
ซองอูถาม
จินซอกเคยดูถูกเขาเมื่อไม่นานมานี้เมื่อเห็นเขาถือหอกทื่อ ครั้งนี้จินซอกได้แค่พยักหน้าเงียบ ๆ
ซองอูเดินไปยังที่ซ่อนและมองรอบ ๆ มีคนถืออาวุธอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน รวมฮันโฮ จินซอก และมินซู
ทุกคนกำลังมองซองอู ซองอูเงียบไปครู่หนึ่ง
“…”
จริง ๆ แล้วมันคือวิธีการที่เขาใช้ตอนอยู่ในกรม เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์มักจะใช้ความเงียบเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเรียกรวมพลทหารและเงียบไปชั่วขณะ ซึ่งทำให้เพิ่มความตึงเครียดในความเงียบนั้น และเมื่อพูดสิ่งใดหลังจากนั้น สิ่งนั้นจะมีน้ำหนักขึ้นมา
ซองอูเองก็ใช้วิธีการนี้หลังจากได้เป็นผู้หมวดอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าการจะทำแบบนี้ต้องใช้สิ่งที่เหมือนกับ ‘อำนาจ’ ซึ่งซองอูมีสิ่งนี้อยู่แล้วจากการที่เขาต่อสู้ให้เห็น
“…”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอย่างที่คิด ความเงียบยังดำเนินต่อไป ทุกคนจับจ้องมองซองอูราวกับว่ารอให้เขาพูดบางอย่างออกมา
ซองอูเปิดปากขึ้นมาในตอนสุดท้าย
“ทุกคนคงจะเห็นข้อความแล้วว่าประตูจะไม่เปิดเพราะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น”
“เราจะทำยังไงกันดี?”
“มีทางเปิดมันไหม?”
ท่าทางของพวกเขาค่อนข้างแตกต่างจากตอนที่มีจินซอกเป็นผู้นำ แทนที่จะบ่นหรือสั่นกลัว พวกเขากำลังหาหนทางแก้ปัญหาราวกับได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญ หรือก็คือพวกเขาเริ่มยอมรับแล้วว่าซองอูคือคนที่พวกเขาเชื่อใจและพึ่งพาได้
ซองอูชี้ประตูหลัก
“ทางแก้ไขเขียนอยู่ตรงนั้นแล้ว เราต้องจัดการบอสมอนสเตอร์ที่อยู่ในตึกนี้ให้ได้”
พวกเขาตึงเครียดขึ้น ซองอูชี้นิ้วไปบนเพดาน
“เราเหลือเวลาแค่สองชั่วโมง มันซ่อนอยู่บนตึกนี้แหละ”
พวกเขาเงียบอีกครั้ง
“ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราจัดการมันไม่ได้…แต่จะต้องอันตรายมากแน่ ถ้าหากมอนสเตอร์แข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่น่ากลัวอาจรอพวกเราอยู่”
ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นมา
“ชั้นเห็นมอนสเตอร์นั่น”
“จริงเหรอ?”
“ชั้นเห็นบอสมอนสเตอร์ในตอนที่สูบบุหรี่บนดาดฟ้า…เห็นมอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่มาก ๆ โผล่ขึ้นมา ศาสตราศาสตร์ถูกมันฆ่าตาย…”
ชัดเจนแล้วว่าจุดหมายของเขาอยู่ที่บนดาดฟ้า